2พงศาวดาร 33 – TNCV & CARSA

Thai New Contemporary Bible

2พงศาวดาร 33:1-25

กษัตริย์มนัสเสห์แห่งยูดาห์

(2พกษ.21:1-10,17-18)

1เมื่อมนัสเสห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์มีพระชนมายุสิบสองพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 55 ปี 2มนัสเสห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติทั้งหลายที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล 3มนัสเสห์ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายซึ่งเฮเซคียาห์ราชบิดาได้ทำลายทิ้งไปแล้วขึ้นมาใหม่ ทั้งทรงสร้างแท่นบูชาพระบาอัลและเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ทรงกราบไหว้นมัสการดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า 4พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระต่างๆ ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “นามของเราจะดำรงอยู่ในเยรูซาเล็มตลอดไป” 5พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้าที่ลานทั้งสองของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 6พระองค์ทรงนำโอรสของพระองค์เองมาเผาบูชายัญ 33:6 หรือพระองค์ทรงให้โอรสของพระองค์เองลุยไฟในหุบเขาเบนฮินโนม พระองค์ทรงเล่นคาถาอาคม ทำนายโชคชะตาราศี ใช้เวทมนตร์ และทรงปรึกษาคนทรงกับหมอผี ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์

7มนัสเสห์ตั้งรูปเคารพแกะสลักที่ทรงทำขึ้นไว้ในพระวิหารของพระเจ้า ที่ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้กับดาวิดและโซโลมอนราชโอรสว่า “เราจะสถาปนานามของเราไว้เป็นนิตย์ในวิหารแห่งนี้และในเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกสรรจากทุกเผ่าของอิสราเอล 8และขอเพียงแต่ชนอิสราเอลใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เราสั่งไว้ผ่านทางโมเสส เกี่ยวกับบทบัญญัติ กฎหมาย และข้อปฏิบัติต่างๆ เราก็จะไม่ทำให้พวกเขาต้องระเห็จจากดินแดนที่เรายกให้บรรพบุรุษของพวกเขาอีกเลย” 9แต่มนัสเสห์กลับชักนำชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มให้หลงผิดไป ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายไปให้พ้นหน้าชนอิสราเอลเสียอีก

10องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเตือนมนัสเสห์กับประชากร แต่พวกเขาไม่สนใจ 11ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงส่งแม่ทัพของกษัตริย์อัสซีเรียมาสู้รบ และจับมนัสเสห์ไปเป็นเชลย เอาเบ็ดเกี่ยวจมูกของพระองค์ พันธนาการด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ และคุมตัวไปยังบาบิโลน 12ในความทุกข์ลำบาก มนัสเสห์ทรงถ่อมพระทัยลงอย่างยิ่งและทรงร้องขอความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ 13เมื่อมนัสเสห์อธิษฐาน พระองค์ก็ทรงสดับฟังและทรงตอบคำทูลวิงวอนพระองค์ให้มนัสเสห์ได้กลับคืนสู่กรุงเยรูซาเล็มและราชอาณาจักรอีกครั้งหนึ่ง มนัสเสห์จึงทรงสำนึกว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า

14ต่อมามนัสเสห์ทรงสร้างกำแพงชั้นนอกของเมืองดาวิดขึ้นใหม่ จากด้านตะวันตกของธารน้ำพุกีโฮนในหุบเขาจนถึงประตูปลา และโอบล้อมเนินเขาโอเฟล และยังทรงสร้างกำแพงนั้นให้สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ทรงให้ผู้บัญชาการทหารเข้าประจำการในเมืองป้อมปราการทั้งหมดของยูดาห์

15พระองค์ทรงกำจัดบรรดาพระต่างชาติออกไป และนำรูปเคารพออกจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงรื้อแท่นบูชาทั้งหมดที่ทรงสร้างขึ้นบนภูเขาที่พระวิหารตั้งอยู่และในกรุงเยรูซาเล็ม และนำสิ่งเหล่านี้ไปทิ้งนอกเมือง 16จากนั้นทรงซ่อมแซมแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วทรงถวายเครื่องสันติบูชาและเครื่องบูชาขอบพระคุณบนแท่นนั้น และทรงบัญชาให้ยูดาห์ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 17แต่ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เพียงแต่ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

18เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลมนัสเสห์ รวมทั้งคำอธิษฐานต่อพระเจ้าและคำทูลของบรรดาผู้ทำนายในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลล้วนบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล33:18 คือ ยูดาห์ พบบ่อยๆ ใน 2พงศาวดาร 19คำอธิษฐานของมนัสเสห์ การที่พระเจ้าทรงตอบ ตลอดจนบาปและความไม่ซื่อสัตย์ทั้งปวงของมนัสเสห์ รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เสาเจ้าแม่อาเชราห์และรูปเคารพต่างๆ ไว้ก่อนที่จะทรงถ่อมพระองค์ลง ล้วนกล่าวไว้ในบันทึกของผู้เผยพระวจนะ33:19 สำเนาต้นฉบับภาษาฮีบรูส่วนใหญ่ว่าของโฮศาย 20มนัสเสห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในพระราชวังของพระองค์ แล้วอาโมนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์

(2พกษ.21:19-24)

21เมื่ออาโมนขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษาและทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสองปี 22อาโมนทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างมนัสเสห์ราชบิดา ทรงนมัสการและถวายเครื่องบูชาแก่รูปเคารพทั้งหมดที่มนัสเสห์ได้สร้างขึ้น 23แต่ไม่ได้ทรงถ่อมพระองค์ลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนมนัสเสห์ราชบิดา อาโมนกลับทำผิดมากยิ่งขึ้น

24ข้าราชบริพารของอาโมนคบคิดกันปลงพระชนม์พระองค์ในพระราชวัง 25แล้วประชาชนจึงประหารบรรดาผู้ที่คบคิดกันปลงพระชนม์กษัตริย์อาโมน และแต่งตั้งโยสิยาห์โอรสของอาโมนขึ้นครองราชย์แทน

Священное Писание (Восточный перевод), версия с «Аллахом»

2 Летопись 33:1-25

Манасса – царь Иудеи

(4 Цар. 21:1-10, 17-18)

1Манассе было двенадцать лет, когда он стал царём, и правил он в Иерусалиме пятьдесят пять лет. 2Он делал зло в глазах Вечного, следуя омерзительным обычаям народов, которых Вечный прогнал от исраильтян. 3Он отстроил капища на возвышенностях, которые разрушил его отец Езекия, он воздвиг жертвенники Баалу и сделал столбы Ашеры. Он поклонялся всем звёздам на небе и служил им. 4Он построил жертвенники в храме Вечного, о котором Вечный сказал: «В Иерусалиме Я буду пребывать вовеки». 5В обоих дворах храма Вечного он построил жертвенники всем звёздам на небе. 6Он приносил своих сыновей в огненную жертву в долине Бен-Гинном, гадал и ворожил, колдовал и общался с вызывателями умерших и чародеями. Он сделал много зла в глазах Вечного, вызывая Его гнев.

7Он взял резного идола, которого сделал, и поставил его в храме Аллаха, о котором Всевышний сказал Давуду и его сыну Сулейману: «В этом храме и в Иерусалиме, который Я избрал среди всех родов Исраила, Я буду пребывать вовеки. 8Я не дам впредь ногам исраильтян оставить землю, которой Я наделил их предков, если только они будут исполнять всё, что Я повелел им в отношении Закона, установлений и правил, данных через Мусу».

9Но Манасса сбил Иудею и жителей Иерусалима с пути, и они делали больше зла, чем те народы, которых Вечный истребил перед исраильтянами.

10Вечный предостерегал Манассу и его народ, но они не слушали. 11И Вечный навёл на них военачальников царя Ассирии, которые взяли Манассу в плен, продели в его нос крюк, заковали в бронзовые кандалы и увели его в Вавилон. 12Попав в беду, он искал милости у Вечного, своего Бога, и глубоко смирился перед Богом своих предков. 13И когда он молился, Вечный смилостивился над ним и внял его мольбе. Он возвратил его в Иерусалим, на его трон. Так Манасса познал, что Вечный есть Бог.

14После этого он отстроил внешнюю стену Города Давуда к западу от источника Гихон в долине до самого прохода Рыбных ворот и вокруг холма Офел, притом он сделал её гораздо выше. Он разместил военачальников во всех укреплённых городах Иудеи.

15Манасса убрал чужеземных богов и идола из храма Вечного вместе с жертвенниками, которые построил на храмовой горе и в Иерусалиме, он выбросил их из города. 16Он восстановил жертвенник Вечного, принёс на нём жертвы примирения и благодарственные жертвы и велел Иудее служить Вечному, Богу Исраила. 17Народ же продолжал приносить жертвы в святилищах на возвышенностях, но только Вечному, своему Богу.

18Прочие события царствования Манассы, его молитва своему Богу и слова провидцев, сказанные ему во имя Вечного, Бога Исраила, записаны в «Летописях царей Исраила»33:18 То есть Иудеи. См. сноску на 12:1.. 19Его молитва и то, как Аллах смилостивился над ним, все его грехи, неверность и места, где он строил капища на возвышенностях и ставил столбы Ашеры и идолов, прежде чем смирил себя, – всё это записано в «Летописях провидцев»33:19 Или: «Летописях Хозая».. 20Манасса упокоился со своими предками и был похоронен у себя во дворце. И царём вместо него стал его сын Амон.

Амон – царь Иудеи

(4 Цар. 21:19-24)

21Амону было двадцать два года, когда он стал царём, и правил он в Иерусалиме два года. 22Он делал зло в глазах Вечного, как и его отец Манасса. Амон поклонялся и приносил жертвы всем идолам, которых сделал Манасса. 23Но, в отличие от своего отца Манассы, он не смирил себя перед Вечным – Амон грешил всё больше и больше.

24Приближённые Амона составили против него заговор и убили его в его же дворце. 25Но народ страны перебил всех, кто был в заговоре против царя Амона, и сделал царём вместо него его сына Иосию.