2ซามูเอล 12 – TNCV & JCB

Thai New Contemporary Bible

2ซามูเอล 12:1-31

นาธันตำหนิดาวิด

(1พศด.20:1-3)

1องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้นาธันมาพบดาวิด นาธันจึงมาเข้าเฝ้าและทูลว่า “ในเมืองแห่งหนึ่งมีชายสองคน คนหนึ่งรวยคนหนึ่งจน 2คนที่รวยมีฝูงแกะและวัวมากมาย 3ส่วนคนที่จนไม่มีสมบัติอะไรนอกจากลูกแกะตัวเมียเล็กๆ ตัวหนึ่งซึ่งเขาซื้อหามาได้ เขาเลี้ยงแกะให้เติบโตขึ้นมาด้วยกันกับลูกของเขา เขาให้มันกินอาหารจากจานของเขาและให้มันดื่มจากถ้วยของเขาเอง ยามนอนเขาโอบกอดมันไว้ในอ้อมแขนเหมือนลูกสาวตัวน้อยๆ

4“วันหนึ่งมีแขกมาที่บ้านของชายผู้ร่ำรวย ชายคนนี้เสียดายไม่อยากจะฆ่าลูกแกะจากฝูงของตนมาเลี้ยงแขก จึงเอาลูกแกะของคนยากจนมาทำอาหารเลี้ยงแขกแทน”

5ดาวิดกริ้วจัดและตรัสกับนาธันว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ผู้ที่ทำเช่นนั้นสมควรตายฉันนั้น! 6เขาจะต้องชดใช้สี่เท่าสำหรับลูกแกะตัวนั้น เพราะเขาบังอาจทำเช่นนี้และแล้งน้ำใจยิ่งนัก”

7นาธันจึงทูลดาวิดว่า “ฝ่าพระบาทคือชายคนนั้นแหละ! พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราได้เจิมตั้งเจ้าเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล และช่วยเจ้าให้พ้นจากมือของซาอูล 8เรายกครัวเรือนของนายเจ้าให้แก่เจ้า และยกเหล่าภรรยาของนายเจ้าไว้ในอ้อมกอดของเจ้า ยกตระกูลอิสราเอลและยูดาห์ให้แก่เจ้า และถ้าหากทั้งหมดนี้ยังน้อยไป เราก็จะให้มากยิ่งกว่านี้อีก 9เหตุใดเจ้าจึงเหยียดหยามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยทำสิ่งที่ชั่วในสายตาของเรา? เจ้าอาศัยดาบของชาวอัมโมนสังหารอุรียาห์ชาวฮิตไทต์ และยึดภรรยาของเขามา 10ฉะนั้นบัดนี้ดาบจะไม่พรากไปจากวงศ์วานของเจ้า เพราะเจ้าลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามเราโดยแย่งชิงภรรยาของอุรียาห์ชาวฮิตไทต์มาเป็นของเจ้า’

11องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘เราจะให้คนในครัวเรือนของเจ้าเองนำหายนะมาสู่เจ้า เราจะยกภรรยาของเจ้าให้ชายอื่นซึ่งใกล้ชิดกับเจ้าต่อหน้าต่อตาเจ้า และเขาจะหลับนอนกับภรรยาของเจ้าตอนกลางวันแสกๆ 12เจ้าทำในที่ลับ แต่เราจะให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในที่แจ้งต่อหน้าอิสราเอลทั้งปวง’ ”

13ดาวิดตรัสกับนาธันว่า “เราได้ทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว”

นาธันจึงทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลบล้างบาปให้ฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาทจะไม่ตาย 14แต่ฝ่าพระบาททรงทำเช่นนี้เป็นเหตุให้ศัตรูขององค์พระผู้เป็นเจ้าเย้ยหยันอย่างมาก12:14 สำเนาต้นฉบับภาษาฮีบรูโบราณว่าโดยการทำเช่นนี้ฝ่าพระบาทได้เย้ยหยันองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างมาก โอรสที่เกิดมาจะสิ้นชีวิต”

15หลังจากนาธันกลับไปแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับโอรสของดาวิดที่เกิดจากภรรยาของอุรียาห์ ทารกนั้นก็ป่วย 16ดาวิดทูลวิงวอนพระเจ้าเพื่อทารกนั้น ทรงอดพระกระยาหารและบรรทมอยู่ที่พื้นห้องประทับตลอดเวลาหลายคืน 17บรรดาผู้อาวุโสในราชสำนักมายืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ และทูลเชิญให้เสด็จขึ้นมาเสวยพระกระยาหารกับพวกเขา แต่ดาวิดทรงปฏิเสธ

18ในวันที่เจ็ดทารกนั้นก็สิ้นชีวิต ข้าราชบริพารของดาวิดไม่กล้าทูลพระองค์ว่าโอรสสิ้นแล้ว พวกเขาคิดกันว่า “เมื่อโอรสนั้นยังอยู่ กษัตริย์ดาวิดยังไม่ทรงฟังคำทูลของเรา เราจะไปทูลได้อย่างไรว่าโอรสนั้นสิ้นแล้ว? พระองค์อาจจะทรงทำอะไรลงไปเพราะความสิ้นหวัง”

19ดาวิดสังเกตเห็นข้าราชบริพารกระซิบกระซาบกัน ก็ทรงตระหนักว่าเด็กคนนั้นสิ้นชีวิตแล้ว จึงได้ตรัสถามว่า “เด็กนั้นตายแล้วหรือ?”

พวกเขาทูลว่า “พระเจ้าข้า เด็กนั้นสิ้นแล้ว”

20ดาวิดจึงทรงลุกขึ้นจากพื้น สรงน้ำ ชโลมพระองค์ ผลัดเปลี่ยนฉลองพระองค์ แล้วเสด็จเข้าสู่พระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อนมัสการ จากนั้นเสด็จกลับมาที่วังและตรัสสั่งให้พวกเขาจัดพระกระยาหารมาถวาย แล้วดาวิดก็เสวย

21ข้าราชบริพารทูลว่า “เหตุใดฝ่าพระบาททรงทำเช่นนี้ ขณะที่โอรสนั้นยังมีชีวิตอยู่ ฝ่าพระบาททรงอดพระกระยาหารและทรงกันแสง แต่บัดนี้ทารกนั้นสิ้นแล้ว ฝ่าพระบาททรงลุกขึ้นเสวย!”

22ดาวิดตรัสตอบว่า “เราอดอาหารและร้องไห้ขณะที่เด็กนั้นมีชีวิตอยู่ เพราะเราคิดว่า ‘ใครจะรู้ว่าบางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะทรงเมตตาสงสารเราและไว้ชีวิตเด็กนั้น?’ 23แต่ในเมื่อเด็กนั้นตายแล้ว เราจะอดอาหารไปทำไม? เราจะทำให้เขาฟื้นขึ้นมาอีกได้หรือ? เราต่างหากที่จะเป็นฝ่ายไปหาเขา แต่เขาจะไม่กลับมาหาเรา”

24แล้วดาวิดจึงทรงปลอบโยนบัทเชบามเหสีของพระองค์ และเมื่อบรรทมกับพระนาง พระนางก็ทรงตั้งครรภ์ แล้วประสูติราชโอรสพระนามว่าโซโลมอน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักทารกนี้ 25และเนื่องจากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักเขา จึงทรงใช้ผู้เผยพระวจนะนาธันมาขนานนามทารกนี้ว่า เยดีดิยาห์12:25 แปลว่า ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรัก

26ครั้งนั้นโยอาบสู้รบกับเมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน และยึดป้อมหลวงได้ 27จึงส่งคนมาทูลดาวิดว่า “ข้าพระบาทสู้รบกับรับบาห์ และยึดต้นน้ำไว้ได้แล้ว 28บัดนี้ขอทรงนำกองทัพที่เหลือมาล้อมและยึดเมือง ไม่เช่นนั้นหากข้าพระบาทยึดเมืองนี้ได้ เมืองนี้จะมีชื่อตามข้าพระบาท”

29ดาวิดจึงนำทัพหลวงมายังรับบาห์ เข้าโจมตีและยึดเมือง 30ดาวิดทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรของกษัตริย์12:30 หรือของพระมิลโคม(คือ พระโมเลค)ของพวกเขามาสวมบนพระเศียรของพระองค์ มงกุฎนั้นทำด้วยทองคำหนักประมาณ 34 กิโลกรัม12:30 ภาษาฮีบรูว่า1 ตะลันต์ประดับเพชรนิลจินดา ดาวิดทรงริบของเชลยได้มากมายจากเมืองนั้น 31และทรงเกณฑ์ชาวเมืองนั้นให้มาทำงานโดยใช้เลื่อย จอบ เสียม ขวาน และให้ทำอิฐ12:31 ในภาษาฮีบรูข้อความนี้มีความหมายไม่ชัดเจน พระองค์ทรงทำเช่นนี้กับทุกเมืองของอัมโมน แล้วดาวิดกับกองทัพทั้งหมดก็กลับสู่กรุงเยรูซาเล็ม

Japanese Contemporary Bible

サムエル記Ⅱ 12:1-31

12

預言者ナタンの叱責

1-2主は預言者ナタンを遣わし、ダビデにこんな話を聞かせました。「ある町に二人の人がいました。一人は大金持ちで、羊ややぎをたくさん持っていました。 3もう一人はとても貧乏で、財産といえば、苦労してやっと手に入れた雌の子羊一頭だけでした。彼はまるで自分の娘のように、子羊をしっかり腕に抱いて寝ました。また、彼の子どもたちも子羊を大そうかわいがり、食事のときは自分の皿やコップに口をつけさせるほどでした。 4そんなある日、金持ちのほうに一人の客がありました。ところが、彼は客をもてなすのに、自分の群れの子羊を使うのを惜しみ、貧しい男の雌の子羊を取り上げ、それを焼いてふるまったのです。」

5ここまで聞くと、ダビデはかんかんになって怒りだし、「生ける主に誓って言うが、そんなことをする者は死刑だ。  6償いとして、貧しい男に子羊四頭を返さなければならない。盗んだだけでなく、その男にはあわれみの心というものがないのだから。」

7すると、ナタンはダビデに言いました。「それはあなたです。あなたこそ、その大金持ちの男なのです! イスラエルの神、主はこう仰せられます。『わたしはあなたをイスラエルの王とし、サウルの迫害から救い出した。 8そして、サウルの宮殿や妻たち、イスラエルとユダの王国も与えてやったではないか。なお足りないと言うなら、もっともっと多くのものを与えただろう。 9それなのに、どうしてわたしの律法をないがしろにして、このような恐ろしい罪を犯したのか。あなたはウリヤを殺し、その妻を奪ったのだ。 10これからは殺人の恐怖が常にあなたの家を脅かす。ウリヤの妻を奪って、わたしを侮ったからだ。 11はっきり言おう。あなたのしたことの報いで、あなたは家族の者から背かれる。また、妻たちはほかの者に取られる。彼は白昼公然と、彼女たちと寝るだろう。 12あなたは人目を忍んで事を行ったが、わたしは全イスラエルの目の前で、あなたをそのような目に会わせよう。』」

13「私は主に対して罪を犯しました」と、ダビデはナタンに告白しました。

ナタンは答えました。「そのとおりです。しかし、主はその罪を赦してくださり、それによって死ぬことはありません。 14ただ、主に敵する者たちに主を侮る機会を与えたので、生まれてくるあなたの子どもは必ず死にます。」

15こうして、ナタンは戻って行きました。

主は、バテ・シェバが産んだ子を重い病気にかからせました。 16ダビデはその子が助かるように願い求め、断食して、一晩中、主の前で地にひれ伏していました。 17長老たちはダビデに、身を起こしていっしょに食事をとるようしきりに勧めましたが、聞こうとしませんでした。 18七日目に、とうとうその子は息を引き取りました。家臣たちは、そのことをダビデに告げるのをためらいました。「王はお子様が病気になったことで、あんなにお心を乱された。そのうえ亡くなったと聞いたら、いったいどうなさるだろう」と心配したのです。 19しかしダビデは、ひそひそ話し合っている彼らの様子から、何が起こったかを悟りました。

「子どもは死んだのか。」

「はい、お亡くなりになりました。」

20すると、ダビデは身を起こし、体を洗い、髪をとかし、服を着替え、主の宮に入って礼拝したのです。それから宮殿に帰って食事をしました。 21家臣たちは尋ねました。「王のなさりようはどうも解せません。お子様が生きておいでの間は、泣いて断食までなさいましたのに、亡くなられたとたん、嘆きもせず、食事までなさるとは……。」

22「子どもが生きている間は、断食をして泣いた。『もしかしたら、主があわれんで快復させてくださるかもしれない』と思ったからだ。 23しかし死んでしまった今、断食して何になる。もう、あの子を呼び戻せはしない。私があの子のところへ行くことはできても、あの子はここへは戻って来ないのだ。」

24ダビデは妻バテ・シェバを慰めました。彼女は再びみごもり、やがて男の子を産み、その子はソロモンと名づけられました。その子を愛した主は、 25預言者ナタンを遣わして祝福を贈りました。ダビデは主の気持ちに応えて、その子をエディデヤ〔「主に愛された者」の意〕という愛称で呼ぶことにしました。

26-27そうこうするうち、ヨアブの率いるイスラエル軍はアモン人の首都ラバを完全に包囲しました。ヨアブはダビデに伝令を送りました。「ラバとその美しい港は、もうわれわれのものです。 28どうか、残りの部隊を率いて来て、総仕上げをなさってください。この勝利の栄冠を、私ではなく、あなたがお受けになりますように。」

29-30そこでダビデは、残りの部隊を引き連れてラバへ乗り込み、町を占領しました。目をみはるばかりのおびただしい戦利品が、エルサレムに運び込まれました。ダビデはラバの王の冠を取り、自らの頭上に戴きました。冠は宝玉をちりばめた金製のもので、非常に高価なものでした。 31ダビデはまた、町の住民を奴隷として連れて来て、のこぎり、つるはし、斧などを使う仕事につかせ、れんが造りをさせました。ラバだけでなく、アモン人の町すべてを同様に扱いました。こうして、ダビデとイスラエル軍はエルサレムに帰還しました。