เอเสเคียล 36 – TNCV & YCB

Thai New Contemporary Bible

เอเสเคียล 36:1-38

คำพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล

1“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลว่า ‘บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ศัตรูกล่าวถึงเจ้าว่า “อะฮ้า! ที่สูงโบราณทั้งหลายตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเราแล้ว” ’ 3ฉะนั้นจงพยากรณ์ว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากพวกเขาทำลายล้างและตามล่าเจ้าจากทุกด้านจนเจ้าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชาติทั้งหลาย และเป็นเป้าของการนินทาว่าร้ายของผู้คน 4ฉะนั้นบรรดาภูเขาของอิสราเอล จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลาย แก่ซากปรักหักพังและบรรดาหัวเมืองอันเริศร้างซึ่งถูกปล้นชิงและเย้ยหยันโดยชาติต่างๆ ที่อยู่รายรอบ 5พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากล่าวประณามชนชาติทั้งหลายและเอโดมทั้งปวงด้วยความเดือดดาลของเรา เพราะพวกเขายึดดินแดนของเราเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยความลิงโลดและใจชั่วร้าย และเพราะพวกเขาได้ปล้นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์นั้น’ 6ฉะนั้นจงพยากรณ์เกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลและกล่าวแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราพูดด้วยอารมณ์เดือดดาลเนื่องจากพวกเจ้าต้องทนการดูหมิ่นดูแคลนจากชนชาติต่างๆ 7ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราชูมือขึ้นปฏิญาณว่าบรรดาชนชาติล้อมรอบเจ้าก็จะทนรับการดูหมิ่นดูแคลนเช่นเดียวกัน

8“ ‘ส่วนเจ้า บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านและออกผลเพื่ออิสราเอลประชากรของเรา เพราะไม่ช้าพวกเขาจะคืนถิ่น 9เราห่วงหาอาทรเจ้าและจะเฝ้าดูเจ้าด้วยความโปรดปราน เจ้าจะได้รับการไถพรวนและหว่านพืช 10เราจะทวีจำนวนประชากรของเจ้าคือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีคนอยู่อาศัยและซากปรักหักพังจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ 11เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์เหนือเจ้า พวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองและกลับมีจำนวนมากมาย เราจะให้ผู้คนมาตั้งรกรากอยู่เหมือนในอดีต และจะทำให้เจ้ารุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 12เราจะให้ชนชาติอิสราเอลประชากรของเราอาศัยอยู่บนเจ้า เขาจะครอบครองเจ้าและเจ้าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ลูกหลานของเขาจะไม่ถูกพรากไปจากเจ้าอีกเลย

13“ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากผู้คนพูดกับเจ้าว่า “เจ้ากลืนชีวิตผู้คนและพรากลูกหลานไปจากชนชาติของเจ้า” 14ฉะนั้นเจ้าจะไม่กลืนชีวิตผู้คน หรือทำให้ชนชาติของเจ้าไร้ลูกหลาน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 15เราจะไม่ให้เจ้าได้ยินคำเยาะเย้ยถากถางของชนชาติต่างๆ อีก เจ้าจะไม่ต้องทนการดูหมิ่นของชนชาติทั้งหลายอีก และเราจะไม่ให้ชนชาติของเจ้าล่มจมอีก พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

16พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งว่า 17“บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อประชากรอิสราเอลอาศัยอยู่ในดินแดนของตน พวกเขาก็ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินโดยความประพฤติและการกระทำของพวกเขา ความประพฤติของพวกเขาเป็นเหมือนมลทินของประจำเดือนผู้หญิงในสายตาของเรา 18ฉะนั้นเราจึงระบายโทสะลงบนพวกเขา เพราะเขาทำให้เกิดการนองเลือดในดินแดนนั้น และทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งหลาย 19เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ และไปยังนานาประเทศ เราพิพากษาลงโทษพวกเขาตามความประพฤติและการกระทำของพวกเขา 20และไม่ว่าพวกเขาไปที่ไหนในท่ามกลางประชาชาติต่างๆ พวกเขาก็ทำให้นามศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมเสีย เพราะผู้คนกล่าวถึงพวกเขาว่า ‘คนเหล่านี้เป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงกระนั้นก็ยังต้องจากประเทศของตนมา’ 21เราห่วงนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราซึ่งวงศ์วานอิสราเอลทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่พวกเขาไปอยู่

22“ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ที่เราจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้าหรอก แต่เพราะเห็นแก่นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งเจ้าทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่เจ้าไปถึง 23เราจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ของนามอันยิ่งใหญ่ของเราซึ่งต้องเสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย นามซึ่งเจ้าทำให้มัวหมองท่ามกลางพวกเขา แล้วชนชาติต่างๆ จะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราผ่านทางเจ้าต่อหน้าพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

24“ ‘เพราะเราจะพาเจ้าออกจากชาติต่างๆ เราจะรวบรวมเจ้าจากทุกประเทศและนำกลับสู่ดินแดนของเจ้า 25เราจะประพรมน้ำชำระลงบนเจ้า แล้วเจ้าจะสะอาด เราจะชำระล้างเจ้าจากมลทินโสโครกทั้งปวง และจากรูปเคารพทั้งปวงของเจ้า 26เราจะให้จิตใจใหม่แก่เจ้าและใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้าและให้เจ้ามีใจเนื้อ 27เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา 28เจ้าจะเลี้ยงชีพอยู่ในดินแดนซึ่งเรายกให้บรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 29เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากมลทินทั้งปวง เราจะระดมเมล็ดข้าวและทำให้มันอุดมสมบูรณ์ และจะไม่นำการกันดารอาหารมายังเจ้า 30เราจะทวีผลของต้นหมากรากไม้และพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อเจ้าจะไม่ต้องทนอับอายในหมู่ประชาชาติเพราะการกันดารอาหารอีกต่อไป 31เมื่อนั้นเจ้าจะสำนึกในวิถีบาปและการประพฤติชั่วร้ายของตน เจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะบาปและการกระทำอันน่าชิงชังต่างๆ 32เราประสงค์ให้เจ้ารู้ว่า เราทำการนี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย! จงอัปยศอดสูและละอายใจในความประพฤติของเจ้า

33“ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราชำระเจ้าจากบาปทั้งปวง เราจะให้เมืองของเจ้ามีคนอยู่อาศัย และซากปรักหักพังต่างๆ จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ 34ดินแดนอันเริศร้างจะถูกไถหว่านและเพาะปลูก แทนที่จะถูกทิ้งร้างต่อหน้าคนทั้งปวงที่ผ่านไปมา 35คนทั้งหลายจะกล่าวว่า “ดินแดนแห่งนี้ซึ่งถูกทิ้งร้างกลับกลายเป็นเหมือนสวนเอเดน เมืองต่างๆ ซึ่งเป็นซากปรักหักพัง ถูกทิ้งร้าง และทำให้ย่อยยับป่นปี้ บัดนี้มีปราการเข้มแข็งและมีผู้คนอยู่อาศัย” 36เมื่อนั้นชนชาติต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่รอบเจ้า จะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งที่ถูกทำลายย่อยยับแล้วขึ้นใหม่ และได้ปลูกพืชพันธุ์ในดินแดนที่ถูกทิ้งร้างอีกครั้งหนึ่ง เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำตามนั้น’

37“พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะยอมตามคำอ้อนวอนของพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเขา คือเราจะทำให้ประชากรของเขามีมากมายเหมือนฝูงแกะ 38มีอย่างเหลือเฟือเหมือนฝูงแพะแกะสำหรับถวายบูชาที่เยรูซาเล็มในช่วงเทศกาลต่างๆ ตามกำหนด ดังนั้นเมืองที่ปรักหักพังทั้งหลายจะกลับมีฝูงชนเนืองแน่น เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์”

Bíbélì Mímọ́ Yorùbá Òde Òn

Esekiẹli 36:1-38

Àsọtẹ́lẹ̀ kan sí àwọn òkè Israẹli

1“Ọmọ ènìyàn, sọtẹ́lẹ̀ sí àwọn òkè gíga Israẹli kí o sì wí pé, ‘Ẹ̀yin òkè gíga Israẹli gbọ́ ọ̀rọ̀ Olúwa. 2Èyí yìí ni Olúwa Olódùmarè wí: Àwọn ọ̀tá sọ nípa yín pé, “Háà! Àwọn ibi gíga ìgbàanì ti di ohun ìní wa.” ’ 3Nítorí náà, sọtẹ́lẹ̀ kí ó sì wí pé, ‘Èyí yìí ni Olúwa Olódùmarè wí: Nítorí pé wọn sọ ọ di ahoro, tí wọn sì ń dọdẹ rẹ ní gbogbo ọ̀nà kí ìwọ kí ó lè di ìní fún àwọn orílẹ̀-èdè tí ó kù, àti ohun ti àwọn ènìyàn ń sọ ọ̀rọ̀ ìríra àti ìdíbàjẹ́ sí, 4nítorí náà, Ẹ̀yin òkè gíga Israẹli gbọ́ ọ̀rọ̀ Olúwa Olódùmarè: Èyí yìí ní Olúwa Olódùmarè wí fún àwọn òkè gíga àti àwọn òkè kéékèèkéé, fún Àfonífojì ńlá àti Àfonífojì kéékèèkéé, fún àwọn ibi ìsọdahoro ìparun àti fún àwọn ìlú tí a ti kọ̀sílẹ̀ tí a ti kó tí àwọn orílẹ̀-èdè tí ó kù ní àyíká sì fi ṣe ẹlẹ́yà, 5èyí yìí ni Olúwa Olódùmarè wí: Ní ìgbóná ọkàn ní mo sọ̀rọ̀ sí àwọn kèfèrí yòókù, àti sí Edomu, nítorí pẹ̀lú ìbínú àti ìjowú ní ọkàn wọn ni wọ́n sọ ilé mi di ohun ìní wọn, kí wọn kí o lè kó pápá oko tútù rẹ̀.’ 6Nítorí náà, sọtẹ́lẹ̀ nípa ilẹ̀ Israẹli náà kí o sì sọ sí àwọn òkè gíga náà àti àwọn òkè kéékèèkéé, sí àwọn Àfonífojì ńlá àti sí àwọn Àfonífojì kéékèèkéé: ‘Èyí yìí ni Olúwa Olódùmarè wí: Èmi sọ̀rọ̀ nínú ìrunú owú mi nítorí pé ìwọ ti jìyà ìfiṣẹ̀sín àwọn orílẹ̀-èdè. 7Nítorí náà, Èyí yìí ni Olúwa Olódùmarè wí: Èmi ṣe ìbúra nípa nína ọwọ́ mi sókè pé; àwọn orílẹ̀-èdè àyíká rẹ náà yóò jìyà ìfiṣẹ̀sín.

8“ ‘Ṣùgbọ́n ìwọ, òkè gíga Israẹli, yóò mú ẹ̀ka àti èso fún àwọn ènìyàn mi Israẹli, nítorí wọn yóò wá sílé ní àìpẹ́ yìí. 9Èmi ń ṣe àníyàn fún ọ, èmi yóò sì fi rere wọ̀ ọ́; àwa yóò tu ọ́, àwa yóò sì gbìn ọ́, 10èmi yóò sì sọ iye àwọn ènìyàn di púpọ̀ nínú rẹ àti gbogbo ilé Israẹli. Àwọn ìlú yóò di ibùgbé, a yóò sì tún àwọn ibi ìparun kọ́. 11Èmi yóò sọ iye ènìyàn àti ẹran dì púpọ̀ nínú yín, wọn yóò sì so èso, wọn yóò sì di púpọ̀ yanturu. Èmi yóò mú kí àwọn ènìyàn máa gbé nínú rẹ bí ti àtẹ̀yìnwá, èmi yóò sì mú kí o ṣe rere ju ìgbà àtijọ́ lọ. Nígbà náà ni ìwọ yóò mọ pé èmi ni Olúwa. 12Èmi yóò mú kí àwọn ènìyàn, àní àwọn ènìyàn Israẹli, rìn lórí rẹ̀. Wọn yóò gbà ọ́, ìwọ yóò sì di ogún ìní wọn; ìwọ kì yóò sì gba àwọn ọmọ wọn lọ́wọ́ wọn mọ́.

13“ ‘Èyí yìí ni ohun tí Olúwa Olódùmarè wí: Nítorí pé àwọn ènìyàn sọ fún ọ pé, “Ìwọ pa àwọn ènìyàn run, ìwọ sì gba àwọn ọmọ orílẹ̀-èdè lọ́wọ́ wọn,” 14nítorí náà ìwọ kì yóò pa àwọn ènìyàn run tàbí mú kì orílẹ̀-èdè di aláìlọ́mọ mọ́, ni Olúwa Olódùmarè wí. 15Èmi kì yóò mú ki ó gbọ́ ọ̀rọ̀ ẹ̀gàn láti ọ̀dọ̀ àwọn orílẹ̀-èdè mọ́, ìwọ kì yóò jìyà ọ̀rọ̀ ìfiṣẹ̀sín láti ọ̀dọ̀ àwọn ènìyàn tàbí mú kí orílẹ̀-èdè rẹ ṣubú, ni Olúwa Olódùmarè wí.’ ”

16Síwájú sí i ọ̀rọ̀ Olúwa tọ̀ mí wá: 17“Ọmọ ènìyàn, nígbà tí àwọn ènìyàn Israẹli: ń gbé ní ilẹ̀ wọn, wọ́n bà á jẹ́ nípa ìwà àti ìṣe wọn. Ìwà wọn dàbí nǹkan àkókò àwọn obìnrin ni ojú mi. 18Nítorí náà mo tú ìbínú mi jáde sórí wọn nítorí wọn ti ta ẹ̀jẹ̀ sílẹ̀ àti nítorí pé wọ́n ti fi ère wọn ba a jẹ́. 19Mo tú wọn ká sí àárín àwọn orílẹ̀-èdè, a sì fọ́n wọn ká sí àwọn ìlú; mo ṣe ìdájọ́ wọn gẹ́gẹ́ bí ìwà àti ìṣe wọn. 20Gbogbo ibi tí wọ́n lọ ní àárín àwọn orílẹ̀-èdè ni wọn ti sọ orúkọ mímọ́ mi di aláìmọ́, nítorí tí a sọ nípa wọn pé, ‘Ìwọ̀nyí ni àwọn ènìyàn Olúwa, síbẹ̀ wọn ní láti fi ilẹ̀ náà sílẹ̀.’ 21Orúkọ mímọ́ mi jẹ́ mi lógún, èyí tí ilé Israẹli sọ di aláìmọ́ ni àárín àwọn orílẹ̀-èdè tí wọ́n ti lọ.

22“Nítorí náà, sọ fún ilé Israẹli, ‘Èyí ni Olúwa Olódùmarè wí: Kì í ṣe nítorí rẹ, ìwọ ilé Israẹli, ni èmi yóò ṣe ṣe àwọn nǹkan wọ̀nyí, ṣùgbọ́n nítorí orúkọ mímọ́ mi, èyí ti ìwọ ti sọ di aláìmọ́ ní àárín àwọn orílẹ̀-èdè tí ìwọ ti lọ. 23Èmi yóò fi jíjẹ́ mímọ́ orúkọ ńlá mi, èyí tí a ti sọ di aláìmọ́ hàn ni àárín àwọn orílẹ̀-èdè, orúkọ tí ìwọ ti sọ di aláìmọ́ ni àárín wọn. Nígbà náà àwọn orílẹ̀-èdè yóò mọ̀ pé èmi ni Olúwa, ni Olúwa Olódùmarè wí, nígbà tí mo bá fi ara mi hàn ni mímọ́ nípasẹ̀ yín ni iwájú wọn.

24“ ‘Nítorí èmi yóò mú yín jáde kúrò ni àwọn orílẹ̀-èdè náà; Èmi yóò ṣà yín jọ kúrò ní gbogbo àwọn ìlú náà; Èmi yóò sì mú yín padà sí ilẹ̀ ẹ̀yin tìkára yín. 25Èmi yóò wọ́n omi tó mọ́ sí yín lára ẹ̀yin yóò sì mọ́; Èmi yóò sì fọ̀ yín mọ́ kúrò nínú gbogbo ìwà èérí yin gbogbo àti kúrò nínú gbogbo òrìṣà yin. 26Èmi yóò fún yín ni ọkàn tuntun, èmi yóò sì fi ẹ̀mí tuntun sínú yín; Èmi yóò sì mú ọkàn òkúta kúrò nínú yín, èmi yóò sì fi ọkàn ẹran fún yín. 27Èmi yóò fi ẹ̀mí mi sínú yín, èmi yóò sì mú ki ẹ tẹ̀lé àṣẹ mi, kí ẹ sì fiyèsí àti pa òfin mi mọ́. 28Ẹ̀yin yóò sì máa gbé ilẹ̀ náà tí mo ti fi fún àwọn baba ńlá yín; ẹ̀yin yóò sì jẹ́ ènìyàn mi èmi yóò sì jẹ́ Ọlọ́run yín. 29Èmi yóò sì gbà yín kúrò nínú gbogbo ìwà àìmọ́ yín. Èmi yóò pèsè ọkà, èmi yóò sì mú kí ó pọ̀ yanturu, èmi kì yóò sì mú ìyàn wá sí orí yín. 30Èmi yóò sọ èso àwọn igi yín àti ohun ọ̀gbìn oko yín di púpọ̀, nítorí kí ẹ̀yin kí ó má ṣe jìyà ìdójútì mọ́ láàrín àwọn orílẹ̀-èdè náà nítorí ìyàn. 3136.31: El 6.9; 20.43.Nígbà náà ni ẹ̀yin yóò rántí àwọn ọ̀nà búburú àti àwọn ìwà ìkà yín, ẹ̀yin yóò sì kórìíra ara yín fún ẹ̀ṣẹ̀ yín, ìwà tí kò bójúmu. 32Mo fẹ́ kí ẹ mọ̀ pé ń kò ṣe nǹkan wọ̀nyí nítorí yín, ni Olúwa Olódùmarè wí. Jẹ kí ojú kí ó tì yín, kí ẹ sì gba ẹ̀tẹ́ nítorí ìwà yín ẹ̀yin ilé Israẹli!

33“ ‘Èyí yìí ni ohun tí Olúwa Olódùmarè wí: Ní ọjọ́ tí mo wẹ̀ yín kúrò nínú ẹ̀ṣẹ̀ yín gbogbo, èmi yóò ṣe àtúnṣe àwọn ìlú yín, wọn yóò sì ṣe àtúnkọ́ ìwólulẹ̀. 34Ilẹ̀ ahoro náà ní àwa yóò tún kọ́ ti kì yóò wà ní ahoro lójú àwọn tí ó ń gba ibẹ̀ kọjá mọ́. 35Wọn yóò sọ wí pé, “Ilẹ̀ yìí tí ó ti wà ní ahoro tẹ́lẹ̀ ti dàbí ọgbà Edeni; àwọn ìlú tí ó wà ní wíwó lulẹ̀, ahoro tí a ti parun, ni àwa yóò mọdi sí tí yóò sì wà fún gbígbé ni ìsinsin yìí.” 36Nígbà náà àwọn orílẹ̀-èdè tí ó wà ní àyíká yín tí ó kù yóò mọ̀ pé èmi Olúwa ti tún àwọn ohun tí ó bàjẹ́ kọ́, mo sì ti tún ohun tí ó di ìṣòfo gbìn. Èmi Olúwa ti sọ̀rọ̀, èmi yóò sì ṣe e?’

37“Èyí yìí ni ohun tí Olúwa Olódùmarè sọ: Lẹ́ẹ̀kan sí i èmi yóò yí sí ilé Israẹli, èmi yóò sì ṣe èyí fún wọn. Èmi yóò mú kí àwọn ènìyàn yín pọ̀ lọ́pọ̀lọpọ̀ bí àgùntàn, 38Kí ó pọ̀ lọ́pọ̀lọpọ̀ bí ọ̀wọ́ ẹran fún ìrúbọ ní Jerusalẹmu ní àsìkò àjọ̀dún tí a yàn. Ìlú ti a parun yóò wá kún fún agbo àwọn ènìyàn. Nígbà náà ni wọn yóò mọ̀ pé èmi ni Olúwa.”