อิสยาห์ 37 – Thai New Contemporary Bible TNCV

Thai New Contemporary Bible

อิสยาห์ 37:1-38

คำพยากรณ์ว่าเยรูซาเล็มจะได้รับการช่วยกู้

(2พกษ.19:1-13)

1เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงฉีกฉลองพระองค์ สวมผ้ากระสอบ แล้วเสด็จเข้าสู่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2พระองค์ทรงใช้เจ้ากรมวังเอลียาคิม ราชเลขาเชบนา และบรรดาปุโรหิตอาวุโสให้ไปพบผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศ ทุกคนล้วนสวมชุดผ้ากระสอบ 3พวกเขากล่าวกับอิสยาห์ว่า “เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ระทม การประณามหยามเหยียด และความอับอาย เหมือนเมื่อทารกพร้อมจะเกิด แต่ผู้เป็นแม่ไม่มีแรงจะเบ่งออกมา 4บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงได้ยินถ้อยคำของแม่ทัพ ซึ่งกษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาใช้ให้มาหมิ่นประมาทพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และพระองค์จะทรงลงโทษเขาเนื่องด้วยถ้อยคำที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงได้ยินนั้น ดังนั้นขอโปรดอธิษฐานเผื่อพวกเราที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือนี้ด้วยเถิด”

5เมื่อข้าราชบริพารของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาพบอิสยาห์ 6อิสยาห์ก็กล่าวกับพวกเขาว่า “จงไปบอกนายของท่านว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่ากลัวสิ่งที่ได้ยิน คือถ้อยคำซึ่งลูกน้องของกษัตริย์อัสซีเรียได้หมิ่นประมาทเรา 7จงฟังเถิด! เรากำลังจะบันดาลวิญญาณอย่างหนึ่งในตัวเขา เพื่อเมื่อเขาได้ยินรายงานบางอย่าง เขาจะกลับไปยังประเทศของตน และเราจะให้เขาตายด้วยดาบที่นั่น’ ”

8ฝ่ายแม่ทัพอัสซีเรียได้ข่าวว่ากษัตริย์ของตนเสด็จออกจากลาคีชแล้ว ก็ถอนทัพไป และพบพระองค์กำลังรบอยู่กับเมืองลิบนาห์

9แล้วเซนนาเคอริบได้รับรายงานว่าทีรหะคาห์กษัตริย์ชาวคูช37:9 คือ ตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์แห่งอียิปต์ยกทัพจะมาสู้รบกับพระองค์ เมื่อได้ยินดังนั้นพระองค์จึงทรงส่งคนกลับมาแจ้งแก่เฮเซคียาห์ว่า 10“จงไปบอกกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ดังนี้ว่า อย่ายอมให้พระเจ้าซึ่งเจ้าพึ่งพานั้นหลอกลวงเจ้าเมื่อพระองค์ตรัสว่า ‘เยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือกษัตริย์อัสซีเรีย’ 11เจ้าก็รู้ดีว่าบรรดากษัตริย์อัสซีเรียได้ทำอะไรแก่ประเทศทั้งปวงบ้าง กษัตริย์เหล่านั้นได้ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างราบคาบ แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยกู้หรือ? 12บรรดาพระของชนชาติต่างๆ ที่บรรพบุรุษของเราได้ทำลายล้างไปนั้นได้ช่วยกอบกู้พวกเขาไว้หรือ อย่างพระทั้งหลายของโกซาน ฮาราน เรเซฟ และชาวเอเดนในเทลอัสสาร์? 13ไหนล่ะกษัตริย์ฮามัท กษัตริย์อารปัด กษัตริย์เสฟารวาอิม เฮนา และอิฟวาห์?”

คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์

(2พกษ.19:14-19)

14เมื่อเฮเซคียาห์ทรงรับสาส์นฉบับนี้และอ่านจบ ก็เสด็จไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและทรงคลี่สาส์นนั้นออกต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 15แล้วเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า 16“ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่งระหว่างเครูบ พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นพระเจ้าเหนือมวลอาณาจักรของโลก พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับฟัง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงทอดพระเนตรและสดับฟังถ้อยคำทั้งสิ้นซึ่งเซนนาเคอริบส่งมาสบประมาทพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

18“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นความจริงที่ว่าบรรดากษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายล้างชนชาติทั้งปวงนี้ และแผ่นดินของพวกเขา 19และได้เผาทำลายพระของพวกเขาทิ้งเพราะพระเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นเพียงแต่ไม้และหินที่ทำขึ้นด้วยมือมนุษย์ 20บัดนี้ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของเขา เพื่อมวลอาณาจักรในโลกนี้จะได้รู้ว่า พระยาห์เวห์พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า37:20 ฉบับ MT. ว่าพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ทรงเป็นพระยาห์เวห์(ดู2พกษ.19:19)

เซนนาเคอริบจะล่มจม

(2พกษ.19:20-37; 2พศด.32:20-21)

21จากนั้นอิสยาห์บุตรอาโมศจึงให้นำความมาทูลเฮเซคียาห์ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าได้อธิษฐานเรื่องกษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียต่อเรา 22องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสถึงเขาดังนี้ว่า

“ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน37:22 คือ ชาวเยรูซาเล็ม

ดูหมิ่นและเยาะเย้ยเจ้า

ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม37:22 คือ ชาวเยรูซาเล็ม

ส่ายหน้าเมื่อเจ้าเตลิดหนี

23ใครนะที่เจ้าเย้ยหยันและลบหลู่?

เจ้าขึ้นเสียง

และทำตาหยิ่งยโสใส่ใคร?

ก็องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะสิ!

24เจ้าใช้ผู้สื่อสารของเจ้า

มากล่าววาจาลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้า

และเจ้าได้กล่าวว่า

‘ด้วยรถม้าศึกมากมายของข้า

ข้าได้ขึ้นไปถึงบรรดายอดเขาสูง

สู่สุดยอดแห่งเลบานอน

ข้าได้โค่นบรรดาสนซีดาร์ที่สูงที่สุด

และต้นสนที่ดีเยี่ยมที่สุด

ข้าได้ขึ้นไปถึงยอดที่สูงที่สุด

คือป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่สุด

25ข้าได้ขุดบ่อน้ำหลายบ่อในต่างแดน37:25 ฉบับ MT. ไม่มีวลีว่าในต่างแดน(ดู2พกษ.19:24)

และดื่มน้ำที่นั่น

ด้วยส้นเท้าของข้า

ลำธารทั้งหลายของอียิปต์ก็แห้งเหือด’

26“เจ้าไม่เคยได้ยินเลยหรือ?

เราได้บัญชาไว้ตั้งนานมาแล้ว

เราได้วางแผนไว้ตั้งแต่อดีต

และบัดนี้เราก็ทำให้เป็นไปตามนั้น

คือให้เจ้าพิชิตเมืองป้อมปราการทั้งหลาย

ทำให้กลายเป็นกองหิน

27ชาวเมืองเหล่านั้นหมดอำนาจ

ถดถอยและอับอาย

พวกเขาเหมือนพืชในทุ่งนา

เหมือนหน่ออ่อนเขียวสด

เหมือนหญ้างอกขึ้นบนหลังคา

ถูกแดดแผดเผา37:27 สำเนา MT. บางฉบับว่าและทุ่งหญ้าขั้นบันได(ดู2พกษ.19:26)ก่อนจะโตขึ้นมา

28“แต่เรารู้จักเจ้าดี

ไม่ว่าความเป็นมาหรือความเป็นไปของเจ้า

และรู้ที่เจ้าฉุนเฉียวใส่เรา

29เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา

และเพราะวาจาโอหังของเจ้าเข้าหูเรา

เราจะเอาเบ็ดเกี่ยวจมูกของเจ้า

และเอาบังเหียนใส่ปากของเจ้า

และเราจะทำให้เจ้าหันกลับไป

ตามเส้นทางที่เจ้ามา

30“เฮเซคียาห์เอ๋ย นี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้าคือ

“ปีนี้เจ้าจะกินพืชพันธุ์ที่งอกขึ้นเอง

และปีที่สองก็จะกินพืชพันธุ์ที่ออกผลตามมา

แต่ในปีที่สาม จงหว่านและเก็บเกี่ยว

จงทำสวนองุ่นและกินผลของมัน

31ประชากรยูดาห์ที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือนั้น

จะหยั่งรากและเกิดผลอีกครั้งหนึ่ง

32เพราะจะมีคนที่เหลือรอดอยู่หยิบมือหนึ่งมาจากเยรูซาเล็ม

และผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งจะมาจากภูเขาศิโยน

ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

จะกระทำให้สำเร็จตามนี้

33“ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถึงกษัตริย์อัสซีเรียดังนี้ว่า

“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้

หรือยิงธนูที่นี่

เขาจะไม่มาถือโล่อยู่หน้าเมือง

หรือสร้างเชิงเทินล้อมโจมตีมัน

34เขามาทางไหนก็จะกลับไปทางนั้น

เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

35“เราจะปกป้องและช่วยเมืองนี้ไว้

เพื่อเห็นแก่เราเองและเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา!”

36แล้วทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ออกไปประหารคนในค่ายของอัสซีเรีย 185,000 คน วันรุ่งขึ้นเมื่อผู้คนตื่นขึ้น ก็เห็นซากศพเกลื่อนกลาด! 37กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียจึงทรงให้รื้อค่ายและถอนทัพกลับไปยังเมืองนีนะเวห์และประทับอยู่ที่นั่น

38วันหนึ่งขณะที่ทรงนมัสการอยู่ในวิหารของพระนิสรอคของพระองค์ อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์โอรสของพระองค์เองได้ปลงพระชนม์พระองค์ด้วยดาบ แล้วหนีไปยังดินแดนอารารัต และเอสารฮัดโดนโอรสอีกองค์หนึ่งของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน