คำให้การของสเทเฟนต่อสภาแซนเฮดริน
1แล้วมหาปุโรหิตจึงถามเขาว่า “จริงตามคำฟ้องร้องนี้หรือ?”
2สเทเฟนตอบว่า “พี่น้องและผู้อาวุโสทั้งหลาย โปรดฟังข้าพเจ้า! พระเจ้าผู้ทรงเกียรติสิริทรงปรากฏแก่อับราฮัมบรรพบุรุษของเราขณะที่เขายังอยู่ในดินแดนเมโสโปเตเมียก่อนจะมาอาศัยในเมืองฮาราน 3พระเจ้าตรัสว่า ‘จงละบ้านเมืองของเจ้าและชนชาติของเจ้าไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงแก่เจ้า’7:3 ปฐก.12:1
4“ดังนั้นเขาจึงออกจากดินแดนของชาวเคลเดียไปตั้งรกรากที่เมืองฮาราน เมื่อบิดาของเขาสิ้นชีวิตแล้วพระเจ้าทรงส่งเขามายังดินแดนนี้ที่พวกท่านอาศัยอยู่ในปัจจุบัน 5พระเจ้าไม่ได้ประทานกรรมสิทธิ์ใดๆ ให้เขาที่นี่แม้แต่ที่ดินเท่าฝ่าเท้า แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าเขากับลูกหลานของเขาจะครอบครองดินแดนนี้ทั้งๆ ที่ขณะนั้นอับราฮัมยังไม่มีบุตร 6พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘ลูกหลานของเจ้าจะเป็นคนต่างด้าวในต่างแดนและจะตกเป็นทาสถูกกดขี่รังแกสี่ร้อยปี 7แต่เราจะลงโทษชนชาติที่เขาเป็นทาสรับใช้ และหลังจากนั้นเขาจะออกจากดินแดนนั้นมานมัสการเราที่นี่’7:6,7 ปฐก.15:13,14 8แล้วพระองค์ประทานพันธสัญญาแห่งการเข้าสุหนัตให้อับราฮัม และต่อมาอับราฮัมก็ได้บุตรชื่ออิสอัคและท่านให้เขาเข้าสุหนัตเมื่ออายุแปดวัน หลังจากนั้นอิสอัคมีบุตรชื่อยาโคบและยาโคบเป็นบิดาของบรรพบุรุษทั้งสิบสองนั้น
9“เพราะบรรพบุรุษเหล่านั้นอิจฉาโยเซฟจึงขายเขาไปเป็นทาสอยู่ที่ประเทศอียิปต์ แต่พระเจ้าสถิตกับเขา 10และช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวง ทรงให้เขามีสติปัญญาและได้รับความดี ความชอบจากฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ถึงกับตั้งให้ครอบครองทั้งอียิปต์และราชสำนัก
11“ต่อมาเกิดการกันดารอาหารทั่วทั้งอียิปต์และคานาอันทำให้เกิดความทุกข์เข็ญครั้งใหญ่และบรรพบุรุษของเราหาอาหารไม่ได้เลย 12เมื่อยาโคบได้ข่าวว่าที่อียิปต์มีข้าวจึงให้เหล่าบรรพบุรุษของเราไปที่นั่นเป็นครั้งแรก 13พอครั้งที่สองโยเซฟแสดงตัวต่อพี่น้องและฟาโรห์ทรงทราบเกี่ยวกับครอบครัวของโยเซฟ 14หลังจากนั้นโยเซฟจึงส่งคนไปรับยาโคบบิดาของเขาและครอบครัวของเขาทั้งหมด 75 คนมา 15ยาโคบจึงลงไปอยู่ประเทศอียิปต์ เขาและเหล่าบรรพบุรุษของเราได้สิ้นชีวิตที่นั่น 16ศพของพวกเขาถูกนำกลับมาไว้ในสุสานที่เชเคมซึ่งอับราฮัมได้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรของฮาโมร์
17“เมื่อใกล้ถึงกำหนดที่พระเจ้าจะทรงให้เป็นจริงตามพระสัญญาซึ่งทรงให้ไว้กับอับราฮัม จำนวนประชากรของเราในอียิปต์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก 18แล้วกษัตริย์อีกองค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักโยเซฟเลยได้ขึ้นครองอียิปต์ 19พระองค์ทรงใช้อุบายเล่นงานชนชาติของเรากดขี่เหล่าบรรพบุรุษของเราบังคับให้ทิ้งทารกเกิดใหม่ของเราให้ตายไป
20“ครั้งนั้นโมเสสเกิดมามีลักษณะพิเศษกว่าเด็กทั่วไป7:20 หรืองดงามในสายพระเนตรพระเจ้า จึงได้รับการเลี้ยงดูในบ้านบิดาของเขาจนอายุสามเดือน 21เมื่อถูกนำไปทิ้งไว้นอกบ้านพระธิดาของฟาโรห์ก็ได้รับไปเลี้ยงดูเป็นโอรสของตน 22โมเสสได้รับการศึกษาในวิชาความรู้ทั้งปวงของอียิปต์ ทรงอำนาจทั้งด้านวาจาและการกระทำ
23“เมื่อโมเสสอายุสี่สิบปีก็ตัดสินใจไปเยี่ยมเยียนอิสราเอลพี่น้องร่วมชาติ 24เขาเห็นชาวอิสราเอลคนหนึ่งถูกชาวอียิปต์รังแกก็เข้าไปป้องกันและแก้แค้นแทนโดยฆ่าชาวอียิปต์คนนั้น 25โมเสสคิดว่าพี่น้องร่วมชาติของตนจะตระหนักว่าพระเจ้าทรงใช้เขาให้มาช่วยพวกเขาแต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักเช่นนั้น 26วันรุ่งขึ้นโมเสสพบชาวอิสราเอลสองคนกำลังต่อสู้กันจึงพยายามไกล่เกลี่ยโดยกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย พวกท่านเป็นพี่น้องกัน มาทำร้ายกันเองทำไม?’
27“แต่คนที่กำลังทำร้ายอีกคนหนึ่งอยู่กลับผลักโมเสสออกไปและกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าเป็นเจ้านายปกครองและเป็นตุลาการตัดสินพวกเรา? 28เจ้าอยากจะฆ่าฉันอย่างที่ฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้หรือ?’7:27,28 อพย.2:14 29เมื่อโมเสสได้ยินเช่นนั้นจึงหนีไปมีเดียน เขาตั้งรกรากที่นั่นในฐานะคนต่างด้าวและมีบุตรชายสองคน
30“สี่สิบปีผ่านไป ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่โมเสสในพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟในถิ่นกันดารใกล้ภูเขาซีนาย 31โมเสสเห็นแล้วก็อัศจรรย์ใจ ขณะเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า 32‘เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ’7:32 อพย.3:6 โมเสสกลัวจนตัวสั่นและไม่กล้าที่จะมอง
33“แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘จงถอดรองเท้าออกเพราะเจ้ากำลังยืนอยู่บนที่บริสุทธิ์ 34เราได้เห็นความทุกข์เข็ญของประชากรของเราในอียิปต์แล้ว เราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขา เราจึงลงมาเพื่อปลดปล่อยเขาทั้งหลายให้เป็นอิสระ มาเถิด บัดนี้เราจะส่งเจ้ากลับไปยังอียิปต์’7:33,34 อพย.3:5,7,8,10
35“โมเสสคนเดียวกันนี้ที่ถูกพวกเขาปฏิเสธว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ปกครองและเป็นตุลาการ?’ พระเจ้าเองได้ทรงส่งเขามาเป็นผู้ปกครองและเป็นผู้ปลดปล่อยของพวกเขาผ่านทางทูตสวรรค์ผู้ได้ปรากฏแก่เขาในพุ่มไม้ 36โมเสสนำพวกเขาออกจากอียิปต์ และได้ทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ต่างๆ ในอียิปต์ที่ทะเลแดง7:36 คือ ทะเลต้นกกและตลอดสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดาร
37“โมเสสคนนี้เองที่บอกชนอิสราเอลว่า ‘พระเจ้าจะทรงส่งผู้เผยพระวจนะเช่นข้าพเจ้ามาคนหนึ่งสำหรับท่านจากหมู่ประชากรของพวกท่านเอง’7:37 ฉธบ.18:15 38เขาอยู่กับชุมนุมชนในถิ่นกันดาร อยู่กับทูตสวรรค์ที่กล่าวกับเขาบนภูเขาซีนาย และอยู่กับบรรพบุรุษของเราทั้งหลาย และเขาได้รับพระวจนะอันทรงชีวิตซึ่งสืบทอดมาถึงเรา
39“แต่เหล่าบรรพบุรุษไม่ยอมเชื่อฟัง กลับปฏิเสธเขา และมีใจปรารถนาจะกลับไปอียิปต์ 40พวกเขาบอกอาโรนว่า ‘ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่พาพวกเราออกมาจากอียิปต์!’7:40 อพย.32:1 41ครั้งนั้นเหล่าประชากรได้ทำเทวรูปลูกวัว พวกเขาถวายเครื่องบูชาแก่เทวรูปนั้นและเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่สิ่งที่สร้างขึ้นด้วยน้ำมือของตน 42แต่พระเจ้าทรงหันหลังให้พวกเขาและทรงปล่อยให้พวกเขานมัสการสิ่งต่างๆ ในท้องฟ้า เป็นจริงตามที่เขียนไว้ในหนังสือของบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า
“ ‘พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ตลอดสี่สิบปีในถิ่นกันดาร
เจ้าได้ถวายเครื่องบูชาและมอบของถวายแก่เราหรือ?
43เจ้าตั้งสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งพระโมเลค
และดวงดาวแห่งเรฟานเทพเจ้าของเจ้า
คือรูปเคารพต่างๆ ซึ่งเจ้าสร้างขึ้นกราบไหว้
ฉะนั้นเราจะส่งเจ้าไปเป็นเชลย’7:42,43 อมส. 5:25-27ในดินแดนที่ไกลยิ่งกว่าบาบิโลน
44“บรรพบุรุษของเรามีพลับพลาแห่งพันธสัญญาอยู่ด้วยในถิ่นกันดาร ซึ่งสร้างขึ้นตามที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสตามแบบที่โมเสสได้เห็น 45เมื่อได้รับพลับพลาแล้วบรรพบุรุษของเราภายใต้การบังคับบัญชาของโยชูวาก็นำพลับพลานั้นไปกับพวกเขาเมื่อเข้ายึดครองดินแดนจากชนชาติต่างๆ ที่พระเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าพวกเขา พลับพลาคงอยู่ในดินแดนจนถึงสมัยของดาวิด 46ผู้เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าและดาวิดทูลขอที่จะสร้างที่ประทับถวายพระเจ้าของยาโคบ7:46 สำเนาต้นฉบับเก่าแก่บางสำเนาว่าพงศ์พันธุ์ของยาโคบ 47แต่เป็นโซโลมอนที่สร้างพระนิเวศถวายพระองค์
48“อย่างไรก็ดี องค์ผู้สูงสุดไม่ได้ประทับในนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้นตามที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า
49“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา
และโลกเป็นที่วางเท้าของเรา
ก็แล้วนิเวศที่เจ้าจะสร้างให้เราเป็นแบบไหนเล่า?
หรือที่พำนักสำหรับเราอยู่ที่ไหน?
50มือของเราเองมิใช่หรือที่ได้สร้างสิ่งทั้งปวงเหล่านี้?’7:49,50 อสย.66:1,2
51“ท่านเหล่าประชากรผู้หัวแข็ง ผู้มีจิตใจและหูที่ไม่ได้เข้าสุหนัต! ท่านก็เป็นเหมือนบรรพบุรุษของท่าน พวกท่านต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ! 52มีผู้เผยพระวจนะคนไหนบ้างที่ไม่ถูกบรรพบุรุษของท่านข่มเหง? พวกเขาฆ่าแม้กระทั่งบรรดาผู้ที่พยากรณ์ถึงการเสด็จมาขององค์ผู้ชอบธรรมและบัดนี้พวกท่านได้ทรยศและประหารพระองค์ 53ท่านผู้ได้รับบทบัญญัติซึ่งประทานผ่านทูตสวรรค์แต่ไม่ได้เชื่อฟังบทบัญญัตินั้น”
สเทเฟนถูกหินขว้างตาย
54เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ก็โกรธจัดและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน 55ฝ่ายสเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ เห็นพระเกียรติสิริของพระเจ้า และเห็นพระเยซูประทับยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า 56เขากล่าวว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์เปิดออกและบุตรมนุษย์ประทับยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า”
57ถึงตรงนี้พวกเขาอุดหูพร้อมกับตะโกนสุดเสียงและพากันกรูเข้าใส่สเทเฟน 58แล้วลากเขาออกจากกรุงและรุมขว้างก้อนหินใส่ ขณะเดียวกันเหล่าพยานผู้ปรักปรำสเทเฟนถอดเสื้อวางไว้แทบเท้าชายหนุ่มที่ชื่อเซาโล
59ขณะพวกเขาเอาหินขว้างใส่นั้นสเทเฟนอธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระเยซูเจ้า ขอทรงรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์” 60แล้วคุกเข่าลงพร้อมกับร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ขออย่าทรงถือโทษพวกเขาเนื่องด้วยบาปนี้” แล้วเขาก็ขาดใจตาย
Речь Стефана перед Высшим Советом
1Затем верховный священнослужитель спросил Стефана:
– Это так?
2Стефан ответил:
– Братья и отцы! Выслушайте меня. Аллах, пребывающий в славе, явился нашему праотцу Ибрахиму, когда тот жил ещё в Месопотамии – до того, как он поселился в Харране. 3«Оставь свою страну и своих родственников, – сказал Он ему, – и иди в землю, которую Я тебе укажу»7:3 Нач. 12:1. Аллах повторил в Харране то повеление, которое Он уже дал в Уре Халдейском.. 4Ибрахим покинул страну халдеев и поселился в Харране. Оттуда, после смерти его отца, Аллах переселил Ибрахима в страну, в которой вы сейчас живёте7:4 См. Нач. 11:31-32; 12:4-5.. 5Он не дал ему здесь никакого наследия, не дал земли даже на ширину ступни. Но Аллах обещал дать эту землю во владение ему и его потомкам7:5 См. Нач. 17:8., хотя в то время у Ибрахима не было детей. 6Аллах говорил ему: «Твои потомки будут странниками в чужой земле; они будут обращены в рабство и будут терпеть зло четыреста лет. 7Но Я накажу народ, поработивший их, – сказал Аллах, – и тогда они выйдут из той страны и будут служить Мне на этом месте»7:6-7 Нач. 15:13-14; см. также Исх. 3:12. Эти слова Аллаха исполнились, когда Муса вывел свой народ из Египта (см. Исх. 14; Деян. 7:17-36).. 8Затем Он дал Ибрахиму обряд обрезания как знак священного соглашения7:8 См. Нач. 17:9-14.. Ибрахим стал отцом Исхака и обрезал его на восьмой день после рождения, Исхак же обрезал Якуба, а Якуб – двенадцать наших праотцев.
9Праотцы из зависти к Юсуфу продали его в Египет. Но Аллах был с ним 10и избавил его от всех бед. Он дал Юсуфу мудрость и расположение в глазах фараона, царя Египта. Тот сделал Юсуфа правителем всего Египта и поставил над всеми своими придворными. 11Затем во всём Египте и в Ханаане начался голод и великое бедствие, и наши праотцы не могли найти пищи. 12Когда Якуб услышал о том, что в Египте есть зерно, он послал туда наших праотцев в первый раз. 13Когда они пришли во второй раз, Юсуф открылся своим братьям, и фараон узнал о родственниках Юсуфа. 14После этого Юсуф послал за своим отцом Якубом и за всеми своими родственниками, которых насчитывалось семьдесят пять человек. 15Якуб пришёл в Египет. Там умер и он, и наши праотцы. 16Тела их были перенесены в Шехем и положены в могильную пещеру, которую Ибрахим купил за серебро у сыновей Еммора в Шехеме7:9-16 История жизни Юсуфа записана в Таурате, Нач. 37; 39–50..
17По мере того как приближалось время исполнения обещаний, данных Аллахом Ибрахиму, возрастала численность нашего народа в Египте. 18Так продолжалось, пока в Египте не начал править другой фараон, который ничего не знал о Юсуфе. 19Он притеснял наших предков, действуя с коварством против нашего народа: он заставлял их выбрасывать новорождённых младенцев, чтобы те умирали.
20В это время родился Муса; он был очень красивым ребёнком. Три месяца его вскармливали в отцовском доме, 21а когда вынуждены были расстаться с ним, его подобрала дочь фараона и воспитала, как своего собственного сына. 22Муса был научен всей египетской мудрости; он был силён и в слове, и в деле7:18-22 См. Исх. 1:1–2:10.. 23Когда ему было сорок лет, он решил навестить своих соплеменников-исраильтян. 24Увидев, что одного из них обижает египтянин, он вступился и отомстил, убив обидчика. 25Муса думал, его народ поймёт, что Аллах через него даёт им избавление от рабства, но они не поняли. 26На следующий день Муса увидел, как двое исраильтян дерутся. Он попытался помирить их. «Вы же братья, – говорил он, – зачем вы обижаете друг друга?» 27Тогда обидчик оттолкнул Мусу и сказал: «Кто поставил тебя начальником и судьёй над нами? 28Или ты хочешь убить и меня, как вчера убил египтянина?» 29Услышав такие слова, Муса бежал и поселился в Мадианской земле как чужеземец. Там у него родились два сына7:23-29 См. Исх. 2:11-25; 18:2-4..
30Через сорок лет Мусе явился Ангел в пламени горящего тернового куста в пустыне, недалеко от горы Синай. 31Муса был поражён, когда это увидел. Он подошёл ближе, чтобы лучше рассмотреть, и услышал голос Вечного: 32«Я – Бог твоих предков, Бог Ибрахима, Исхака и Якуба». Муса дрожал от страха и не решался поднять глаз. 33Вечный сказал ему: «Сними свою обувь, потому что место, на котором ты стоишь, – святая земля7:33 Это согласуется с древним обычаем, до сих пор распространённым во многих странах Востока, где перед молитвой к Святому Создателю принято разуваться.. 34Я увидел угнетение Моего народа в Египте и услышал их стоны. Я сошёл, чтобы освободить их. А теперь иди, Я посылаю тебя в Египет»7:30-34 См. Исх. 3:1-10..
35Того самого Мусу, которого они отвергли и о котором говорили: «Кто поставил тебя начальником и судьёй?»7:35 Исх. 2:14. – Аллах посылал теперь как вождя и избавителя через Ангела, Который явился ему в терновом кусте. 36Муса вывел народ, совершая чудеса и знамения в Египте, у Красного моря7:36 Красное море – в Таурате, Забуре и Книге Пророков это море названо Тростниковым (см., напр., Исх. 13:18). Среди современных специалистов существуют различные версии того, о каком водоёме здесь идёт речь. Тростниковым морем могли называть как цепи озёр, расположенных на Суэцком перешейке и, вероятно, соединявшихся тогда проливами с Красным морем, так и Суэцкий и Акабский заливы Красного моря (см. напр., 3 Цар. 9:26). и в пустыне на протяжении сорока лет. 37Этот же самый Муса сказал исраильтянам: «Из вашего народа Аллах поставит вам Пророка, подобного мне»7:37 Втор. 18:15.. 38Он – тот самый человек, который был с народом Исраила, собранным в пустыне; он был посредником между Ангелом, Который говорил с ним на горе Синай, и нашими отцами. Он принял живые слова, чтобы передать их нам.
39Наши отцы, однако, отказались повиноваться ему. Напротив, они отвергли его и захотели вернуться в Египет. 40Они сказали Харуну: «Сделай нам богов, которые бы вели нас, потому что мы не знаем, что приключилось с этим Мусой, выведшим нас из Египта»7:40 Исх. 32:1, 23.. 41В те дни они сделали золотого тельца, принесли этому идолу жертву и радовались делу своих рук. 42Аллах же отвернулся от них и оставил их поклоняться небесным телам, как об этом написано в Книге Пророков:
«Приносили ли вы Мне заклания и жертвы
в течение сорока лет в пустыне, народ Исраила?
43Нет, вы взяли с собой святилище Молоха7:43 Молох – аммонитский бог, в жертву которому приносились дети. По Закону за поклонение Молоху исраильтянам грозила смертная казнь (см. Лев. 18:21; 20:2-5).,
звезду вашего бога Ремфана
и изображения, которые вы сделали для поклонения.
Поэтому Я пошлю вас в плен дальше Вавилона»7:42-43 См. Ам. 5:25-27 со сноской..
44У наших отцов в пустыне был шатёр со свидетельствами священного соглашения7:44 Букв.: «шатёр свидетельства». Под словом «свидетельство» имеются в виду свидетельства священного соглашения между Исраилом и Аллахом, которыми были две каменные плитки с написанными на них десятью повелениями и, возможно, сам шатёр.. Этот шатёр был сделан согласно указанию Аллаха соорудить его по образцу, который увидел Муса. 45Получив этот священный шатёр, наши отцы под предводительством Иешуа внесли его во владения народов, которых Аллах изгнал перед ними. И так было до времён царствования Давуда, 46который был любим Аллахом и просил у Него позволения построить жилище для Бога Якуба. 47Однако дом Ему построил Сулейман7:47 См. 3 Цар. 6; 8:20.. 48Но Высочайший не живёт в домах, построенных людьми. Пророк говорит об этом:
49«Небеса – престол Мой,
и земля – подножие для ног Моих!
Какой вы можете построить Мне дом? –
говорит Вечный. –
Где может быть место отдыха для Меня?
50Разве не Моей рукой всё это сотворено?»7:49-50 Ис. 66:1-2.
51Вы – упрямый народ7:51 См. Исх. 32:9; 33:3, 5. с необрезанными сердцами и ушами!7:51 Люди с необрезанными сердцами и ушами – образное выражение обозначает людей, непокорных Аллаху (см. Лев. 26:41; Иер. 6:10; 9:26). Вы всегда противитесь Святому Духу, как и ваши отцы! 52Кого из пророков ваши отцы не преследовали? Они убили тех, кто предсказывал пришествие Праведного, предателями и убийцами Которого стали теперь вы! 53Приняв Закон, переданный вам через ангелов, вы не соблюли его.
Убийство Стефана
54Услышав это, они пришли в ярость и начали скрежетать зубами от злости на Стефана. 55Стефан же, исполненный Святого Духа, поднял глаза к небу и увидел славу Аллаха и Ису, стоящего по правую руку от Аллаха7:55 См. Заб. 109:1..
56– Смотрите, – сказал он, – я вижу открытые небеса и Ниспосланного как Человек7:56 Ниспосланный как Человек (букв.: «Сын Человека») – один из титулов аль-Масиха, восходящий к книге пророка Данияла (см. Дан. 7:13-14; ср. Мат. 26:64). Иса всегда употреблял этот титул применительно к Себе. Так Он давал понять, что это о Нём говорится у Данияла, что Он и есть Тот Царь над всеми народами, Чьё Царство будет вечным.. Он стоит по правую руку от Аллаха!
57Тогда они все вместе, заткнув уши, с громким криком бросились на него. 58Они выволокли Стефана за пределы города и стали бросать в него камни. Свидетели обвинения оставили свои плащи у ног молодого человека по имени Шаул. 59Когда они бросали в Стефана камни, тот молился:
– Повелитель Иса, прими дух мой.
60Потом он пал на колени и громко воскликнул:
– Повелитель, не наказывай их за этот грех.
С этими словами он умер.
