เพลงคร่ำครวญ 2:7-22, เพลงคร่ำครวญ 3:1-39 TNCV

เพลงคร่ำครวญ 2:7-22

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิเสธแท่นบูชา

และทอดทิ้งสถานนมัสการของพระองค์

พระองค์ทรงมอบกำแพงปราสาทราชวัง

ไว้ในมือของศัตรู

เหล่าศัตรูส่งเสียงโห่ร้องในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ราวกับวันฉลองตามเทศกาล

องค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระทัย

ที่จะทลายกำแพงล้อมรอบธิดาแห่งศิโยน

พระองค์ทรงพิจารณาโทษอย่างถี่ถ้วน2:8 ภาษาฮีบรูว่าพระองค์ทรงคลี่สายวัดออก

ไม่ได้ทรงยั้งพระหัตถ์จากการทำลายล้าง

ทรงทำให้เชิงเทินและกำแพง

พังทลายไปด้วยกันต่อหน้าพระองค์

ประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็มทรุดจมดิน

ลูกกรงประตูทั้งหลายหักทลาย

กษัตริย์และบรรดาเจ้านายตกเป็นเชลยในชาติต่างๆ

บทบัญญัติสูญสิ้นไปแล้ว

และผู้เผยพระวจนะทั้งหลายไม่ได้รับนิมิต

จากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป

เหล่าผู้อาวุโสของเยรูซาเล็ม

นั่งซึมอยู่ที่พื้นท่ามกลางความเงียบสงัด

โปรยฝุ่นธุลีบนศีรษะ

และนุ่งห่มผ้ากระสอบ

บรรดาหญิงสาวแห่งเยรูซาเล็ม

ซบหน้าลงกับพื้นด้วยความอับอาย

นัยน์ตาของข้าพเจ้าหมองช้ำเพราะการร้องไห้

ข้าพเจ้าทุกข์ระทมอยู่ภายใน

ดวงใจของข้าพเจ้าแหลกสลาย

เพราะพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าถูกทำลาย

เพราะลูกเล็กเด็กแดงเป็นลม

อยู่ตามถนนหนทางในเมือง

“แม่จ๋า ไหนล่ะอาหาร?”

เด็กๆ เอ่ยกับแม่

ขณะหมดแรง

เหมือนคนบาดเจ็บกลางถนน

ขณะชีวิตหลุดลอยไป

จากอ้อมอกแม่

ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย2:13 คือ ชาวเยรูซาเล็ม

เราจะพูดอะไรเพื่อเจ้าได้?

เราจะเปรียบเจ้ากับอะไรหนอ?

ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนเอ๋ย2:13 คือ ชาวเยรูซาเล็ม เช่นเดียวกับที่อื่นๆ ในพระธรรมเล่มนี้

เราจะเทียบเจ้ากับสิ่งใดดี

เพื่อจะปลอบโยนเจ้าได้?

บาดแผลของเจ้าลึกดั่งทะเล

ใครเล่าจะเยียวยารักษาเจ้าได้?

นิมิตของเหล่าผู้เผยพระวจนะของเจ้า

ล้วนจอมปลอมไร้ค่า

พวกเขาไม่ได้ตีแผ่บาปของเจ้า

ทำให้เจ้าต้องตกเป็นเชลยต่อไป

พระดำรัสที่พวกเขาแจ้งเจ้านั้น

จอมปลอมและพาให้หลงผิด

คนทั้งปวงที่ผ่านไปมา

ตบมือเยาะเย้ยเจ้า

พวกเขาถากถางและส่ายศีรษะ

สมเพชธิดาแห่งเยรูซาเล็มว่า

“นี่น่ะหรือกรุงที่ได้รับการขนานนาม

ว่างามเพียบพร้อม

เป็นความชื่นชมยินดีของคนทั้งโลก?”

ศัตรูทั้งปวงของเจ้า

อ้าปากเย้ยหยันเจ้า

ส่งเสียงเยาะเย้ย ยิงฟันใส่

และกล่าวว่า “ในที่สุดเราก็ทำลายเจ้าลงได้

นี่เป็นวันที่เรารอคอยมานาน

เราอยู่มาจนได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำตามที่ดำริไว้

ทรงทำให้สำเร็จตามที่ลั่นวาจาไว้

ซึ่งพระองค์มีประกาศิตไว้เมื่อนานมาแล้ว

พระองค์ทรงล้มเจ้าลงโดยไม่ปรานี

ทรงยอมให้ศัตรูลิงโลดอยู่เหนือเจ้า

พระองค์ทรงเชิดชูพลัง2:17 ภาษาฮีบรูว่าเขาสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกำลังของศัตรูของเจ้า

จิตใจของพวกเขา

ร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า

ปราการของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย

ให้น้ำตาของเจ้าหลั่งไหลดั่งแม่น้ำ

ตลอดทั้งวันทั้งคืน

อย่าได้หยุดหย่อน

อย่าให้ตาของเจ้าได้พักเลย

จงลุกขึ้นร่ำไห้ในยามค่ำคืน

ตั้งแต่เริ่มมืด

จงระบายความในใจของเจ้าออกมาเหมือนสายน้ำ

ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงชูมือขึ้นอ้อนวอนพระองค์

เพื่อชีวิตลูกเล็กเด็กแดงทั้งหลายของเจ้า

ซึ่งเป็นลมไปเพราะความหิวโหย

อยู่ทุกหัวถนน

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงทอดพระเนตรและใคร่ครวญเถิด

พระองค์ทรงเคยทำเช่นนี้แก่ใครบ้าง?

ควรหรือที่คนเป็นแม่จะกินเลือดเนื้อเชื้อไขของตน

คือบรรดาลูกในไส้ที่ตนฟูมฟักเลี้ยงดูมา?

ควรหรือที่ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะจะถูกฆ่า

ในสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้า?

“ทั้งคนหนุ่มคนแก่ทั้งหลาย

นอนคลุกฝุ่นอยู่ด้วยกันกลางถนน

คนหนุ่มคนสาวของข้าพระองค์

ล้มตายด้วยคมดาบ

พระองค์ทรงประหารพวกเขาในวันแห่งพระพิโรธ

ทรงเข่นฆ่าพวกเขาโดยไม่ปรานี

“พระองค์ทรงระดมความอกสั่นขวัญแขวนรอบด้านเข้าใส่ข้าพระองค์

เหมือนเกณฑ์คนมาในวันงานเลี้ยงตามเทศกาล

ในวันแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ไม่มีใครหนีรอดหรือรอดชีวิตไปได้เลยแม้สักคนเดียว

ศัตรูของข้าพระองค์ได้ทำลายล้าง

บรรดาผู้ที่ข้าพระองค์ฟูมฟักเลี้ยงดูมา”

Read More of เพลงคร่ำครวญ 2

เพลงคร่ำครวญ 3:1-39

3 ในภาษาฮีบรู บทนี้เป็นบทกวีที่แต่ละข้อขึ้นต้นด้วยตัวอักษรฮีบรูเรียงตามลำดับ ทุกสามข้อขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตัวเดียวกัน ข้าพเจ้าคือผู้ที่เห็นความทุกข์ลำเค็ญ

จากไม้เรียวแห่งพระพิโรธของพระองค์

พระองค์ทรงขับไล่ข้าพเจ้าออกมาเดิน

ในความมืดมนแทนที่จะเดินในความสว่าง

อันที่จริงพระองค์ทรงหันมาเล่นงานข้าพเจ้า

ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดวันคืน

พระองค์ทรงกระทำให้เนื้อและหนังของข้าพเจ้าเหี่ยวย่นไป

ทรงหักกระดูกของข้าพเจ้า

พระองค์ทรงล้อมกรอบข้าพเจ้าไว้

ด้วยความขมขื่นและความทุกข์ลำเค็ญ

พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด

เหมือนคนที่ตายไปนานแล้ว

พระองค์ทรงล้อมข้าพเจ้าไว้ไม่ให้หนีไปได้

พระองค์ทรงถ่วงข้าพเจ้าด้วยโซ่ตรวน

แม้เมื่อข้าพเจ้าทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือ

พระองค์ไม่ทรงรับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า

พระองค์ทรงวางศิลากั้นทางของข้าพเจ้า

ทรงทำให้หนทางของข้าพเจ้าคดเคี้ยว

พระองค์ทรงเป็นดั่งหมีที่คอยตะครุบ

ดั่งสิงโตที่ซุ่มอยู่

พระองค์ทรงลากข้าพเจ้าออกจากทางและฉีกข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ

แล้วทิ้งข้าพเจ้าโดยไม่มีใครมาช่วย

พระองค์ทรงโก่งคันธนู

เล็งข้าพเจ้าเป็นเป้า

ลูกธนูจากแล่งธนูของพระองค์

เสียบทะลุหัวใจของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าตกเป็นขี้ปากให้พี่น้องร่วมชาติหัวเราะเยาะ

เขาร้องเพลงล้อเลียนข้าพเจ้าวันยังค่ำ

พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้ากินผักรสขมจนอิ่ม

และทำให้ข้าพเจ้าเข็ดขมด้วยบอระเพ็ด

พระองค์ทรงเลาะฟันของข้าพเจ้าด้วยกรวด

ทรงเหยียบย่ำข้าพเจ้าจมฝุ่นธุลี

สันติสุขถูกพรากไปจากใจของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าลืมไปแล้วว่าความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างไร

ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “ศักดิ์ศรีของข้าพเจ้าสูญสิ้นเสียแล้ว

และทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดหวังจากองค์พระผู้เป็นเจ้าก็พังทลาย”

โปรดระลึกถึงความทุกข์ลำเค็ญและการระหกระเหินของข้าพเจ้า

ระลึกถึงความขมขื่นและบอระเพ็ดที่ข้าพเจ้าได้รับ

ข้าพเจ้าจดจำสิ่งเหล่านี้ได้ดี

และจิตใจของข้าพเจ้าก็หดหู่อยู่ภายใน

ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็หวนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้

ข้าพเจ้าจึงมีความหวัง

เพราะความรักใหญ่หลวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเราจึงไม่ถูกผลาญทำลายไป

เพราะพระเมตตาของพระองค์ไม่เคยยั้งหยุด

มีมาใหม่ทุกเช้า

ความซื่อสัตย์ของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก

ข้าพเจ้ากล่าวกับตนเองว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามี

ฉะนั้นข้าพเจ้าจะรอคอยพระองค์”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดีต่อผู้ที่ฝากความหวังไว้กับพระองค์

ทรงดีต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์

เป็นการดีที่จะสงบรอคอย

ความรอดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน

เป็นการดีที่คนเราจะแบกแอกไว้

ขณะยังหนุ่มสาว

ให้เขานั่งเงียบๆ อยู่แต่ลำพัง

เพราะพระองค์ทรงวางแอกนั้นไว้บนเขา

ให้เขาจำนนซบหน้าลงกับดิน

เพราะอาจยังมีความหวัง

ให้เขาเอียงแก้มให้ผู้ที่จะตบเขา

และให้เขายอมรับความอัปยศอดสู

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า

ไม่ได้ทรงทอดทิ้งมนุษย์ตลอดไป

แม้พระองค์ทรงให้เกิดความทุกข์โศก แต่ก็ยังจะทรงสำแดงความเมตตาสงสาร

ตามความรักมั่นคงอันใหญ่หลวงของพระองค์

เพราะพระองค์ไม่ได้ทรงเต็มพระทัยที่จะให้เกิดความทุกข์ทรมาน

หรือความโศกเศร้าแก่มนุษย์ทั้งหลาย

การเหยียบย่ำ

นักโทษทั้งปวงในดินแดน

การตัดสิทธิ์ผู้หนึ่งผู้ใด

ต่อหน้าองค์ผู้สูงสุด

การไม่ให้ความยุติธรรมแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงเห็นสิ่งเหล่านี้หรือ?

หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้มีประกาศิตไว้

ผู้ใดเล่าจะสั่งให้มันเกิดขึ้นได้?

ทั้งหายนะและสิ่งดีงาม

ล้วนมาจากพระโอษฐ์ขององค์ผู้สูงสุดไม่ใช่หรือ?

ควรหรือที่มนุษย์จะบ่น

เมื่อถูกลงโทษเพราะบาปทั้งหลายของตน?

Read More of เพลงคร่ำครวญ 3