ผู้วินิจฉัย 12:1-15, ผู้วินิจฉัย 13:1-25 TNCV

ผู้วินิจฉัย 12:1-15

เยฟธาห์และเอฟราอิม

ชนเอฟราอิมระดมกำลังและข้ามมาที่ศาโฟน แล้วกล่าวกับเยฟธาห์ว่า “ทำไมท่านไปสู้รบกับคนอัมโมนโดยไม่เรียกพวกเราไปด้วย? เราจะเผาบ้านของท่านให้วอดวายลงมาทับศีรษะของท่าน”

เยฟธาห์ตอบว่า “ข้าพเจ้ากับพรรคพวกรบติดพันในศึกครั้งใหญ่กับชาวอัมโมน และถึงแม้ข้าพเจ้าเรียกท่าน ท่านก็ไม่ได้มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากมือของพวกเขาเลย เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าท่านจะไม่ช่วย จึงเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลก ข้าพเจ้าข้ามออกไปสู้กับพวกอัมโมน และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ประทานชัยชนะเหนือพวกเขา เพราะเหตุใดท่านจึงยกพวกมาสู้กับข้าพเจ้าในวันนี้?”

เยฟธาห์จึงระดมชาวกิเลอาดมาสู้กับชาวเอฟราอิม กิเลอาดพิชิตพวกเขาลงเพราะชาวเอฟราอิมกล่าวหาว่า “กิเลอาดเป็นพวกนอกคอกของเอฟราอิมและมนัสเสห์” ชาวกิเลอาดยึดท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดนซึ่งจะไปสู่เอฟราอิม และเมื่อใดก็ตามที่ชาวเอฟราอิมซึ่งรอดชีวิตกล่าวว่า “ขอให้เราข้ามไปเถิด” ชาวกิเลอาดก็จะถามเขาว่า “ท่านเป็นชาวเอฟราอิมหรือ?” หากผู้นั้นตอบว่า “ไม่ได้เป็น” พวกเขาก็จะกล่าวว่า “ไหนลองพูดคำว่า ‘ชิบโบเลท’ ซิ” ถ้าเขาพูดว่า “สิบโบเลท” ก็จะถูกจับไปฆ่าที่ท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดน เพราะว่าพวกเขาออกเสียงไม่ถูกต้อง คราวนั้นมีคนเอฟราอิมถูกจับไปฆ่าถึง 42,000 คน

เยฟธาห์ชาวกิเลอาดวินิจฉัย12:7 หรือนำเช่นเดียวกับในข้อ 8-14อิสราเอลอยู่หกปี เมื่อเขาสิ้นชีวิตก็ถูกฝังไว้ในเมืองแห่งหนึ่งของกิเลอาด

อิบซาน เอโลน และอับโดน

ผู้วินิจฉัยคนถัดมาของอิสราเอลคืออิบซานแห่งเบธเลเฮม เขามีบุตรชายสามสิบคน บุตรสาวสามสิบคน เขาให้บุตรสาวทั้งสามสิบคนแต่งงานกับชายตระกูลอื่นๆ และหาหญิงสาวสามสิบคนจากตระกูลอื่นมาเป็นภรรยาบุตรชายของตน เขาวินิจฉัยอิสราเอลอยู่เจ็ดปี เมื่อเขาสิ้นชีวิตก็ถูกฝังไว้ที่เบธเลเฮม

ผู้วินิจฉัยคนต่อมาคือเอโลนแห่งเผ่าเศบูลุน เขาวินิจฉัยอิสราเอลอยู่สิบปี เมื่อเขาสิ้นชีวิตก็ถูกฝังไว้ที่อัยยาโลนในดินแดนเศบูลุน

ผู้วินิจฉัยคนต่อมาคืออับโดนบุตรฮิลเลลจากปิราโธน เขามีบุตรชายสี่สิบคนและหลานชายสามสิบคน ซึ่งขี่ลาเจ็ดสิบตัว เขาวินิจฉัยอิสราเอลอยู่แปดปี เมื่อเขาสิ้นชีวิตก็ถูกฝังไว้ที่ปิราโธนในเอฟราอิม ดินแดนเทือกเขาของชาวอามาเลข

Read More of ผู้วินิจฉัย 12

ผู้วินิจฉัย 13:1-25

กำเนิดแซมสัน

อิสราเอลหวนกลับไปทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงมอบเขาไว้ในมือของชาวฟีลิสเตียเป็นเวลาสี่สิบปี

ชายคนหนึ่งในโศราห์ชื่อมาโนอาห์จากเผ่าดาน ภรรยาของเขาเป็นหมันและจึงไม่สามารถมีลูก ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏและกล่าวกับนางว่า “เจ้าเป็นหมันแต่เจ้ากำลังจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา และอย่ากินสิ่งใดที่เป็นมลทิน เพราะเจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าให้บุตรชายของเจ้าตัดผมเลย เพราะเขาจะเป็นนาศีร์แยกไว้เพื่อพระเจ้าตั้งแต่แรกเกิด เขาจะเป็นผู้ริเริ่มกอบกู้อิสราเอลจากเงื้อมมือชาวฟีลิสเตีย”

หญิงนั้นวิ่งไปบอกสามีว่า “คนของพระเจ้ามาปรากฏแก่ข้าพเจ้า ดูเหมือนเขาจะเป็นทูตของพระเจ้า น่าเกรงขามมาก ข้าพเจ้าไม่ได้ถามว่าเขามาจากไหน และเขาก็ไม่ได้บอกชื่อของเขา แต่เขาบอกข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย ตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมาและไม่กินสิ่งใดที่เป็นมลทิน เพราะว่าเด็กนั้นจะเป็นนาศีร์ของพระเจ้าตั้งแต่เกิดจวบจนวันตาย’ ”

มาโนอาห์จึงอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดอนุญาตให้คนของพระเจ้าที่ทรงส่งมานั้นกลับมาอีกครั้ง เพื่อสอนข้าพระองค์ทั้งสองในการเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมานั้น”

พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของมาโนอาห์ ทูตของพระเจ้ามาปรากฏแก่ภรรยาของเขาอีกครั้งขณะที่นางอยู่กลางทุ่ง แต่มาโนอาห์ไม่ได้อยู่กับนาง นางจึงรีบไปบอกสามีว่า “ชายคนเดิมที่ปรากฏแก่ฉันเมื่อวันก่อนมาที่นี่อีกแล้ว!”

มาโนอาห์จึงลุกตามภรรยาไป เมื่อเขาพบชายคนนั้นแล้วก็ถามว่า “ท่านเป็นคนเดียวกับที่พูดกับภรรยาของข้าพเจ้าเมื่อวันก่อนหรือ?”

ผู้นั้นตอบว่า “ใช่”

ดังนั้นมาโนอาห์จึงถามว่า “เมื่อคำพูดของท่านเป็นจริงแล้ว มีกฎเกณฑ์อะไรบ้างในชีวิตและในการงานของเด็กนั้น?”

ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “ภรรยาของเจ้าต้องปฏิบัติตามที่เราสั่งไว้ทุกอย่าง นางต้องไม่กินสิ่งที่ทำจากองุ่น ต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา หรือกินสิ่งใดที่เป็นมลทิน นางต้องทำตามที่เราสั่งไว้ทุกประการ”

มาโนอาห์จึงกล่าวกับทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดพักอยู่ที่นี่ก่อน เราจะไปปรุงลูกแพะมาให้ท่าน”

ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “แม้เจ้าจะหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เราก็จะไม่กินอาหารใดๆ ของเจ้า แต่หากเจ้าจัดเตรียมเครื่องเผาบูชา จงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” (มาโนอาห์ยังไม่ตระหนักว่าผู้นั้นคือทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้า)

มาโนอาห์จึงเอ่ยถามทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดบอกชื่อของท่านให้ข้าพเจ้าทราบ เพื่อข้าพเจ้าจะให้เกียรติท่าน เมื่อเหตุการณ์เป็นจริงตามที่ท่านพูด?”

ทูตองค์นั้นตอบว่า “เหตุใดจึงถามชื่อของเรา? ชื่อนั้นเกินความเข้าใจ13:18 หรือมหัศจรรย์แล้วมาโนอาห์จึงนำลูกแพะและเครื่องธัญบูชามาถวายบนศิลาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ทรงทำสิ่งอัศจรรย์ต่อหน้ามาโนอาห์กับภรรยา ขณะที่เปลวไฟพวยพุ่งจากแท่นบูชาลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าลอยขึ้นเหนือเปลวไฟ เมื่อเห็นดังนั้นมาโนอาห์กับภรรยาจึงซบหน้าลงกับพื้นดิน ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ปรากฏแก่มาโนอาห์กับภรรยาอีก มาโนอาห์จึงตระหนักว่าผู้นี้คือทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้า

มาโนอาห์กล่าวกับภรรยาว่า “เราต้องตายแน่ๆ! เพราะเราได้เห็นพระเจ้า!”

แต่ภรรยาตอบว่า “หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำริจะประหารเรา พระองค์ก็คงจะไม่รับเครื่องเผาบูชาและธัญบูชาจากมือของเรา และจะไม่มาแจ้งหรือแสดงสิ่งทั้งปวงนี้แก่เรา”

นางได้คลอดบุตรชายและตั้งชื่อว่าแซมสัน เด็กนั้นเติบโตขึ้น และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขา พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเริ่มกระตุ้นเขาที่มาหะเนห์ดาน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างโศราห์กับเอชทาโอล

Read More of ผู้วินิจฉัย 13