โยชูวา 5:13-15, โยชูวา 6:1-27, โยชูวา 7:1-26 TNCV

โยชูวา 5:13-15

เมืองเยรีโคล่ม

ขณะที่โยชูวาอยู่ใกล้เมืองเยรีโค เขาเงยหน้าขึ้นเห็นชายคนหนึ่งชักดาบออกจากฝักยืนอยู่ตรงหน้า โยชูวาจึงก้าวเข้าไปหาและถามว่า “ท่านเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู?”

ผู้นั้นตอบว่า “ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เรามาในฐานะจอมทัพขององค์พระผู้เป็นเจ้า” โยชูวาจึงหมอบซบหน้าลงกับพื้นด้วยความเคารพยำเกรงและถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า5:14 หรือเจ้านายทรงมีพระบัญชาประการใดกับผู้รับใช้ของพระองค์หรือ?”

จอมทัพขององค์พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “จงถอดรองเท้าออก เพราะที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์” โยชูวาก็ปฏิบัติตาม

Read More of โยชูวา 5

โยชูวา 6:1-27

ประตูเมืองเยรีโคถูกปิดแน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกเลยเนื่องจากพวกเขากลัวชาวอิสราเอล

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “เราได้มอบเมืองเยรีโค บรรดากษัตริย์และนักรบของเมืองนี้ไว้ในมือเจ้าแล้ว จงเดินขบวนรอบเมืองหนึ่งรอบพร้อมด้วยเหล่านักรบถืออาวุธ จงทำเช่นนี้เป็นเวลาหกวัน ให้ปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะเดินนำหน้าหีบพันธสัญญา ในวันที่เจ็ดจงเดินรอบเมืองเจ็ดรอบ ให้ปุโรหิตทั้งเจ็ดนั้นเป่าแตรเขาแกะ และเมื่อเจ้าได้ยินเสียงแตรดังยาว จงให้ประชากรทั้งปวงโห่ร้องเสียงดัง แล้วกำแพงเมืองก็จะโค่นทลาย จากนั้นให้ประชาชนบุกเข้าเมืองทุกทิศทาง”

โยชูวาบุตรนูนจึงเรียกประชุมปุโรหิตและสั่งว่า “จงหามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยมีปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะเดินนำหน้า” แล้วเขาสั่งประชากรว่า “จงเดินขบวนรอบเมืองโดยมีกองคุ้มกันติดอาวุธครบมือ นำหน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

เมื่อโยชูวาสั่งประชากรเรียบร้อยแล้ว ปุโรหิตทั้งเจ็ดถือเขาแกะเจ็ดคันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเดินนำหน้าพลางเป่าเขาแกะไปโดยมีหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามมา กองคุ้มกันถืออาวุธเดินนำหน้าปุโรหิตผู้เป่าแตรเขาแกะ และมีกองคุ้มกันระวังหลังอยู่ท้ายขบวนหีบพันธสัญญา เสียงเป่าแตรเขาแกะดังอยู่ตลอดเวลา แต่โยชูวาได้กำชับประชากรไว้แล้วว่า “อย่าโห่ร้อง อย่าส่งเสียง อย่าเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว จนถึงวันที่ข้าพเจ้าสั่งให้โห่ร้อง จึงโห่ร้อง!” ดังนั้นเขาจึงให้หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปรอบเมืองวันละรอบ หลังจากนั้นทุกคนต่างกลับเข้าค่าย และค้างคืนที่นั่น

วันรุ่งขึ้นโยชูวาตื่นแต่เช้า ปุโรหิตหามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะคนละคัน เป่าแตรเขาแกะเดินนำหน้าขบวนหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้านักรบติดอาวุธนำขบวน กองคุ้มกันตามหลังหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าขณะเสียงแตรเขาแกะดังอยู่ ในวันที่สองพวกเขาเดินรอบเมืองหนึ่งรอบแล้วกลับไปยังค่ายพัก เขาทำเช่นนี้อยู่หกวัน

เช้าตรู่ของวันที่เจ็ด เขาเดินรอบเมืองแบบเดียวกันอีก แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงรอบเดียว แต่เดินถึงเจ็ดรอบ ในรอบที่เจ็ด ขณะที่ปุโรหิตเป่าแตรเขาแกะ โยชูวาสั่งเหล่าประชากรว่า “จงโห่ร้อง! องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบเมืองนี้ให้เราแล้ว! ทั้งเมืองและทุกอย่างในเมืองนี้ต้องอุทิศถวาย6:17 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่พระเจ้าแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไปแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ให้ไว้ชีวิตราหับหญิงโสเภณี6:17 หรืออาจจะเป็นเจ้าของที่พักแรมเช่นเดียวกับข้อ 22 และ 25และทุกคนในบ้านของนาง เพราะนางช่วยซ่อนตัวสายสืบของเรา แต่อย่าแตะต้องข้าวของใดๆ ทั้งสิ้นที่ต้องอุทิศถวาย มิฉะนั้นตัวเจ้าเองจะถูกทำลายล้างและทั่วทั้งค่ายของอิสราเอลจะต้องเดือดร้อนและถึงแก่หายนะ แต่เงิน ทอง และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์และเหล็ก เป็นของศักดิ์สิทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและต้องนำมายังพระคลังของพระองค์”

เมื่อประชากรได้ยินเสียงเป่าแตรเขาแกะก็โห่ร้องสุดเสียง กำแพงเมืองเยรีโคก็พังครืนลงมา ชนอิสราเอลทุกคนบุกเข้ายึดเมือง พวกเขาอุทิศถวายเมืองนั้นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในเมืองนั้นด้วยดาบ ไม่ว่าชายหรือหญิง คนแก่หรือเด็ก วัว แกะ และลา

โยชูวาสั่งสายสืบสองคนนั้นว่า “จงไปที่บ้านของหญิงโสเภณี ช่วยนางกับคนของนางออกมาตามที่เจ้าสาบานกับนางไว้” คนทั้งสองที่ได้ไปสืบดูจึงเข้าไปนำนางราหับ พ่อแม่พี่น้องและคนของนางทั้งหมดออกมาทั้งครอบครัว และให้ไปพักอยู่นอกค่ายพักของอิสราเอล

แล้วชนอิสราเอลก็เผาเมืองกับสิ่งของทุกอย่าง แต่นำเงิน ทอง ภาชนะทองสัมฤทธิ์ และเหล็กไปเก็บไว้ในคลังขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่โยชูวาได้ไว้ชีวิตราหับหญิงโสเภณี ครอบครัว และคนของนาง เพราะนางได้ซ่อนตัวสายสืบซึ่งโยชูวาส่งไปเมืองเยรีโค นางอาศัยอยู่ในหมู่ชนอิสราเอลตราบจนทุกวันนี้

ในครั้งนั้นโยชูวาประกาศแช่งว่า “ผู้ใดที่จะสร้างเมืองเยรีโคขึ้นใหม่ ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนี้

“ผู้ใดวางฐานรากของเมือง

บุตรหัวปีของผู้นั้นจะเสียชีวิต

ผู้ใดติดตั้งประตูเมือง

บุตรสุดท้องของผู้นั้นจะเสียชีวิต”

เช่นนี้แหละองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับโยชูวา ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน

Read More of โยชูวา 6

โยชูวา 7:1-26

บาปของอาคาน

แต่ชนอิสราเอลไม่ซื่อสัตย์เกี่ยวกับของที่ต้องอุทิศถวาย7:1 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไป เช่นเดียวกับข้อ 11,12,13 และ 15 อาคานบุตรคารมีผู้เป็นบุตรของศิมรี7:1 หรือศับดีเช่นเดียวกับข้อ 17 และ 18 (ดู1พศด.2:6) ผู้เป็นบุตรของเศราห์เผ่ายูดาห์ได้แอบเก็บบางสิ่งไว้ ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธอิสราเอล

ครั้งนั้นโยชูวาส่งคนจากเมืองเยรีโคไปเมืองอัยซึ่งอยู่ใกล้เบธอาเวนทางทิศตะวันออกของเบธเอล และสั่งพวกเขาว่า “จงไปสืบดูสภาพแถบนั้น” ดังนั้นพวกเขาจึงไปสำรวจดูเมืองอัย

พวกเขากลับมารายงานโยชูวาว่า “ไม่ต้องนำพลทั้งหมดไปรบกับอัย ส่งเพียงสองหรือสามพันคนไปยึดก็พอ ไม่ต้องให้ประชากรทั้งหมดเหนื่อยยาก เพราะที่นั่นมีเพียงไม่กี่คน” ดังนั้นจึงมีทหารออกไปราวสามพันคน แต่ต้องแตกพ่ายหนีจากชาวเมืองอัย คนอิสราเอลราว 36 คนถูกฆ่าตายขณะบุกเข้าตีเมือง และอีกจำนวนมากถูกชาวเมืองอัยไล่ฆ่าฟันจากประตูเมืองถึงเหมืองหิน7:5 หรือเชบาริม ประชาชนอิสราเอลก็ระทดท้อขวัญเสียไป

โยชูวาจึงฉีกเสี้อผ้าหมอบกราบซบหน้าลงกับพื้นด้านหน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนถึงเวลาเย็น บรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลก็ทำเช่นเดียวกัน และโปรยฝุ่นใส่ศีรษะของตน โยชูวากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต เหตุใดจึงทรงนำเหล่าประชากรนี้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาสู่เงื้อมมือชาวอาโมไรต์ให้เขาทำลายเรา? พวกข้าพระองค์น่าจะพอใจที่จะอาศัยฝั่งข้างโน้นของแม่น้ำจอร์แดน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะพูดอย่างไรดี ในเมื่ออิสราเอลพ่ายแพ้ศัตรูมาเช่นนี้? ชาวคานาอันและชนชาติใกล้เคียงได้ยินเรื่องนี้ ก็จะมารุมล้อมกวาดล้างข้าพระองค์ทั้งหลายให้สิ้นชื่อไปจากแผ่นดิน และจะเกิดอะไรขึ้นกับพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “จงลุกขึ้น! เจ้าหมอบกราบซบหน้าลงกับพื้นทำไม? อิสราเอลได้ทำบาป ฝ่าฝืนพันธสัญญาของเราซึ่งบัญชาให้เขาปฏิบัติ พวกเขาซุกซ่อนของที่ต้องอุทิศถวาย เขาขโมยและโกหก เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้กับทรัพย์สินส่วนตัว ด้วยเหตุนี้เองชนชาติอิสราเอลจึงไม่สามารถต่อสู้กับศัตรู แต่ต้องพ่ายแพ้เพราะถูกกำหนดไว้ให้พินาศ เราจะไม่อยู่กับพวกเจ้าอีกต่อไป เว้นแต่ว่าเจ้าทั้งหลายได้ทำลายของที่ต้องอุทิศถวายซึ่งเราสั่งให้ทำลายไปเสียก่อน

“ไปเถิด ไปชำระเหล่าประชากรให้บริสุทธิ์ และสั่งพวกเขาว่า ‘จงชำระตนให้บริสุทธิ์ เตรียมตัวสำหรับวันรุ่งขึ้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า มีสิ่งที่ต้องอุทิศถวายอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า อิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูจนกว่าจะได้กำจัดสิ่งนั้นไป

“ ‘เช้าวันพรุ่งนี้พวกเจ้าจงมารายงานตัวทีละเผ่า เผ่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงระบุ จงออกมาข้างหน้าทีละตระกูล ตระกูลที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงระบุ จงออกมาข้างหน้าทีละครอบครัว ครอบครัวที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงระบุ จงออกมาข้างหน้าทีละคน ผู้ที่ถูกจับได้ว่ามีของต้องอุทิศถวาย จะถูกเผาทำลายพร้อมทั้งข้าวของทุกอย่างของเขา เพราะเขาได้ละเมิดพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าทำสิ่งที่น่าอับอายในอิสราเอล!’ ”

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นโยชูวาจึงให้ชนอิสราเอลออกมาข้างหน้าทีละเผ่า จับได้เผ่ายูดาห์ ตระกูลต่างๆ ของยูดาห์ออกมาข้างหน้า จับได้ตระกูลเศราห์ ครอบครัวต่างๆ ของเศราห์ออกมาข้างหน้า จับได้ครอบครัวศิมรี โยชูวาให้ครอบครัวศิมรีออกมาทีละคน จับได้อาคานบุตรคารมีซึ่งเป็นบุตรศิมรี ซึ่งเป็นบุตรเศราห์แห่งเผ่ายูดาห์

โยชูวาจึงกล่าวกับอาคานว่า “ลูกเอ๋ยจงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์7:19 เป็นคำกำชับให้บอกความจริงพระเจ้าแห่งอิสราเอล และถวายสรรเสริญแด่พระองค์7:19 หรือสารภาพต่อพระองค์ บอกเราเถิดว่าเจ้าทำอะไรลงไป อย่าปิดบังไว้เลย”

อาคานตอบว่า “เป็นความจริงที่ข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล สิ่งที่ข้าพเจ้าทำลงไปคือ ในกองของที่ริบมาได้ ข้าพเจ้าเห็นเสื้อคลุมสวยงามจากบาบิโลน7:21 ภาษาฮีบรูว่าชินาร์ เงินหนักประมาณ 2.3 กิโลกรัม7:21 ภาษาฮีบรูว่า 200 เชเขล และทองแท่งหนักประมาณ 600 กรัม7:21 ภาษาฮีบรูว่า 50 เชเขล ข้าพเจ้าอยากได้ จึงนำมาฝังไว้ใต้พื้นดินในเต็นท์ของข้าพเจ้า โดยฝังเงินไว้ใต้สุด”

โยชูวาจึงส่งคนไป พวกเขาวิ่งไปที่เต็นท์ของอาคาน พบของซ่อนอยู่ในเต็นท์ของเขา เงินถูกฝังไว้ใต้สุด เขานำของเหล่านั้นจากเต็นท์มายังโยชูวาและปวงชนอิสราเอล แล้ววางลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

แล้วโยชูวากับชนอิสราเอลทั้งปวงจึงนำอาคานบุตรเศราห์ เงิน เสื้อคลุม ทองแท่ง บรรดาบุตรชายและบุตรสาวของเขา วัว ลา แกะ เต็นท์ และ สมบัติทุกอย่างของเขาไปยังหุบเขาอาโคร์ โยชูวากล่าวว่า “ทำไมเจ้าจึงนำความเดือดร้อนมาสู่พวกเรา? วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำความเดือดร้อนมาสู่เจ้า”

แล้วชาวอิสราเอลทั้งปวงเอาหินขว้างใส่อาคานและครอบครัวจนตายและเผาร่างของพวกเขา แล้วเอาหินสุมทับอาคานเป็นพะเนิน ซึ่งยังคงอยู่ตราบทุกวันนี้ สถานที่นั้นจึงได้ชื่อว่าอาโคร์7:26 แปลว่า ความเดือดร้อน ตราบเท่าทุกวันนี้ แล้วพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สงบลง

Read More of โยชูวา 7