โยบ 15:1-35, โยบ 16:1-22, โยบ 17:1-16, โยบ 18:1-21 TNCV

โยบ 15:1-35

เอลีฟัส

เอลีฟัสชาวเทมานโต้ตอบว่า

“ควรหรือที่คนฉลาดจะตอบอย่างไร้ความคิด

หรืออัดลมตะวันออกที่ร้อนระอุไว้เต็มท้อง?

ควรหรือที่เขาจะโต้แย้งด้วยถ้อยคำที่ไร้ประโยชน์

ด้วยวาจาที่ไร้แก่นสาร?

ท่านได้บ่อนทำลายความยำเกรงพระเจ้า

และหยุดยั้งการยอมจำนนต่อพระองค์

บาปของท่านยุให้ปากท่านพูด

ท่านรับเอาลิ้นของคนเจ้าเล่ห์

ปากของท่านกล่าวโทษท่านเอง ไม่ใช่ปากของข้า

ริมฝีปากของท่านปรักปรำท่านเอง

“ท่านเป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดมาหรือ?

ท่านเกิดก่อนที่ภูเขาถูกสร้างขึ้นหรือ?

ท่านนั่งฟังอยู่ในสภาของพระเจ้าหรือ?

ท่านผูกขาดสติปัญญาไว้คนเดียวหรือ?

อะไรบ้างที่ท่านรู้แล้วเราไม่รู้?

อะไรบ้างที่ท่านเข้าใจโดยที่เราไม่เข้าใจ?

บรรดาผู้อาวุโสก็อยู่ฝ่ายเรา

คนเหล่านั้นแก่ยิ่งกว่าบิดาของท่านเสียอีก

คำปลอบโยนจากพระเจ้าไม่เพียงพอสำหรับท่านหรือ?

ถ้อยคำอ่อนหวานไม่เพียงพอหรือ?

เหตุใดจิตใจของท่านพาท่านเตลิดไปเช่นนี้?

ทำไมตาของท่านจึงลุกเป็นไฟ?

ท่านถึงได้เกรี้ยวกราดต่อพระเจ้า

และให้ถ้อยคำอย่างนี้พรั่งพรูออกมาจากปากของท่าน

“มนุษย์เป็นอะไรเล่าที่จะบริสุทธิ์ได้?

ผู้ถือกำเนิดจากสตรีเป็นใครเล่าที่จะชอบธรรมได้?

หากพระเจ้ายังไม่ทรงวางพระทัยในบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์

ถ้าแม้แต่ฟ้าสวรรค์ก็ยังไม่บริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระองค์

แล้วมนุษย์ผู้ชั่วช้าและเสื่อมทราม

ผู้เสพความชั่วร้ายเหมือนดื่มน้ำจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด!

“ฟังนะ แล้วข้าจะสาธยายให้ท่านฟัง

ถึงประสบการณ์ที่เห็นมา

ซึ่งปราชญ์ได้แจ้งไว้

ไม่ปิดบังสิ่งใดๆ ที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดให้

(ผู้ได้รับมอบดินแดนแต่พวกเดียว

ไม่มีคนต่างด้าวแปลกปนในหมู่พวกเขา)

คนชั่วร้ายทนทุกข์ทรมานตลอดชีวิต

คนอำมหิตทุกข์ทนตลอดอายุขัยของเขา

เสียงข่มขวัญดังเต็มหูของเขา

และเมื่อเหตุการณ์ดูราบรื่นดี ผู้ทำลายก็บุกจู่โจมเขา

เขาหมดหวังที่จะหนีให้พ้นความมืดมน

เขาถูกหมายหัวให้เป็นเหยื่อคมดาบ

เขาร่อนเร่หาอาหารเหมือนแร้ง15:23 หรือร่อนเร่แสวงหาอาหาร

รู้ว่าวันอันมืดมนอยู่แค่เอื้อม

ความทุกข์ระทมทำให้เขาหวาดหวั่น

มันถาโถมใส่เขาเหมือนกษัตริย์บุกเข้าโจมตี

เพราะเขาชูกำปั้นใส่พระเจ้า

และหยิ่งอหังการต่อองค์ทรงฤทธิ์

เขาถือโล่หนาใหญ่ตรงเข้ามา

ร้องท้าทายพระองค์

“แม้ว่าหน้าของเขาอวบด้วยไขมัน

และเอวหนาอ้วนพี

เขาก็จะอาศัยในเมืองที่ปรักหักพัง

ในบ้านร้าง

บ้านซึ่งกลายเป็นกองขยะ

เขาจะไม่ร่ำรวยอีกต่อไป ทรัพย์สมบัติของเขาไม่คงอยู่

และไม่ได้เพิ่มพูนขึ้นในแผ่นดิน

เขาจะหนีไม่พ้นความมืดมน

เปลวไฟทำให้หน่อของเขาเหี่ยวแห้งไป

ลมพระโอษฐ์ของพระเจ้าจะพัดเขาปลิวไป

อย่าให้เขาหลอกตัวเองโดยไว้วางใจสิ่งที่ไร้ค่า

เพราะจะไม่ได้อะไรตอบแทน

ก่อนสิ้นอายุขัยเขาจะได้รับการคืนสนองอย่างเต็มที่

กิ่งก้านสาขาของเขาจะไม่งอกงาม

เขาจะเหมือนเถาองุ่นที่ผลร่วงกราวตั้งแต่ยังดิบ

เหมือนต้นมะกอกที่ดอกร่วงหล่นตั้งแต่เพิ่งผลิบาน

เพราะหมู่คนอธรรมนั้นจะเริศร้าง

และไฟจะเผาผลาญเต็นท์ของผู้ที่รักสินบน

พวกเขาตั้งท้องความเดือดร้อนและคลอดความชั่วออกมา

ท้องของเขามีแต่การหลอกลวง”

Read More of โยบ 15

โยบ 16:1-22

โยบ

แล้วโยบตอบว่า

“ข้าได้ยินเรื่องแบบนี้มามากแล้ว

พวกท่านล้วนเป็นนักปลอบโยนที่แย่จริงๆ!

ถ้อยคำเยิ่นเย้อของท่านไม่มีจบสิ้นเลยหรือ?

อะไรหนอทำให้ท่านโต้แย้งอยู่เรื่อยไป?

ข้าก็พูดเหมือนท่านได้

ถ้าท่านตกอยู่ในสภาพเดียวกับข้า

ข้าก็สามารถยกคำหวานหูมาต่อว่าท่าน

แล้วก็ส่ายหน้าเย้ยท่าน

แต่ปากข้าจะพูดให้กำลังใจท่าน

ปลอบประโลมให้ท่านคลายทุกข์

“แต่แม้ข้าจะพูดไป ความเจ็บปวดของข้าก็ไม่ได้บรรเทาลง

และแม้ข้าจะนิ่งเสีย มันก็ไม่ได้หายไป

ข้าแต่พระเจ้า แน่ทีเดียว พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์อ่อนระโหย

ทรงทำให้ครอบครัวของข้าพระองค์ป่นปี้

ที่ทรงผูกมัดข้าพระองค์ก็กลายเป็นข้อยืนยันอย่างหนึ่ง

ร่างกายซูบผอมของข้าพระองค์ได้ลุกขึ้นและเป็นพยานปรักปรำข้าพระองค์

พระเจ้าทรงจู่โจมข้า ทรงฉีกเนื้อข้าด้วยความโกรธกริ้ว

และทรงแยกเขี้ยวใส่ข้า

ศัตรูจ้องข้าตาลุกวาว

ผู้คนอ้าปากเยาะเย้ยข้า

พวกเขาตบแก้มข้าด้วยความดูแคลน

และรวมหัวกันเล่นงานข้า

พระเจ้าทรงมอบข้าไว้กับคนอธรรม

ทรงเหวี่ยงข้าไว้ในอุ้งมือของคนชั่ว

ข้าอยู่มาอย่างสงบตราบจนพระองค์ทรงฉีกข้า

ทรงจับคอข้าและฟาดจนแหลกลาญ

ทรงแขวนข้าไว้เป็นเป้าของพระองค์

นักธนูของพระองค์รุมล้อมข้า

พระองค์ทรงทะลวงไตข้าอย่างไม่ปรานี

น้ำดีของข้าเรี่ยราดอยู่ที่พื้น

พระองค์ทรงระเบิดเข้าใส่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า

พระองค์ทรงรี่เข้าใส่ข้าเหมือนนักรบ

“ข้าเย็บผ้ากระสอบติดผิวหนังของข้า

และเกลือกหน้าในฝุ่นธุลี

หน้าของข้าแดงช้ำเพราะการร้องไห้

รอบดวงตาของข้าเป็นวงคล้ำ

ถึงกระนั้นมือของข้าก็สะอาดปราศจากความรุนแรง

และคำอธิษฐานของข้าก็บริสุทธิ์

“พื้นพสุธาเอ๋ย อย่าซ่อนเลือดของข้าไว้นะ

อย่ากลบเสียงร้องทุกข์ของข้าเลย!

บัดนี้พยานของข้าอยู่ในฟ้าสวรรค์

ทนายของข้าอยู่เบื้องบน

ผู้อ้อนวอนแทนข้าคือเพื่อนของข้า16:20 หรือเพื่อนของข้าปฏิบัติต่อข้าอย่างเย้ยหยัน

ขณะที่ข้าหลั่งน้ำตาต่อพระเจ้า

ผู้นั้นช่วยวิงวอนพระเจ้าแทนมนุษย์

เหมือนเพื่อนช่วยอ้อนวอนแทนกัน

“อีกไม่กี่ปีข้าก็จะเดินทางไป

โดยไม่หวนคืนมาอีก

Read More of โยบ 16

โยบ 17:1-16

จิตวิญญาณของข้าแหลกสลาย

วันคืนของข้าหดสั้นลง

หลุมฝังศพรอข้าอยู่

แน่ทีเดียว กลุ่มนักเยาะเย้ยรุมล้อมข้า

ตาของข้าต้องมองดูความเกลียดชังของพวกเขา

“ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ข้าพระองค์มีสิ่งค้ำประกันตามที่ทรงเรียกร้อง

ใครเล่าจะค้ำประกันให้ข้าพระองค์?

พระองค์ทรงปิดความคิดจิตใจของพวกเขาไว้จากความเข้าใจ

ฉะนั้นจะไม่ทรงปล่อยให้พวกเขามีชัยชนะ

หากคนใดปรักปรำเพื่อนเพราะเห็นแก่สินบน

ลูกหลานของเขาจะตามืดมัวไป

“พระเจ้าทรงกระทำให้ข้าตกเป็นขี้ปากของทุกคน

พวกเขาถ่มน้ำลายใส่หน้าข้า

ตาของข้ามืดมัวเพราะความทุกข์โศก

และทุกส่วนในร่างกายของข้าเป็นเพียงเงา

คนชอบธรรมใจหายเมื่อเห็นข้า

ผู้บริสุทธิ์ถูกปลุกขึ้นให้ต่อต้านคนอธรรม

แต่คนชอบธรรมจะยึดมั่นอยู่ในวิถีของตน

ผู้ที่มือสะอาดจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ

“ส่วนพวกท่านทุกคน มาสิ ลองดูอีก!

ข้าจะไม่พบสักคนที่มีปัญญาในพวกท่านเลย

วันคืนของข้าผ่านพ้นไป แผนการต่างๆ ของข้าป่นปี้หมด

ความปรารถนาในใจข้าย่อยยับไป

พวกเขาเปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวัน

และในความมืด พวกเขากล่าวว่า ‘ความสว่างมาใกล้แล้ว’

หากแดนผู้ตายเป็นที่พักพิงเดียวที่ข้าหวัง

หากข้าต้องกางที่นอนอยู่ในความมืดมิด

หากข้าเรียกความเน่าเปื่อยว่า ‘พ่อ’

และเรียกหนอนว่า ‘แม่’ หรือ ‘พี่สาว’

เมื่อนั้นความหวังของข้าอยู่ที่ไหน?

มีใครบ้างพบความหวังในตัวข้า?

มันจะลงสู่ประตูแห่งความตายหรือ?

จะลงไปในธุลีดินกับข้าหรือ?”

Read More of โยบ 17

โยบ 18:1-21

บิลดัด

แล้วบิลดัดชาวชูอาห์ตอบว่า

“เมื่อใดท่านจะเลิกพูดแบบนี้?

มีเหตุผลหน่อย แล้วเราจึงมาพูดกันได้

ทำไมเห็นเราเป็นวัวเป็นควาย

โง่เขลาในสายตาของท่าน?

ท่านผู้ทำร้ายตัวเองด้วยความเกรี้ยวกราด

จะต้องให้โลกเริศร้างเพื่อท่านหรือ?

และต้องให้หินผาเคลื่อนออกไปจากที่ของมันหรือ?

“ตะเกียงของคนชั่วร้ายย่อมถูกดับ

เปลวไฟของเขาไม่ลุกโชน

ดวงสว่างในเต็นท์ของเขามืดไป

และตะเกียงข้างตัวของเขาก็ดับไป

ย่างก้าวที่มาดมั่นของเขาจะอ่อนล้า

แผนการของเขาย้อนกลับไปเล่นงานตัวเขาเอง

เขาเดินดุ่มเข้าไปในตาข่าย

และหลงเข้าไปติดกับ

กับดักจะงับส้นเท้าของเขา

บ่วงแร้วจะรัดเขาไว้แน่น

มีบ่วงแร้วซ่อนไว้ดักเขาบนพื้นดิน

มีกับดักอยู่บนเส้นทางของเขา

ความหวาดหวั่นจู่โจมเขาทุกด้าน

คอยเล่นงานทุกย่างก้าว

ความพินาศจ้องจะเขมือบเขา

ภัยพิบัติเตรียมพร้อมที่จะตะครุบเมื่อเขาล้ม

มันกัดกร่อนผิวหนังของเขา

ความตายเริ่มกัดกินแขนขาของเขา

เขาถูกลากออกมาจากเต็นท์ที่มั่นคงปลอดภัย

และถูกนำลงมายังองค์กษัตริย์แห่งความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

ไฟอยู่ใน18:15 หรือเขาไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยในเต็นท์ของเขา

กำมะถันติดไฟเกลื่อนกลาดอยู่เหนือที่พำนักของเขา

รากของเขาเหี่ยวเฉา

และกิ่งก้านของเขาก็แห้งไป

อนุสรณ์ของเขาพินาศไปจากโลก

สิ้นชื่อไปจากแผ่นดิน

เขาถูกขับไล่จากความสว่างไปสู่ความมืดมน

และถูกเสือกไสไล่ส่งไปจากโลก

เขาไม่มีลูกหลานหลงเหลืออยู่ในหมู่ชนของเขา

และไม่มีผู้รอดตายในดินแดนที่เขาเคยอยู่

ผู้คนทางตะวันตกต่างตื่นตระหนกในชะตากรรมของเขา

และผู้คนทางตะวันออกต่างอกสั่นขวัญแขวน

แน่ทีเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในที่อาศัยของคนชั่ว

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ของคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า”

Read More of โยบ 18