เยเรมีย์ 38:1-28, เยเรมีย์ 39:1-18, เยเรมีย์ 40:1-6 TNCV

เยเรมีย์ 38:1-28

เยเรมีย์ถูกทิ้งไว้ในบ่อ

ฝ่ายเชฟาทิยาห์บุตรมัทธาน เกดาลิยาห์บุตรปาชเฮอร์ เยฮูคัล38:1 ภาษาฮีบรูว่ายูคัลเป็นอีกรูปหนึ่งของเยฮูคัลบุตรเชเลมิยาห์ และปาชเฮอร์บุตรมัลคียาห์ ได้ยินถ้อยคำที่เยเรมีย์กล่าวแก่ประชากรทั้งปวงว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ใครก็ตามที่ยังคงอยู่ในเยรูซาเล็มจะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด แต่ใครก็ตามที่ยอมแพ้แก่ชาวบาบิโลน38:2 หรือชาวเคลเดียเช่นเดียวกับข้อ 18,19 และ 23จะรอดชีวิต เขาจะมีชีวิตอยู่’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะยกเมืองนี้ให้กองทัพของกษัตริย์บาบิโลนอย่างแน่นอนและเขาจะยึดเมืองได้’ ”

ขุนนางเหล่านี้ก็มาทูลกษัตริย์ว่า “ชายคนนี้สมควรตาย เขาพูดทำลายขวัญของทหารซึ่งยังเหลืออยู่ในกรุงนี้ตลอดจนประชาชนทั้งปวง ชายคนนี้ไม่ได้คิดถึงประโยชน์สุขของประชาชน แต่บ่อนทำลาย”

เศเดคียาห์ตรัสตอบว่า “เขาอยู่ในมือของเจ้าแล้ว กษัตริย์ไม่อาจทำอะไรที่ขัดพวกเจ้าได้”

พวกเขาจึงจับตัวเยเรมีย์ ใช้เชือกหย่อนลงในบ่อซึ่งอยู่ในลานทหารรักษาพระองค์ เป็นบ่อของมัลคียาห์ซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์ บ่อนั้นไม่มีน้ำ มีแต่โคลน เยเรมีย์ก็จมลงในโคลน

เมื่อเอเบดเมเลคชาวคูช38:7 คงจะเป็นคนที่มาจากตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์เจ้าหน้าที่38:7 หรือขันทีคนหนึ่งของราชวังได้ยินว่าเยเรมีย์ถูกหย่อนลงในบ่อ ในขณะที่กษัตริย์ประทับอยู่ที่ประตูเบนยามิน เอเบดเมเลคได้ออกจากวังมากราบทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า คนเหล่านี้ทำสิ่งเลวร้ายต่อผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ พวกเขาทิ้งเยเรมีย์ไว้ในบ่อ เขาจะต้องอดตายเมื่อไม่มีขนมปังเหลืออยู่ในกรุงนี้อีก”

กษัตริย์จึงตรัสสั่งเอเบดเมเลคชาวคูชว่า “ให้นำคนสามสิบคนไปช่วยกันดึงเยเรมีย์ขึ้นมาจากบ่อก่อนที่จะตาย”

ดังนั้นเอเบดเมเลคก็นำคนไปยังห้องหนึ่งใต้คลังของพระราชวัง เอาผ้าขี้ริ้วและเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วมาจากที่นั่น และผูกเชือกหย่อนลงไปให้เยเรมีย์ในบ่อ เอเบดเมเลคบอกเยเรมีย์ว่า “เอาผ้าขี้ริ้วกับเสื้อผ้าเก่านี้รองใต้รักแร้กันเชือกบาด” เยเรมีย์ก็ทำตาม แล้วพวกเขาก็ดึงเยเรมีย์ขึ้นมา และพากลับไปที่ลานทหารรักษาพระองค์ เขาก็ถูกคุมตัวไว้ที่นั่น

เศเดคียาห์ตรัสถามเยเรมีย์อีก

ต่อมากษัตริย์เศเดคียาห์ให้คนไปนำตัวผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์มาเข้าเฝ้าตรงประตูที่สามของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ตรัสว่า “เราอยากถามอะไรเจ้า อย่าปิดบังสิ่งใดจากเราเลย”

เยเรมีย์ทูลว่า “หากข้าพระบาทตอบฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาทจะไม่ฆ่าข้าพระบาทหรือ? ถึงแม้ข้าพระบาทให้คำปรึกษาหารือ ฝ่าพระบาทก็จะไม่ฟังข้าพระบาท”

แต่กษัตริย์เศเดคียาห์ก็สาบานเป็นการลับกับเยเรมีย์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทานลมหายใจแก่พวกเรานั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เราจะไม่ฆ่าเจ้าหรือมอบตัวเจ้าแก่ผู้หมายเอาชีวิตของเจ้าเลยฉันนั้น”

เยเรมีย์จึงทูลเศเดคียาห์ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘หากเจ้ายอมแพ้ทหารของกษัตริย์บาบิโลน ทั้งเจ้ากับครอบครัวจะรอดชีวิตและกรุงนี้จะไม่ถูกเผา แต่หากเจ้าไม่ยอมแพ้ทหารของกษัตริย์บาบิโลน กรุงนี้จะถูกมอบแก่ชาวบาบิโลนและพวกเขาจะเผามันทิ้ง ตัวเจ้าเองก็จะไม่รอดจากเงื้อมมือของพวกเขา’”

เศเดคียาห์ตรัสกับเยเรมีย์ว่า “เรากลัวชาวยิวซึ่งเอาใจออกห่างและไปเข้ากับพวกบาบิโลน ชาวบาบิโลนอาจมอบเราไว้ในมือของคนเหล่านั้น และเขาจะปฏิบัติต่อเราอย่างทารุณ”

เยเรมีย์ตอบว่า “เขาจะไม่มอบฝ่าพระบาทหรอก จงเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยทำตามที่ข้าพระบาททูล แล้วจะเป็นผลดีแก่ฝ่าพระบาทและฝ่าพระบาทจะรอดชีวิต แต่หากฝ่าพระบาทไม่ยอมแพ้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพระบาทไว้แล้วดังนี้ ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในวังของกษัตริย์ยูดาห์จะถูกนำตัวออกมาให้เจ้านายของกษัตริย์บาบิโลน ผู้หญิงเหล่านั้นจะกล่าวแก่ฝ่าพระบาทว่า

“ ‘เหล่าสหายที่ฝ่าพระบาทไว้เนื้อเชื่อใจ

ก็ลวงฝ่าพระบาทให้หลงและเอาชนะฝ่าพระบาท

เมื่อพระบาทจมลงในโคลน

เหล่าสหายก็ทิ้งฝ่าพระบาทไปหมด’

“ส่วนมเหสีและโอรสธิดาทั้งปวงของฝ่าพระบาทจะถูกนำออกมาให้ชาวบาบิโลน ฝ่าพระบาทเองจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของพวกเขา แต่จะถูกกษัตริย์บาบิโลนคุมตัวไว้และกรุงนี้จะถูกเผา38:23 หรือและฝ่าพระบาทจะเป็นเหตุให้กรุงนี้ถูกเผา

เศเดคียาห์จึงตรัสกับเยเรมีย์ว่า “อย่าแพร่งพรายสิ่งที่เราพูดกันนี้เป็นอันขาด มิฉะนั้นเจ้าอาจต้องตาย ถ้าพวกข้าราชการได้ยินว่าเราได้พูดกับท่านและพวกเขามาหาและกล่าวกับท่านว่า ‘จงบอกเราว่าเจ้าพูดอะไรกับกษัตริย์และพระองค์ตรัสอะไรกับเจ้า อย่าปิดบังอะไรเราเลย มิฉะนั้นเราจะฆ่าเจ้า’ จงบอกแต่เพียงว่า ‘เราอ้อนวอนกษัตริย์ไม่ให้ส่งเรากลับไปตายที่บ้านของโยนาธาน’ ”

แล้วบรรดาข้าราชบริพารก็มาไต่ถามเยเรมีย์จริงๆ และเขาก็บอกคนเหล่านั้นตามที่กษัตริย์ตรัสสั่งไว้ทุกอย่าง คนเหล่านั้นจึงไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก เพราะไม่มีใครได้ยินถ้อยคำที่เขากับกษัตริย์สนทนากัน

และเยเรมีย์ก็ยังคงถูกคุมตัวอยู่ในลานทหารรักษาพระองค์จวบจนวันที่เยรูซาเล็มถูกยึด

Read More of เยเรมีย์ 38

เยเรมีย์ 39:1-18

เยรูซาเล็มล่ม

(2พกษ.25:1-12; ยรม.52:4-16)

นี่เป็นเรื่องราวที่เยรูซาเล็มถูกยึด ในเดือนที่สิบปีที่เก้าของรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนยกทัพหลวงมาสู้รบและล้อมกรุงเยรูซาเล็มไว้ กำแพงเมืองถูกพังลงในวันที่เก้า เดือนที่สี่ ปีที่สิบเอ็ดของรัชกาลเศเดคียาห์ บรรดาแม่ทัพนายกองของบาบิโลนก็เข้ามานั่งอยู่ที่ประตูกลาง ได้แก่เนอร์กัลชาเรเซอร์แห่งสัมการ์ นายทัพเนโบสารเสคิม39:3 หรือเนอร์กัลชาเรเซอร์ สัมการ์เนโบ สารเสคิม เนอร์กัลชาเรเซอร์ผู้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และเจ้านายคนอื่นๆ ทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลน เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์และทหารทั้งปวงเห็นคนเหล่านี้ ก็ลอบหนีออกจากกรุงในเวลากลางคืนทางอุทยานหลวง ผ่านประตูระหว่างกำแพงทั้งสอง และมุ่งหน้าไปยังอาราบาห์39:4 หรือหุบเขาจอร์แดน

แต่กองทัพบาบิโลน39:5 หรือชาวเคลเดียเช่นเดียวกับข้อ 8ไล่ตามมาและจับกุมเศเดคียาห์ไว้ได้ในที่ราบเยรีโค แล้วคุมพระองค์มาให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนซึ่งประทับอยู่ที่ริบลาห์ในเขตฮามัท และเนบูคัดเนสซาร์ได้ตัดสินลงโทษเขาที่นั่น ที่ริบลาห์นี้ กษัตริย์บาบิโลนก็ประหารบรรดาโอรสของเศเดคียาห์ต่อหน้าต่อตาเศเดคียาห์ และประหารขุนนางทั้งปวงของยูดาห์ด้วย แล้วควักพระเนตรของเศเดคียาห์ออกและจับเศเดคียาห์ตีตรวนทองสัมฤทธิ์ เพื่อคุมตัวไปยังบาบิโลน

ทัพบาบิโลนจุดไฟเผาพระราชวัง บ้านเรือนของประชาชน และทลายกำแพงเยรูซาเล็ม เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์นำประชากรที่เหลือพร้อมทั้งบรรดาผู้ออกมาสวามิภักดิ์ต่อตนนั้นไปเป็นเชลยที่บาบิโลน แต่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เหลือคนกลุ่มหนึ่งไว้ในยูดาห์ ซึ่งเป็นคนยากไร้ไม่มีสมบัติอะไร พร้อมทั้งยกที่นาและสวนองุ่นให้พวกเขา

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้บัญชาเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เกี่ยวกับเยเรมีย์ไว้ว่า “จงรับตัวเขาไว้และคอยดูแลเขา อย่าทำอันตรายเขา แต่จงทำทุกอย่างตามที่เขาขอ” ดังนั้นเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ นายทัพเนบูชัสบาน เนอร์กัลชาเรเซอร์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่และขุนนางอื่นๆ ของกษัตริย์บาบิโลน จึงส่งคนไปนำตัวเยเรมีย์ออกมาจากลานทหารรักษาพระองค์ ให้เกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมซึ่งเป็นบุตรชาฟาน นำเยเรมีย์ไปยังบ้านของเขา เยเรมีย์จึงยังคงอาศัยอยู่ท่ามกลางพี่น้องร่วมชาติ

ขณะที่เยเรมีย์ยังถูกคุมตัวอยู่ที่ลานทหารรักษาพระองค์ มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเขาว่า “จงไปบอกเอเบดเมเลคชาวคูชว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะทำตามที่ลั่นวาจาไว้กับกรุงนี้ ซึ่งเป็นความหายนะ ไม่ใช่ความเจริญรุ่งเรือง เมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างจะเป็นไปอย่างครบถ้วนต่อหน้าต่อตาเจ้า แต่เราจะช่วยเจ้าในวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า เจ้าจะไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของบรรดาผู้ที่เจ้ากลัว เราจะช่วยเจ้า เจ้าจะไม่ตายด้วยดาบ แต่จะรอดชีวิตเพราะเจ้าไว้วางใจเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”

Read More of เยเรมีย์ 39

เยเรมีย์ 40:1-6

เยเรมีย์เป็นอิสระ

มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์หลังจากที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ปล่อยตัวเขาที่รามาห์ เขาพบเยเรมีย์ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนอยู่ในหมู่ประชาชนจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ซึ่งกำลังจะถูกคุมตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน เมื่อผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์พบเยเรมีย์ก็กล่าวกับเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นผู้บงการภัยพิบัติเหนือสถานที่แห่งนี้ และบัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงบันดาลให้เป็นไปตามที่ตรัสไว้แล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะประชากรของท่านทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ได้เชื่อฟังพระองค์ แต่วันนี้ข้าพเจ้าจะปลดโซ่ตรวนออกจากข้อมือของท่าน ปล่อยท่านเป็นอิสระ เชิญไปบาบิโลนกับข้าพเจ้าหากท่านต้องการ ข้าพเจ้าจะดูแลท่าน แต่หากท่านไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ดูเถิด ดินแดนทั้งหมดอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว ท่านจะไปที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ” แต่ก่อนที่เยเรมีย์จะจากไป40:5 หรือก่อนที่เยเรมีย์จะตอบ เนบูซาระดานกล่าวอีกว่า “จงกลับไปหาเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟาน ซึ่งกษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้ดูแลหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ไปอยู่กับเขาในหมู่ประชาชน หรือท่านจะไปไหนก็ได้ตามใจชอบ” แล้วเนบูซาระดานก็มอบเสบียงกับของกำนัลแก่เยเรมีย์และปล่อยเขาไป เยเรมีย์จึงไปหาเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมที่มิสปาห์ และพักอยู่ที่นั่นกับประชาชนที่เหลืออยู่ในดินแดนนั้น

Read More of เยเรมีย์ 40