ปฐมกาล 49:1-33
ยาโคบอวยพรบรรดาบุตรชาย
(ฉธบ.33:1-29)
ยาโคบจึงเรียกบุตรชายทั้งหมดมากล่าวว่า “ล้อมวงกันเข้ามาเถิด เราจะบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเจ้าในภายภาคหน้า
“จงล้อมวงกันเข้ามาฟังเรา ลูกๆ ของยาโคบเอ๋ย
มาฟังอิสราเอลพ่อของเจ้าเถิด
“รูเบน เจ้าเป็นลูกหัวปีของเรา
เจ้าเป็นอำนาจและเป็นผลแรกแห่งพละกำลังของเรา
เจ้าเป็นยอดแห่งเกียรติยศและพลังอำนาจ
แต่เจ้าบ้าระห่ำเหมือนน้ำเชี่ยว เจ้าจะไม่ได้เป็นยอดอีกต่อไป
เพราะเจ้าล่วงล้ำเข้าไปถึงเตียงของพ่อ
เข้าไปถึงที่นอนของเรา และทำให้ที่นั่นแปดเปื้อนมลทิน
“สิเมโอนกับเลวีเป็นพี่น้องกัน
ดาบ49:5 ในภาษาฮีบรูคำนี้มีความหมายไม่ชัดเจนของพวกเขาเป็นอาวุธเพื่อทำการอำมหิต
อย่าให้เราเป็นพวกเดียวกันกับเขา
อย่าให้เราเข้าร่วมในที่ชุมนุมของพวกเขา
เพราะพวกเขาฆ่าคนเมื่อพวกเขาโกรธ
และตัดเอ็นขาวัวผู้เล่นตามความพอใจของเขา
คำสาปแช่งจะตกอยู่แก่ความโกรธกริ้วอันเหี้ยมเกรียมของเขา
และตกอยู่แก่ความเดือดดาลอันโหดร้ายของเขา!
เราจะทำให้พวกเขาปะปนไปทั่วดินแดนของยาโคบ
และให้พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วอิสราเอล
“ยูดาห์49:8 คำว่ายูดาห์มีเสียงคล้ายและอาจมาจากคำภาษาฮีบรูที่มีความหมายว่าสรรเสริญเอ๋ย พี่น้องของเจ้าจะสรรเสริญเจ้า
มือของเจ้าจะขย้ำที่คอของศัตรู
พี่น้องร่วมสายโลหิตจะก้มกราบเจ้า
ยูดาห์เอ๋ย เจ้าคือลูกสิงโต
ลูกของเราเอ๋ย เจ้ากลับมาจากกินเหยื่อ
เขาหมอบลงเหมือนราชสีห์
เขาเอนลงอย่างนางสิงห์ ใครจะกล้าไปแหย่เขาได้?
คทาจะไม่พ้นจากมือของยูดาห์
อำนาจปกครองจะไม่ขาดไปจากเชื้อสายของเขา
จนกว่าบุคคลผู้เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงจะมาถึง49:10 หรือจนกว่าชิโลห์จะมาหรือจนกว่าคนที่เป็นเจ้าของบรรณาการจะมาถึง
บรรดาชนชาติจะเชื่อฟังผู้นั้น
เขาจะผูกลาไว้ที่เถาองุ่น
ผูกลูกลาไว้ที่กิ่งที่ดีที่สุด
เขาจะซักล้างอาภรณ์ของตนในเหล้าองุ่น
ซักเสื้อผ้าในน้ำองุ่นสีเลือด
ตาของเขาแวววาวกว่าเหล้าองุ่น
ฟันของเขาขาวยิ่งกว่าน้ำนม49:12 หรือตาของเขาจะเป็นสีหม่นจากเหล้าองุ่น / ฟันของเขาขาวจากน้ำนม
“เศบูลุนจะอาศัยอยู่ริมฝั่งทะเล
และกลายเป็นท่าเทียบเรือ
ชายแดนของเขาจะขยายไปจนจดไซดอน
“อิสสาคาร์เป็นเหมือนลาที่แข็งแรง
นอนลงทั้งที่แบกถุงสัมภาระทั้งสองอยู่49:14 หรือหมอบลงท่ามกลางฝูงแกะ
เมื่อเขาเห็นว่าที่พักพิงดี
และแผ่นดินน่าอภิรมย์เพียงไร
เขาก็จะย่อบ่าของตนลงแบกภาระ
และยอมเป็นทาสรับใช้
“ดาน49:16 ในที่นี้แปลว่าเขาให้ความเป็นธรรมจะให้ความเป็นธรรมแก่พลเมืองของตน
เหมือนให้แก่เผ่าอื่นๆ ในอิสราเอล
เขาจะเป็นเหมือนงูตามริมทาง
เหมือนงูพิษที่อยู่ตามถนน
มันจะฉกส้นเท้าม้า
ให้คนขี่ตกจากหลังม้า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์รอคอยการช่วยกู้ของพระองค์
“กองโจรจะเข้าโจมตีกาด49:19 แปลว่าโจมตีและกองโจรก็ได้
แต่กาดจะโต้ตอบและดักตีส้นเท้าคนเหล่านั้น
“อาหารของอาเชอร์อุดมสมบูรณ์
เขาจะเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศที่คู่ควรกับกษัตริย์
“นัฟทาลีเป็นกวางตัวเมียที่ถูกปล่อยเป็นอิสระ
ตกลูกอ่อนน่ารักมากมาย49:21 หรือเขาเปล่งถ้อยคำไพเราะ
“โยเซฟเป็นเถาองุ่นที่ผลิดอกออกผล
เป็นเถาองุ่นที่ผลิดอกออกผลอยู่ใกล้น้ำพุ
กิ่งเถาของมันเลื้อยข้ามกำแพง49:22 หรือโยเซฟเป็นลูกลาป่า / เป็นลูกลาป่าใกล้น้ำพุ / ลาป่าที่อยู่บนเนินเขาขั้นบันได
พลธนูโจมตีเขาด้วยความเคียดแค้น
ยิงเข้าใส่เขาด้วยใจเกลียดชัง
แต่ธนูของเขานิ่งไม่สั่นไหว
แขนของเขาแข็งแรงไม่อ่อนล้า49:23,24 หรือพลธนูจะโจมตี… / จะยิงเข้าใส่… / แต่ธนูของเขาจะนิ่งไม่สั่นไหว / แขนของเขาจะแข็งแรงไม่อ่อนล้า
เนื่องด้วยพระหัตถ์ขององค์ผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ
เนื่องด้วยพระผู้เลี้ยง พระศิลาของอิสราเอล
เนื่องด้วยพระเจ้าของบิดาเจ้าผู้ทรงช่วยเจ้า
เนื่องด้วยองค์ทรงฤทธิ์ผู้ทรงอวยพรเจ้า
ด้วยพรแห่งสวรรค์เบื้องบน
พรแห่งที่ลึกเบื้องล่าง
พรแห่งอ้อมอกและครรภ์
พรจากบิดาของเจ้ายิ่งใหญ่
กว่าพรแห่งภูเขาดึกดำบรรพ์
กว่า49:26 หรือแห่งบรรพบุรุษของข้า / ยิ่งใหญ่เท่ากับความอุดมแห่งเนินเขาเก่าแก่
ขอพระพรเหล่านี้จงอยู่บนศีรษะของโยเซฟ
อยู่บนกระหม่อมของเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลาง49:26 หรือผู้ที่แยกจากพี่น้องของเจ้า
“เบนยามินเป็นสุนัขป่าที่หิวโซ
ในตอนเช้าเขาขย้ำเหยื่อ
ในตอนเย็นเขาแบ่งของที่ยึดมาได้”
ทั้งหมดนี้คืออิสราเอลสิบสองเผ่า และนี่เป็นคำพูดของยาโคบบิดาของพวกเขาเมื่ออวยพรลูกๆ โดยให้พรแต่ละคนตามที่เขาเห็นควร
ยาโคบสิ้นชีวิต
แล้วยาโคบก็สั่งพวกเขาว่า “เรากำลังจะถูกรวบไปอยู่กับคนของเรา จงฝังเราไว้ร่วมกับบรรพบุรุษในถ้ำซึ่งอยู่ในทุ่งของเอโฟรนชาวฮิตไทต์ ถ้ำนี้อยู่ในทุ่งมัคเปลาห์ใกล้มัมเรในคานาอัน ที่อับราฮัมได้ซื้อพร้อมกับทุ่งนาจากเอโฟรนชาวฮิตไทต์เพื่อเป็นสุสาน ที่นั่นเป็นที่ฝังอับราฮัมกับซาราห์ภรรยาของเขา เป็นที่ฝังอิสอัคกับเรเบคาห์ภรรยาของเขา และเป็นที่ซึ่งเราได้ฝังเลอาห์ไว้ ทุ่งนาและถ้ำนั้นซื้อมาจากคนฮิตไทต์49:32 หรือลูกหลานทั้งหลายของเฮท”
เมื่อยาโคบสั่งเสียลูกชายทั้งหลายของเขาจบแล้วก็ยกเท้าขึ้นนอนลงบนที่นอน แล้วเขาก็สิ้นใจ ถูกรวมไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา
ปฐมกาล 50:1-26
โยเซฟโผเข้าไปหาร่างของบิดา ร้องไห้และจูบเขา หลังจากนั้นโยเซฟจึงสั่งให้บรรดาหมอซึ่งรับใช้ตนอยู่นั้นอาบยารักษาศพอิสราเอลบิดาของเขาไว้ พวกหมอก็อาบยารักษาศพอิสราเอล การอาบยานี้ใช้เวลาสี่สิบวันเต็ม และชาวอียิปต์ก็ไว้ทุกข์ให้อิสราเอลเจ็ดสิบวัน
เมื่อเวลาไว้ทุกข์สิ้นสุดลงแล้ว โยเซฟก็พูดกับข้าราชสำนักของฟาโรห์ว่า “หากเราเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน โปรดทูลฟาโรห์แทนเราว่า ‘บิดาของโยเซฟให้เขาสาบานและกล่าวกับเขาว่า “เรากำลังจะตาย จงฝังเราไว้ในสุสานที่เราขุดไว้เพื่อตนเองในคานาอัน” บัดนี้เราขอประทานอนุญาตไปฝังศพบิดาแล้วจะกลับมา’ ”
ฟาโรห์ตรัสว่า “จงไปฝังศพบิดาตามที่สาบานไว้เถิด”
ดังนั้นโยเซฟจึงไปฝังศพบิดาพร้อมข้าราชบริพารทั้งสิ้นของฟาโรห์ได้แก่ ผู้มีเกียรติของราชสำนักและผู้มีเกียรติทั้งปวงของอียิปต์ รวมทั้งสมาชิกทุกคนในครัวเรือนของโยเซฟ พวกพี่น้องและคนในครัวเรือนของบิดา มีเพียงเด็กๆ และฝูงสัตว์ทั้งหลายยังอยู่ที่โกเชน ขบวนรถม้าศึกและพลม้า50:9 หรือพลรถม้าก็ติดตามโยเซฟไปด้วย ขบวนผู้ติดตามใหญ่โตเป็นกองทัพ
เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวที่อาทาดใกล้แม่น้ำจอร์แดน พวกเขาก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างขมขื่นเสียงดังมาก โยเซฟไว้ทุกข์ให้บิดาเจ็ดวัน เมื่อชาวคานาอันผู้อาศัยอยู่ที่นั่นเห็นการไว้ทุกข์ที่ลานนวดข้าวที่อาทาด พวกเขาพูดกันว่า “ชาวอียิปต์เหล่านี้กำลังประกอบพิธีไว้ทุกข์ครั้งใหญ่” จึงเรียกชื่อสถานที่ใกล้แม่น้ำจอร์แดนนั้นว่าอาเบลมิสราอิม50:11 แปลว่าการไว้อาลัยของชาวอียิปต์
ดังนั้นบุตรชายทั้งหลายของยาโคบจึงได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา พวกเขานำศพของยาโคบมายังดินแดนคานาอันและฝังไว้ในถ้ำที่อยู่ในทุ่งนาชื่อมัคเปลาห์ใกล้มัมเร ซึ่งอับราฮัมซื้อไว้เป็นที่ฝังศพจากเอโฟรนชาวฮิตไทต์พร้อมกับทุ่งนา หลังจากฝังศพบิดาแล้ว โยเซฟจึงกลับไปยังอียิปต์พร้อมพี่น้องและทุกคนที่ติดตามมาร่วมพิธีฝังศพบิดาของเขา
โยเซฟให้ความมั่นใจแก่พวกพี่ชาย
เมื่อบรรดาพี่ชายของโยเซฟเห็นว่าบิดาเสียชีวิตแล้ว พวกเขาจึงพูดกันว่า “จะทำอย่างไรถ้าโยเซฟยังผูกใจเจ็บและจะแก้แค้นพวกเราเพราะสิ่งเลวร้ายที่พวกเราได้ทำกับเขาไว้” เขาจึงส่งคนไปบอกโยเซฟว่า “บิดาของท่านได้สั่งเสียก่อนจะตายว่า ‘ขอให้เจ้าไปบอกโยเซฟว่า เราขอร้องให้เจ้าอภัยบาปอันเลวร้ายที่พวกพี่ได้ทำไม่ดีกับเจ้า’ บัดนี้ขอท่านกรุณาให้อภัยบาปของผู้รับใช้พระเจ้าของบิดาของท่านเถิด” เมื่อโยเซฟได้ฟังดังนั้นก็ร้องไห้
แล้วพวกพี่ชายก็เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าโยเซฟ กล่าวว่า “พวกเราเป็นทาสของท่าน”
แต่โยเซฟบอกพวกพี่ชายว่า “อย่ากลัวเลย เราไม่ใช่พระเจ้า พวกท่านมุ่งร้ายต่อเราก็จริง แต่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เกิดผลดีดังที่เป็นอยู่นี้ คือการช่วยชีวิตคนเป็นอันมากไว้ได้ ฉะนั้นอย่ากลัวไปเลย เราจะเลี้ยงดูพวกท่านและลูกๆ ของท่าน” และโยเซฟก็ให้ความมั่นใจและพูดให้พวกเขาใจชื้น
โยเซฟสิ้นชีวิต
โยเซฟและครอบครัวของบิดายังคงอาศัยอยู่ในอียิปต์ต่อไป เขามีอายุถึง 110 ปี ได้เห็นหลานๆ ของเอฟราอิมซึ่งเป็นรุ่นที่สามและลูกๆ ของมาร์คี50:23 แปลว่าคนที่ถูกขาย ผู้เป็นบุตรมนัสเสห์ โยเซฟรับลูกๆ ของมาร์คีเป็นลูกบุญธรรมโดยอุ้มมาวางบนตักของโยเซฟเมื่อพวกเขาเกิด
โยเซฟบอกพวกพี่น้องว่า “เรากำลังจะตาย แต่พระเจ้าจะเสด็จมาช่วยพวกท่านอย่างแน่นอน พระองค์จะพาพวกท่านออกจากดินแดนนี้ไปยังดินแดนซึ่งทรงสัญญาโดยปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ” แล้วโยเซฟจึงขอให้ลูกหลานอิสราเอลกล่าวปฏิญาณ และโยเซฟกล่าวอีกว่า “พระเจ้าจะเสด็จมาช่วยพวกท่านอย่างแน่นอน แล้วพวกท่านต้องนำกระดูกของเราออกจากดินแดนนี้”
โยเซฟสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้ 110 ปี และหลังจากพวกเขาอาบยาศพแล้วก็บรรจุศพไว้ในโลงที่อียิปต์