ปฐมกาล 25:1-34, ปฐมกาล 26:1-35 TNCV

ปฐมกาล 25:1-34

อับราฮัมสิ้นชีวิต

(1พศด.1:32-33)

อับราฮัมได้มีภรรยาอีกคนหนึ่งชื่อเคทูราห์ นางให้กำเนิดบุตรแก่เขาคือ ศิมราน โยกชาน เมดาน มีเดียน อิชบาก และชูอาห์ โยกชานมีบุตรชายชื่อเชบาและเดดาน ลูกหลานของเดดานคือพวกอัสชูริม เลทูชิม และเลอุมมิม บุตรของมีเดียนคือ เอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค อาบีดา และเอลดาอาห์ ทั้งหมดนี้คือลูกหลานของนางเคทูราห์

อับราฮัมยกทุกสิ่งที่เขามีให้อิสอัค แต่ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ได้ให้ของบางอย่างแก่บุตรทั้งหลายที่เกิดจากบรรดาภรรยาน้อย และส่งคนเหล่านั้นออกไปยังดินแดนทางทิศตะวันออก แยกไปจากอิสอัคบุตรของเขา

อับราฮัมมีอายุรวมทั้งหมด 175 ปี แล้วอับราฮัมก็สิ้นลมหายใจเมื่อชรามากแล้ว เขาเป็นชายชราอายุยืนยาว และเขาก็ถูกรวมไว้กับบรรพบุรุษของเขา อิสอัคกับอิชมาเอลบุตรของอับราฮัมจึงฝังเขาไว้ในถ้ำมัคเปลาห์ใกล้มัมเร ในทุ่งของเอโฟรนบุตรของโศหาร์ชาวฮิตไทต์ คือทุ่งที่อับราฮัมได้ซื้อจากชาวฮิตไทต์25:10 หรือลูกหลานของเฮท อับราฮัมถูกฝังไว้กับซาราห์ภรรยาของเขาที่นั่น หลังจากที่อับราฮัมสิ้นชีวิตแล้ว พระเจ้าทรงอวยพรอิสอัคบุตรชายของเขา ขณะนั้นอิสอัคอาศัยอยู่ที่เบเออร์ลาไฮรอย

เชื้อสายของอิชมาเอล

(1พศด.1:29-31)

นี่คือเรื่องราวของอิชมาเอล บุตรชายของอับราฮัมที่เกิดจากนางฮาการ์สาวใช้ชาวอียิปต์ของนางซาราห์

ต่อไปนี้เป็นรายชื่อบุตรทั้งหลายของอิชมาเอล เรียงตามลำดับอายุได้แก่ เนบาโยทบุตรหัวปีของอิชมาเอล เคดาร์ อัดบีเอล มิบสัม มิชมา ดูมาห์ มัสสา ฮาดัด เทมา เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์ คนเหล่านี้คือบุตรของอิชมาเอล เป็นชื่อของหัวหน้าเผ่าทั้งสิบสองเผ่า ตามถิ่นฐานและค่ายของเขา อิชมาเอลมีอายุรวมทั้งหมด 137 ปี แล้วก็สิ้นลมหายใจ และเขาก็ถูกรวมไว้กับบรรพบุรุษของเขา ลูกหลานของเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ทั่วดินแดนจากเมืองฮาวิลาห์ไปถึงเมืองชูร์ ใกล้ชายแดนอียิปต์ บนเส้นทางไปยังเมืองอัสชูร์ และพวกเขาอยู่ประจันหน้ากับ25:18 หรืออยู่ทางตะวันออกของพี่น้องทั้งปวงของเขา

ยาโคบและเอซาว

นี่คือเรื่องราวของอิสอัคบุตรชายของอับราฮัม

อับราฮัมได้เป็นบิดาของอิสอัค อิสอัคอายุได้สี่สิบปีเมื่อเขาแต่งงานกับเรเบคาห์ บุตรสาวของเบธูเอลชาวอารัมจากถิ่นปัดดานอารัม และเป็นน้องสาวของลาบันชาวอารัม

อิสอัคอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อภรรยาเพราะนางเป็นหมัน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเขา นางเรเบคาห์ผู้เป็นภรรยาก็ได้ตั้งครรภ์ ทารกในท้องเบียดดันกันจนนางร้องว่า “ทำไมฉันจึงต้องเจอเรื่องนี้?” ดังนั้นนางจึงไปทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับนางว่า

“สองชนชาติอยู่ในครรภ์ของเจ้า

สองชนชาติที่เกิดจากตัวเจ้าจะแยกออกจากกัน

ชนชาติหนึ่งจะแข็งแกร่งกว่าอีกชนชาติหนึ่ง

และพี่จะรับใช้น้อง”

เมื่อถึงกำหนดคลอด ปรากฏว่ามีลูกแฝดชายอยู่ในครรภ์ของนาง คนแรกที่เกิดมาตัวแดง มีขนทั่วตัวเหมือนเสื้อขนสัตว์ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งชื่อให้ว่าเอซาว25:25 คำว่าเอซาวอาจจะมีความหมายว่าขนดกเขามีอีกชื่อหนึ่งว่าเอโดมซึ่งแปลว่าแดง หลังจากนั้นน้องชายของเขาก็คลอดออกมา มือของเขาจับส้นเท้าของเอซาวไว้ ดังนั้นเขาจึงได้ชื่อว่ายาโคบ25:26 คำว่ายาโคบมีความหมายว่าเขาจับส้นเท้า(เป็นสำนวนแปลว่าเขาหลอกลวง) อิสอัคอายุหกสิบปี เมื่อเรเบคาห์ให้กำเนิดบุตรชายทั้งสอง

เด็กชายทั้งสองคนเติบโตขึ้น เอซาวเป็นนายพรานผู้ช่ำชอง เป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตในทุ่งกว้าง ส่วนยาโคบเป็นคนชอบอยู่กับบ้าน อยู่ตามเต็นท์ต่างๆ อิสอัคชอบกินเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้ เขาจึงรักเอซาว แต่เรเบคาห์รักยาโคบ

ครั้งหนึ่งขณะที่ยาโคบกำลังทำอาหาร เอซาวกลับมาจากทุ่งกว้างและกำลังหิวจัด เขากล่าวกับยาโคบว่า “เร็วเข้า ให้ฉันกินอะไรแดงๆ ที่ต้มอยู่นั่นสักหน่อย! ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!” (เขาจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าเอโดม25:30 แปลว่าแดง)

ยาโคบตอบว่า “ขายสิทธิ์บุตรหัวปีของพี่ให้ฉันก่อน”

เอซาวตอบว่า “ดูสิ ฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว สิทธิ์บุตรหัวปีจะมีประโยชน์อะไรต่อฉัน?”

แต่ยาโคบกล่าวว่า “สาบานกับฉันก่อน” ดังนั้นเอซาวจึงสาบานกับเขา ขายสิทธิ์บุตรหัวปีให้แก่ยาโคบ

แล้วยาโคบจึงแบ่งขนมปังและถั่วแดงต้มให้เอซาว เขาก็กินดื่มแล้วก็ลุกจากไป

เห็นได้ว่าเอซาวได้ดูถูกสิทธิ์บุตรหัวปีของตน

Read More of ปฐมกาล 25

ปฐมกาล 26:1-35

อิสอัคและอาบีเมเลค

(ปฐก.12:10-20; 20:1-18)

ต่อมาเกิดการกันดารอาหารในดินแดนนั้นอีกครั้งหนึ่งนอกเหนือจากการกันดารอาหารที่เคยเกิดขึ้นในสมัยอับราฮัม อิสอัคจึงไปหากษัตริย์อาบีเมเลคชาวฟีลิสเตียที่เมืองเกราร์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่อิสอัคและตรัสว่า “อย่าลงไปอียิปต์ จงอยู่ในแผ่นดินนี้อย่างที่เราบอกเจ้า จงอาศัยในแผ่นดินนี้สักระยะหนึ่ง เพื่อเราจะอยู่ช่วยเจ้าและอวยพรเจ้า เพราะเราจะยกดินแดนทั้งหมดนี้ให้แก่เจ้ากับลูกหลานของเจ้า และจะทำให้คำปฏิญาณที่เราได้สาบานไว้กับอับราฮัมบิดาของเจ้าสำเร็จ เราจะทำให้ลูกหลานของเจ้ามีจำนวนมากมายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และจะยกดินแดนทั้งหมดนี้ให้แก่พวกเขา และประชาชาติทั่วโลกจะได้รับพรผ่านทางวงศ์วาน26:4 หรือเมล็ดพันธุ์ของเจ้า ทั้งนี้เพราะอับราฮัมได้เชื่อฟังเราและรักษาข้อกำหนด คำบัญชา กฎหมาย และบทบัญญัติของเรา” ฉะนั้นอิสอัคยังคงอยู่ที่เมืองเกราร์

เมื่อผู้คนที่นั่นถามเรื่องภรรยาของเขา เขาก็ตอบว่า “นางเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า” เพราะเขาไม่กล้าบอกว่า “นางเป็นภรรยาของข้าพเจ้า” เขาคิดว่า “ผู้ชายถิ่นนี้อาจจะฆ่าฉันเพราะเรเบคาห์เป็นเหตุ เนื่องจากนางเป็นคนสวย”

เมื่ออิสอัคอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว กษัตริย์อาบีเมเลคของชาวฟีลิสเตียมองลงมาจากหน้าต่างและเห็นอิสอัคคลอเคลียอยู่กับเรเบคาห์ภรรยาของเขา อาบีเมเลคจึงบัญชาให้นำตัวอิสอัคมาและกล่าวว่า “แท้จริงนางเป็นภรรยาของท่าน! ทำไมท่านจึงบอกว่า ‘นางเป็นน้องสาว’?”

อิสอัคตอบว่า “เพราะข้าพเจ้าคิดว่าตนเองอาจจะต้องตายเพราะนาง”

อาบีเมเลคจึงกล่าวว่า “ทำไมท่านทำกับเราอย่างนี้? ถ้าหากว่ามีชายใดไปนอนกับภรรยาของท่าน ท่านก็จะนำความผิดมาตกอยู่กับพวกเรา”

ดังนั้นอาบีเมเลคจึงออกคำสั่งถึงคนทั้งปวงว่า “ผู้ใดก็ตามที่ล่วงเกินชายคนนี้หรือภรรยาของเขา จะถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอน”

อิสอัคปลูกพืชผลในดินแดนนั้น และในปีเดียวกันก็เก็บเกี่ยวได้ร้อยเท่า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขา เขาก็มั่งมีขึ้น ความมั่งคั่งของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นทุกทีจนเขากลายเป็นคนใหญ่คนโต เขามีฝูงแพะแกะ วัว และคนรับใช้มากมายจนชาวฟีลิสเตียอิจฉา ดังนั้นพวกฟีลิสเตียจึงเอาดินถมบ่อน้ำทั้งหมดที่คนรับใช้ของอับราฮัมบิดาของเขาได้ขุดไว้ตั้งแต่สมัยที่อับราฮัมยังมีชีวิตอยู่

แล้วอาบีเมเลคกล่าวกับอิสอัคว่า “ย้ายไปอยู่ที่อื่นเถิด ตอนนี้ท่านมีกำลังมากกว่าพวกเราแล้ว”

อิสอัคจึงย้ายไปจากที่นั่นและตั้งถิ่นฐานในหุบเขาเกราร์ อิสอัคขุดบ่อน้ำต่างๆ ที่ขุดในสมัยอับราฮัมบิดาของเขาขึ้นมาใหม่ พวกฟีลิสเตียได้ถมบ่อน้ำเหล่านี้หลังจากที่อับราฮัมตายไป แล้วอิสอัคก็ตั้งชื่อให้บ่อน้ำตามชื่อเดิมที่บิดาเคยตั้งไว้

คนรับใช้ของอิสอัคขุดพบบ่อน้ำจืดแห่งหนึ่งในหุบเขานั้น แต่คนเลี้ยงสัตว์เมืองเกราร์ทะเลาะกับคนเลี้ยงสัตว์ของอิสอัคและกล่าวว่า “น้ำนี้เป็นของเรา!” อิสอัคจึงตั้งชื่อบ่อน้ำนั้นว่าเอเสก26:20 แปลว่าโต้เถียง เพราะพวกเขาโต้เถียงกัน คนของอิสอัคจึงขุดบ่อน้ำขึ้นอีกบ่อหนึ่ง แต่มีการทะเลาะกันเรื่องบ่อน้ำนั้นด้วย ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อว่าสิตนาห์26:21 แปลว่าการเป็นศัตรูกัน เขาย้ายไปจากที่นั่นแล้วขุดบ่อน้ำอีกบ่อหนึ่ง คราวนี้ไม่มีใครมาทะเลาะเรื่องบ่อน้ำนั้น เขาจึงตั้งชื่อว่าเรโหโบท26:22 แปลว่าที่ว่าง เขากล่าวว่า “บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานที่ให้เราและเราจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นในดินแดนนี้”

จากที่นั่นเขาขึ้นไปยังเบเออร์เชบา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่เขาในคืนนั้นและตรัสว่า “เราคือพระเจ้าของอับราฮัมบิดาของเจ้า อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า เราจะอวยพรเจ้า และจะให้ลูกหลานของเจ้าทวีจำนวนขึ้นเพราะเห็นแก่อับราฮัมผู้รับใช้ของเรา”

อิสอัคจึงสร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นและนมัสการออกพระนามของพระยาห์เวห์ เขาตั้งเต็นท์ที่นั่น และคนรับใช้ของเขาก็ขุดบ่อน้ำบ่อหนึ่งขึ้นที่นั่นด้วย

ในระหว่างนั้น กษัตริย์อาบีเมเลคกับอาหุสซัทที่ปรึกษาส่วนพระองค์และแม่ทัพฟีโคล์ เดินทางจากเมืองเกราร์มาพบอิสอัค อิสอัคถามพวกเขาว่า “พวกท่านมาหาข้าพเจ้าทำไมในเมื่อพวกท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นศัตรูและขับไล่ข้าพเจ้าออกมา?”

พวกเขาตอบว่า “พวกเราเห็นชัดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับท่าน ดังนั้นพวกเราจึงพูดว่า ‘ควรจะทำสัตย์สาบานตกลงกันระหว่างเรา’ คือระหว่างพวกเรากับท่าน ให้พวกเราทำสนธิสัญญากับท่าน ว่าท่านจะไม่ทำอันตรายพวกเราเหมือนที่พวกเราไม่ได้ทำร้ายท่าน แต่ได้ปฏิบัติต่อท่านอย่างดีเสมอมาและส่งท่านจากมาอย่างสันติ และบัดนี้ท่านได้รับพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”

อิสอัคจึงจัดงานเลี้ยงให้พวกเขา คนเหล่านั้นก็ได้กินดื่ม เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ต่างฝ่ายก็ให้สัตย์สาบานต่อกัน จากนั้นอิสอัคก็ส่งพวกเขาให้เดินทางต่อไป และพวกเขาก็จากไปอย่างสันติ

ในวันนั้นเองคนรับใช้ของอิสอัคมาบอกเรื่องบ่อน้ำที่ขุดว่า “เราพบน้ำแล้ว!” เขาจึงตั้งชื่อบ่อนั้นว่าชิบาห์26:33 แปลว่าคำสัญญาหรือเจ็ดก็ได้ และเมืองนั้นจึงได้ชื่อว่าเบเออร์เชบา26:33 แปลว่าบ่อแห่งคำสัญญาหรือบ่อแห่งเจ็ดก็ได้ มาจนถึงทุกวันนี้

ยาโคบได้พรจากอิสอัค

เมื่อเอซาวอายุได้สี่สิบปี เขาแต่งงานกับยูดิธ บุตรสาวของเบเออรีชาวฮิตไทต์ และกับบาเสมัท บุตรสาวของเอโลนชาวฮิตไทต์ พวกเขาทำให้อิสอัคกับเรเบคาห์ขมขื่นใจ

Read More of ปฐมกาล 26