เฉลยธรรมบัญญัติ 33:1-29
โมเสสอวยพรเผ่าต่างๆ
(ปฐก.49:1-28)
ก่อนสิ้นชีวิต โมเสสคนของพระเจ้าได้อวยพรประชากรอิสราเอล เขากล่าวว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จจากซีนาย
ทรงฉายแสงอรุณเหนือพวกเขาจากเสอีร์
ทรงเปล่งรังสีจากภูเขาปาราน
พระองค์เสด็จมากับ33:2 หรือจากผู้บริสุทธิ์นับหมื่นแสน
จากทิศใต้ จากลาดเขา33:2 ในภาษาฮีบรูวลีนี้มีความหมายไม่ชัดเจนของพระองค์
แน่นอน พระองค์ทรงรักเหล่าประชากร
วิสุทธิชนทั้งปวงอยู่ในพระหัตถ์
พวกเขากราบลงแทบพระบาท
และรับการสั่งสอนจากพระองค์
คือบทบัญญัติที่โมเสสให้แก่เราไว้
เป็นกรรมสิทธิ์ของชุมชนยาโคบ
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์เหนือเยชูรุน33:5 แปลว่า ผู้เที่ยงธรรม คือ อิสราเอล เช่นเดียวกับข้อ 26
เมื่อบรรดาผู้นำมาชุมนุมกัน
ร่วมกับเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล
“ขอให้รูเบนดำรงอยู่เป็นอมตะ
อย่าให้33:6 หรือแต่ให้ คนของเขามีน้อย”
และเขากล่าวถึงยูดาห์ว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงฟังเสียงร่ำร้องของยูดาห์
ประสานเขาเข้ากับชนชาติของเขา
เขาต่อสู้ฟันฝ่าด้วยมือของเขาเอง
ขอทรงช่วยยูดาห์ต่อกรกับศัตรู!”
เขากล่าวถึงเผ่าเลวีว่า
“อูริมและทูมมิมของพระองค์
อยู่กับผู้ที่พระองค์ทรงโปรดปราน
พระองค์ทรงทดสอบเขาที่มัสสาห์
พระองค์ทรงต่อสู้กับเขาที่ห้วงน้ำเมรีบาห์
เขากล่าวถึงบิดามารดาของตนว่า
‘ข้าพเจ้าไม่เห็นแก่หน้าพวกเขา’
เขาไม่เห็นแก่พี่น้องของเขา
ไม่เห็นแก่บุตรของเขา
แต่เขาพิทักษ์รักษาพระดำรัสของพระองค์
และปกป้องพันธสัญญาของพระองค์
เขาจะสอนพระโอวาทของพระองค์แก่ยาโคบ
และสอนบทบัญญัติของพระองค์แก่อิสราเอล
เขาถวายเครื่องหอมต่อหน้าพระองค์
และถวายเครื่องเผาบูชาทั้งสิ้นบนแท่นของพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงอวยพรความชำนาญทั้งสิ้นของเขา
และพอพระทัยผลงานที่เขาทำ
ขอทรงบดขยี้ผู้ที่ต่อสู้เขา
ขอทรงฟาดฟันศัตรูของเขาจนลุกขึ้นไม่ได้อีกต่อไป”
เขากล่าวถึงเผ่าเบนยามินว่า
“ขอให้ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักพักพิงในพระองค์อย่างมั่นคงปลอดภัย
เพราะพระองค์ทรงปกป้องเขาวันยังค่ำ
และให้ผู้ที่พระองค์ทรงรักพักอยู่แนบพระทรวงของพระองค์”
เขากล่าวถึงเผ่าโยเซฟว่า
“ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรดินแดนของเขา
ด้วยน้ำค้างล้ำเลิศจากฟ้าสวรรค์เบื้องบน
และด้วยห้วงน้ำลึกเบื้องล่าง
ด้วยผลผลิตยอดเยี่ยมจากดวงตะวัน
และด้วยผลผลิตที่ดีที่สุดตามฤดูกาล33:14 หรือและด้วยผลผลิตที่ดีที่สุดตามแต่ละเดือน
ด้วยของขวัญเลอเลิศจากภูเขาดึกดำบรรพ์
ด้วยความสมบูรณ์พูนผลจากภูเขาอันถาวรนิรันดร์
ด้วยของขวัญล้ำค่าจากผืนแผ่นดิน และความอุดมสมบูรณ์จากพื้นพสุธา
และด้วยความโปรดปรานจากพระองค์ผู้ประทับในพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ
ขอให้พรทั้งปวงนี้มาเหนือโยเซฟ
เหนือเจ้านายในหมู่พี่น้อง33:16 หรือเหนือผู้พลัดพรากจากพี่น้อง
ผู้ทรงไว้ซึ่งศักดาดุจลูกวัวหนุ่มหัวปี
เขาสัตว์ของเขาคือเขาของวัวป่า
เขาจะขวิดประชาชาติทั้งหลายด้วยเขาสัตว์เหล่านั้น
แม้ประชาชาติที่อยู่สุดปลายแผ่นดินโลก
นี่แหละคือชนเอฟราอิมนับหมื่น
และชนมนัสเสห์นับพัน”
เขากล่าวถึงเผ่าเศบูลุนว่า
“จงร่าเริงยินดีเถิด เศบูลุนเอ๋ย เมื่อท่านออกไป
และท่านอิสสาคาร์เอ๋ย จงร่าเริงยินดีในเต็นท์ของท่าน
พวกเขาจะเรียกประชากรมาชุมนุมที่ภูเขา
และถวายเครื่องบูชาแห่งความชอบธรรมที่นั่น
เขาจะเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเล
เฉลิมฉลองทรัพย์สมบัติที่ซ่อนไว้ในหาดทราย”
เขากล่าวถึงเผ่ากาดว่า
“ขอถวายสรรเสริญแด่พระองค์ผู้ทรงขยายอาณาจักรของกาด!
กาดมีชีวิตอยู่เยี่ยงราชสีห์
ซึ่งฉีกทึ้งแขนหรือศีรษะ
เขาเลือกดินแดนดีเยี่ยมที่สุดไว้เป็นของตนเอง
ส่วนที่เป็นของผู้นำถูกสงวนไว้สำหรับเขา
เมื่อบรรดาหัวหน้าของประชาชนมาชุมนุมกัน
เขาทำให้ลุล่วงตามพระประสงค์อันชอบธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และตามพระวินิจฉัยเกี่ยวกับอิสราเอล”
เขากล่าวถึงเผ่าดานว่า
“ดานเหมือนลูกสิงห์
โลดแล่นออกมาจากบาชาน”
เขากล่าวถึงเผ่านัฟทาลีว่า
“นัฟทาลีอิ่มเอิบด้วยความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเต็มเปี่ยมด้วยพระพรของพระองค์
เขาจะครอบครองไปทางใต้ถึงทะเลสาบ”
เขากล่าวถึงเผ่าอาเชอร์ว่า
“อาเชอร์เป็นลูกที่ได้รับพรมากที่สุด
ขอให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของพี่ๆ น้องๆ
และให้เขาล้างเท้าด้วยน้ำมัน
ดาลประตูของท่านจะเป็นเหล็กและทองสัมฤทธิ์
และพลังวังชาของท่านจะอยู่คู่คืนวันของท่าน
“ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระเจ้าแห่งเยชูรุน
ผู้ประทับอยู่บนฟ้าสวรรค์เพื่อช่วยท่าน
ผู้ประทับเหนือเมฆด้วยพระบารมีของพระองค์
พระเจ้าองค์นิรันดร์เป็นที่ลี้ภัยของท่าน
และเบื้องล่างคืออ้อมแขนอันนิรันดร์
พระองค์จะทรงขับไล่เหล่าศัตรูออกไปให้พ้นหน้าท่าน
ตรัสว่า ‘จงทำลายพวกเขาเสีย!’
ฉะนั้นอิสราเอลจะอาศัยอยู่โดยสวัสดิภาพ
ธารน้ำพุของยาโคบมั่นคง
ในดินแดนแห่งข้าวและเหล้าองุ่นใหม่
ที่ซึ่งฟ้าสวรรค์หยาดรินน้ำค้างลงมา
อิสราเอลเอ๋ย! พระพรนี้มีแก่ท่าน
ใครเล่าเสมอเหมือนท่าน?
ชนชาติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้รอด
พระองค์ทรงเป็นโล่และเป็นผู้ช่วยท่าน
และทรงเป็นดาบอันรุ่งโรจน์ของท่าน
ศัตรูของท่านจะก้มหัวให้ท่าน
และท่านจะย่ำบนที่สูง33:29 หรือจะย่ำบนร่างของเขาของเขา”
เฉลยธรรมบัญญัติ 34:1-12
โมเสสสิ้นชีวิต
จากที่ราบโมอับ โมเสสขึ้นไปยังยอดเขาปิสกาห์บนภูเขาเนโบ ตรงข้ามเมืองเยรีโค ที่นั่นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงดินแดนทั้งหมดให้เขาเห็น คือจากกิเลอาดจนจดดาน เขตทั้งหมดของนัฟทาลี เขตแดนของเอฟราอิมกับมนัสเสห์ เขตแดนทั้งหมดของยูดาห์จนจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เนเกบและภูมิภาคทั้งหมด จากหุบเขาเยรีโคนครแห่งต้นอินทผลัมจนจดโศอาร์ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “นี่คือดินแดนที่เราสัญญาด้วยคำปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ เมื่อเรากล่าวว่า ‘เราจะยกดินแดนนี้ให้แก่วงศ์วานของเจ้า’ ตอนนี้เราให้เจ้าเห็นกับตาแล้ว แต่เจ้าจะไม่ได้ข้ามไป”
และโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สิ้นชีวิตลงที่นั่นในโมอับตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ พระองค์ทรงฝังเขา34:6 หรือเขาถูกฝังไว้ในหุบเขาตรงข้ามเบธเปโอร์ในโมอับ แต่ไม่มีผู้ใดทราบตำแหน่งที่แน่นอนตราบจนทุกวันนี้ โมเสสสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้ 120 ปี สายตายังดีและเรี่ยวแรงไม่ได้ถดถอย ประชากรอิสราเอลไว้ทุกข์ให้โมเสสเป็นเวลาสามสิบวันในที่ราบโมอับนั้น จนกระทั่งช่วงเวลาแห่งการร้องไห้ไว้ทุกข์จบสิ้นลง
โยชูวาบุตรนูนประกอบด้วยพระวิญญาณแห่งสติปัญญาเพราะโมเสสได้วางมือบนเขา ประชากรอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขาและทำสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาโมเสสไว้
ตั้งแต่นั้นมาไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดในอิสราเอลเสมอเหมือนโมเสสผู้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักหน้าต่อหน้า ผู้ได้ทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้เขาไปทำในอียิปต์ต่อฟาโรห์ ข้าราชบริพาร และต่อดินแดนทั้งหมดของเขา ไม่เคยมีผู้ใดสำแดงอานุภาพเกรียงไกรหรือทำสิ่งน่าครั่นคร้ามดังที่โมเสสทำในสายตาของอิสราเอลทั้งปวง