เฉลยธรรมบัญญัติ 29:1-29, เฉลยธรรมบัญญัติ 30:1-10 TNCV

เฉลยธรรมบัญญัติ 29:1-29

รื้อฟื้นพันธสัญญา

ทั้งหมดนี้คือเงื่อนไขของพันธสัญญาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสให้ทำกับชนชาติอิสราเอลในดินแดนโมอับ เพิ่มเติมจากพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงทำกับพวกเขาที่ภูเขาโฮเรบ

โมเสสได้เรียกชาวอิสราเอลทั้งปวงมาประชุมและกล่าวแก่พวกเขาว่า

ท่านได้เห็นทุกสิ่งกับตาแล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำอะไรบ้างในอียิปต์ ทั้งต่อฟาโรห์ ต่อข้าราชการทั้งปวง และต่อดินแดนทั้งสิ้นของเขา ท่านได้เห็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ หมายสำคัญและปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่เหล่านั้นด้วยตาของท่านเอง แต่จนทุกวันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ยังไม่ได้ประทานจิตใจที่จะเข้าใจ หรือตาที่มองเห็น หรือหูที่ได้ยินแก่ท่าน เรานำเจ้าผ่านถิ่นกันดารมาตลอดสี่สิบปี เสื้อผ้าของเจ้าไม่ได้ขาดวิ่น รองเท้าไม่ได้สึกไป เจ้าไม่ได้รับประทานขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นหรือสุรา เราทำเช่นนี้เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

เมื่อท่านมาถึงที่นี่ กษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบนและกษัตริย์โอกแห่งบาชานออกมารบกับพวกเรา แต่พวกเราชนะพวกเขา เรายึดครองดินแดนของพวกเขาและยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า

จงใส่ใจปฏิบัติตามข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ทุกประการ เพื่อท่านจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งที่ท่านทำ ในวันนี้ท่านทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่นี่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทั้งผู้นำ หัวหน้าประชากร ผู้อาวุโส เจ้าหน้าที่ และชายทั้งปวงของอิสราเอล พร้อมทั้งลูกๆ และภรรยาของท่าน และคนต่างด้าวในค่ายของท่านซึ่งตัดฟืนและหาบน้ำให้ท่าน ท่านยืนอยู่ที่นี่เพื่อเข้าร่วมในพันธสัญญากับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เป็นพันธสัญญาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำกับท่านในวันนี้ และทรงประทับตราด้วยคำปฏิญาณ เพื่อยืนยันกับท่านในวันนี้ในฐานะที่ท่านเป็นประชากรของพระองค์ว่า พระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของท่านตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่านและตามที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านคืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ข้าพเจ้าทำพันธสัญญานี้ด้วยคำปฏิญาณไม่เฉพาะกับท่าน ซึ่งยืนอยู่กับเราที่นี่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราในวันนี้เท่านั้น แต่ทำกับบรรดาผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้ด้วย

ท่านเองย่อมรู้ว่าเราอยู่กันอย่างไรในอียิปต์และเราเดินทางผ่านดินแดนของชาติต่างๆ มาถึงที่นี่ได้อย่างไร ท่านได้เห็นเทวรูปและรูปเคารพอันน่าชิงชังซึ่งทำจากไม้ หิน เงิน และทองในหมู่พวกเขา ในวันนี้จงระวังอย่าให้มีคนใด ไม่ว่าชายหรือหญิง ตระกูลหรือเผ่าใดในพวกท่าน เอาใจออกห่างจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราไปกราบไหว้นมัสการพระของชนชาติอื่นๆ จงระวังอย่าให้มีรากที่แพร่พิษร้ายขมขื่นในหมู่พวกท่าน

เมื่อคนเช่นนั้นได้ยินถ้อยคำปฏิญาณนี้ เขาอวยพรตนเองและคิดว่า “ฉันจะยังคงปลอดภัยแม้จะดึงดันดำเนินตามทางของฉันต่อไป” พวกเขาจะนำภัยพิบัติมายังดินแดนที่ชุ่มชื้นและที่แห้งแล้ง29:19 หรือดำเนินตามทางของฉันต่อไป เพื่อเพิ่มความมึนเมาขึ้นจากความกระหาย” องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงอภัยโทษเขา พระพิโรธและความหึงหวงของพระองค์จะเผาผลาญผู้นั้น คำสาปแช่งทั้งปวงที่บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้จะตกอยู่แก่ผู้นั้น และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลบชื่อเขาออกจากใต้ฟ้าสวรรค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแยกผู้นั้นออกจากเผ่าทั้งปวงของอิสราเอลเพื่อลงโทษด้วยภัยพิบัติตามคำสาปแช่งทั้งสิ้นของพันธสัญญาซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือบทบัญญัตินี้

แล้วบุตรหลานของท่านในชั่วอายุต่อมา และคนต่างชาติจากแดนไกลจะเห็นหายนะในแผ่นดิน และโรคภัยซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ทรมานพวกเขา ดินแดนทั้งหมดจะถูกเผาผลาญกลายเป็นถิ่นร้าง มีแต่เกลือและกำมะถัน เพาะปลูกไม่ได้ ไม่มีพืชผลผักหญ้างอกขึ้น เช่นเดียวกับหายนะของเมืองโสโดม โกโมราห์ อัดมาห์ และเศโบยิม ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงล้มล้างด้วยพระพิโรธอันรุนแรง ชนชาติทั้งหลายจะถามว่า “ทำไมองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำต่อดินแดนนี้ถึงเพียงนี้? เหตุใดพระองค์ทรงพระพิโรธรุนแรงขนาดนี้?”

คำตอบก็คือ “เพราะชนชาตินี้ละทิ้งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงทำกับพวกเขาเมื่อครั้งพระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ พวกเขาหลงเตลิดไปกราบไหว้นมัสการพระอื่นๆ พระที่พวกเขาไม่รู้จัก พระที่พระองค์ไม่ได้ประทานให้พวกเขา ฉะนั้นพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเผาผลาญดินแดนนี้เพื่อพระองค์จะทรงนำคำสาปแช่งทั้งปวงที่บันทึกไว้ในหนังสือนี้ลงมาเหนือดินแดนของเขา โดยพระพิโรธอันร้อนแรงและความเกรี้ยวกราดอันใหญ่หลวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขุดรากถอนโคนเขาออกจากแผ่นดิน และเหวี่ยงทิ้งไปในดินแดนอื่นดังที่เป็นอยู่ขณะนี้”

สิ่งลี้ลับทั้งหลายเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา แต่สิ่งต่างๆ ที่ทรงสำแดงเป็นของเรากับลูกหลานตลอดไป เพื่อเราจะปฏิบัติตามถ้อยคำทั้งสิ้นของบทบัญญัตินี้

Read More of เฉลยธรรมบัญญัติ 29

เฉลยธรรมบัญญัติ 30:1-10

ความรุ่งเรืองหลังจากหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า

เมื่อพระพรและคำสาปแช่งทั้งปวงที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้เกิดขึ้น ท่านก็จะคิดได้ในขณะที่ท่านอาศัยอยู่ในชาติต่างๆ ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงกระจายท่านไป และเมื่อใดที่ท่านและบุตรหลานหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจในทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ เมื่อนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะทรงให้ท่านกลับรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง30:3 หรือจะทรงนำท่านกลับมาจากการเป็นเชลย พระองค์จะทรงเอ็นดูสงสารท่าน และรวบรวมท่านกลับคืนมาจากชนชาติต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงกระจายท่านไป แม้ท่านจะถูกเนรเทศไปไกลลิบโลก พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะรวบรวมท่านจากที่นั่นและนำท่านกลับมาอีก พระองค์จะทรงนำท่านมายังดินแดนที่เป็นของบรรพบุรุษของท่าน และท่านจะครอบครองดินแดนนี้ พระองค์จะทรงให้ท่านรุ่งเรืองและมีจำนวนมากยิ่งกว่าบรรพบุรุษของท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงให้จิตใจของท่านและของวงศ์วานของท่านเข้าสุหนัต เพื่อท่านจะรักพระองค์สุดจิตสุดใจและมีชีวิตอยู่ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะทรงให้คำสาปแช่งทั้งปวงนี้ตกแก่ศัตรูผู้เกลียดชังและข่มเหงรังแกท่าน ท่านจะหวนกลับมาเชื่อฟังพระยาห์เวห์และปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงให้ท่านเจริญรุ่งเรืองในการงานทุกอย่างที่ท่านทำและให้บุตรหลานทวีขึ้น ให้ฝูงสัตว์มีลูกอ่อนมากมายและพืชผลของแผ่นดินงอกงาม พระยาห์เวห์จะทรงปีติยินดีในตัวท่านและทำให้ท่านเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงปีติยินดีในบรรพบุรุษของท่าน หากท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และถือรักษาพระบัญชาและกฎหมายของพระองค์ซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือบทบัญญัตินี้ และหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจ

Read More of เฉลยธรรมบัญญัติ 30