2พงศ์กษัตริย์ 23:1-37, 2พงศ์กษัตริย์ 24:1-7 TNCV

2พงศ์กษัตริย์ 23:1-37

โยสิยาห์ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญา

(2พศด.34:3-7,29-33; 35:1,18—36:1)

กษัตริย์โยสิยาห์จึงทรงเรียกผู้อาวุโสของยูดาห์และเยรูซาเล็มทุกคนมารวมกัน พระองค์เสด็จไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมชนยูดาห์ ชาวเยรูซาเล็ม ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ คือประชากรทั้งปวงตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด กษัตริย์ทรงอ่านทุกถ้อยคำในหนังสือพันธสัญญาซึ่งพบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าพวกเขา พระองค์ประทับยืนอยู่ข้างเสา ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ถวายปฏิญาณที่จะติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติตามพระบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมายของพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ เป็นการยืนยันใจความของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือนี้ แล้วประชาชนทั้งหมดก็ปฏิญาณเข้าร่วมในพันธสัญญา

กษัตริย์ทรงบัญชามหาปุโรหิตฮิลคียาห์ ปุโรหิตอื่นๆ ที่รองลงมาและนายประตูทั้งหลายให้กำจัดเครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับพระบาอัล เจ้าแม่อาเชราห์ และดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้าออกไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเผาของเหล่านั้นที่ลานหุบเขาขิดโรนนอกกรุงเยรูซาเล็มและนำเถ้าถ่านไปทิ้งที่เบธเอล โยสิยาห์ทรงปลดปุโรหิตของพระทั้งหลายซึ่งบรรดากษัตริย์ยูดาห์ได้แต่งตั้งพวกเขาให้เผาเครื่องหอมในสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทั่วแดนยูดาห์และรอบๆ กรุงเยรูซาเล็มเพื่อบูชาพระบาอัล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาราจักรและดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า กษัตริย์ทรงรื้อเสาเจ้าแม่อาเชราห์ออกจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า นำไปเผาที่หุบเขาขิดโรน นอกกรุงเยรูซาเล็ม แล้วบดเป็นผง โปรยบนหลุมฝังศพของสามัญชน ทั้งทรงรื้อสำนักบูชาต่างๆ ของโสเภณีชายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และของบรรดาหญิงทอผ้าสำหรับเจ้าแม่อาเชราห์

โยสิยาห์ทรงนำบรรดาปุโรหิตจากหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์มายังกรุงเยรูซาเล็ม และทรงรื้อสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายจากเกบาจดเบเออร์เชบา ที่ซึ่งปุโรหิตทั้งหลายได้เผาเครื่องหอม พระองค์ทรงทำลายสถานบูชา23:8 หรือสถานบูชาบนที่สูงตรงทางเข้าประตูที่โยชูวาผู้ว่าการเมืองของเยรูซาเล็มสร้างขึ้น ตั้งอยู่ทางซ้ายมือของประตูเมือง ถึงแม้ปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูงเหล่านี้ไม่ได้ทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้ที่แท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม แต่ก็รับประทานขนมปังไม่ใส่เชื้อร่วมกับปุโรหิตอื่นๆ

โยสิยาห์ทรงทำลายโทเฟทในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อจะไม่มีใครสามารถใช้ที่นั่นเผาบุตรชายบุตรสาวของตนเป็นเครื่องบูชายัญ23:10 หรือใช้ที่นั่นให้บุตรชายบุตรสาวลุยไฟแก่พระโมเลคได้อีก ทรงรื้อรูปปั้นม้าที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถัดจากห้องของขุนนางนาธันเมเลค รูปปั้นเหล่านี้กษัตริย์องค์ก่อนๆ ของยูดาห์ได้สร้างถวายดวงอาทิตย์ จากนั้นโยสิยาห์ได้เผารถม้าศึกที่สร้างถวายดวงอาทิตย์ด้วย

พระองค์ทรงรื้อแท่นบูชาต่างๆ ที่กษัตริย์ยูดาห์สร้างขึ้นบนดาดฟ้าพระราชวัง เหนือห้องประทับของอาหัส ส่วนแท่นบูชาซึ่งมนัสเสห์สร้างขึ้นในลานทั้งสองของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น โยสิยาห์ทรงทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโยนทิ้งในหุบเขาขิดโรน พระองค์ทรงทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ทางใต้ของเนินเขาแห่งความเสื่อมทราม ซึ่งกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอลสร้างขึ้นสำหรับเทวีอัชโทเรทอันชั่วช้าของชาวไซดอน สำหรับพระเคโมชอันเลวทรามของโมอับ และสำหรับพระโมเลค23:13 ภาษาฮีบรูว่ามิลโคมอันน่าชิงชังของชาวอัมโมน โยสิยาห์ทรงทุบหินศักดิ์สิทธิ์และโค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ทิ้ง และถมที่เหล่านั้นด้วยกระดูกคนตาย

พระองค์ยังทรงรื้อแท่นบูชาและสถานบูชาบนที่สูงในเบธเอลซึ่งเยโรโบอัมบุตรเนบัทผู้ชักนำอิสราเอลให้ทำบาปได้สร้างขึ้น โยสิยาห์ทรงทุบทิ้งให้แหลกเป็นธุลี และทรงเผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ด้วย ขณะที่โยสิยาห์ทอดพระเนตรไปรอบๆ พระองค์ทรงสังเกตเห็นสุสานต่างๆ ข้างภูเขา ก็ทรงบัญชาให้นำกระดูกในสุสานเหล่านั้นออกมาเผาบนแท่นบูชาแห่งเบธเอล เพื่อให้แท่นนั้นเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น

โยสิยาห์ตรัสถามว่า “หินสุสานที่เห็นนั้นคืออะไร?”

ชาวเมืองกราบทูลว่า “เป็นหลุมฝังศพของคนของพระเจ้าจากยูดาห์ซึ่งประกาศว่าสิ่งที่ฝ่าพระบาทเพิ่งทำเสร็จลงไปจะเกิดขึ้นบนแท่นแห่งเบธเอลนี้”

โยสิยาห์จึงตรัสว่า “ปล่อยสุสานนั้นไว้ อย่าให้ใครไปรบกวนกระดูกของเขาเลย” พวกเขาจึงไม่ได้เผากระดูกของผู้นั้นและกระดูกของผู้เผยพระวจนะจากสะมาเรีย

เช่นเดียวกับที่เบธเอล โยสิยาห์ทรงทลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทั่วสะมาเรียและทำให้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ คือที่ซึ่งบรรดากษัตริย์อิสราเอลสร้างขึ้นยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า โยสิยาห์ทรงประหารปุโรหิตทั้งปวงของสถานบูชาบนที่สูงบนแท่นบูชาเหล่านั้น และทรงเผากระดูกคนบนแท่นบูชานั้น ด้วยจากนั้นก็เสด็จกลับกรุงเยรูซาเล็ม

โยสิยาห์ตรัสสั่งประชากรทั้งปวงว่า “จงฉลองปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามที่เขียนไว้ในหนังสือพันธสัญญานี้” ไม่เคยมีการฉลองปัสกาอย่างนั้นเลยนับตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัยของอิสราเอลและตลอดยุคของกษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์ แต่พิธีปัสกานี้ฉลองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็มในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์

ยิ่งกว่านั้นโยสิยาห์ยังได้ทรงกำจัดคนทรงหมอดู เทพเจ้าประจำเรือน รูปเคารพ และสิ่งที่น่าชิงชังทั้งปวงที่พบเห็นในยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดของบทบัญญัติซึ่งเขียนไว้ในหนังสือที่ปุโรหิตฮิลคียาห์พบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก่อนหน้าหรือหลังโยสิยาห์ ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือนพระองค์ ซึ่งหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจและสุดกำลังตามบทบัญญัติทั้งสิ้นของโมเสส

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงหันเหพระพิโรธอันใหญ่หลวงที่มีต่อยูดาห์อันเนื่องมาจากการกระทำทั้งสิ้นของมนัสเสห์ซึ่งยั่วยุพระพิโรธของพระองค์ ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะขจัดยูดาห์ออกไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนที่เราได้ขจัดอิสราเอล และเราจะทิ้งเยรูซาเล็มเมืองที่เราเลือกสรรไว้และทิ้งวิหารซึ่งเรากล่าวว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’23:27 1พกษ.8:29

เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของโยสิยาห์และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

ในขณะที่โยสิยาห์ยังทรงครองราชย์อยู่ ฟาโรห์เนโคแห่งอียิปต์เสด็จมายังแม่น้ำยูเฟรติสเพื่อช่วยกษัตริย์อัสซีเรีย โยสิยาห์ยกทัพออกไปรบกับเนโค และถูกประหารที่เมกิดโด ทหารของโยสิยาห์จึงนำพระศพขึ้นรถม้าศึกจากเมกิดโดมายังกรุงเยรูซาเล็ม และฝังไว้ในสุสานของพระองค์เอง ประชาชนได้เลือกเยโฮอาหาสโอรสของโยสิยาห์และเจิมตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์แทนราชบิดา

กษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งยูดาห์

(2พศด.36:2-4)

เมื่อเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 23 พรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน ราชมารดาคือฮามุทาลธิดาของเยเรมีย์แห่งลิบนาห์ เยโฮอาหาสทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงทำ ฟาโรห์เนโคจับพระองค์ล่ามโซ่ไว้ที่ริบลาห์ในฮามัท23:33 ฉบับ LXX. ว่าเนโคที่ริบลาห์ในฮามัทถอดถอนพระองค์ออก(ดู2พศด.36:3) เพื่อไม่ให้ทรงครองราชย์ที่กรุงเยรูซาเล็ม และบังคับยูดาห์ให้ส่งบรรณาการเป็นเงินหนักประมาณ 3.4 ตัน23:33 ภาษาฮีบรูว่า100 ตะลันต์ และทองหนักประมาณ 34 กิโลกรัม23:33 ภาษาฮีบรูว่า1 ตะลันต์ ฟาโรห์เนโคทรงเลือกเอลียาคิมโอรสของโยสิยาห์ให้ครองราชย์ในเยรูซาเล็ม แล้วเปลี่ยนพระนามเป็นเยโฮยาคิม ส่วนเยโฮอาหาสถูกนำตัวไปยังอียิปต์และสิ้นพระชนม์ที่นั่น เยโฮยาคิมทรงเก็บภาษีแผ่นดินจากประชากรเพื่อให้ได้เงินและทองเต็มจำนวนตามที่ฟาโรห์เนโคเรียกร้องมา

กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์

(2พศด.36:5-8)

เมื่อเยโฮยาคิมขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี ราชมารดาคือเศบิดาห์ธิดาเปดายาห์จากรูมาห์ เยโฮยาคิมทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงทำ

Read More of 2พงศ์กษัตริย์ 23

2พงศ์กษัตริย์ 24:1-7

ในรัชกาลของเยโฮยาคิม กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนมารุกรานดินแดน เยโฮยาคิมตกเป็นข้ารับใช้ของพระองค์สามปี แล้วทรงเปลี่ยนใจกบฏต่อเนบูคัดเนสซาร์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งชาวบาบิโลน24:2 หรือเคลเดีย อารัม โมอับ และอัมโมนมาปล้นและทำลายยูดาห์ตามที่พระองค์ได้ทรงเตือนผ่านทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดแก่ยูดาห์ตามพระบัญชาของ องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะกวาดล้างพวกเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์เนื่องจากบาปทั้งหลายของมนัสเสห์และสิ่งทั้งปวงที่ทรงทำ รวมทั้งการทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งไหล เพราะทรงทำให้เยรูซาเล็มนองด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ และองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเต็มพระทัยที่จะอภัยให้

เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเยโฮยาคิมและพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? เยโฮยาคิมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและเยโฮยาคีนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

ฟาโรห์แห่งอียิปต์ไม่ได้ยกทัพกลับมาอีก เพราะกษัตริย์บาบิโลนทรงยึดดินแดนทั้งหมดของพระองค์ตั้งแต่ลำน้ำแห่งอียิปต์จดแม่น้ำยูเฟรติส

Read More of 2พงศ์กษัตริย์ 24