2พงศาวดาร 31:2-21, 2พงศาวดาร 32:1-33, 2พงศาวดาร 33:1-20 TNCV

2พงศาวดาร 31:2-21

ร่วมกันถวายเพื่อการนมัสการ

(2พกษ.18:5-7)

เฮเซคียาห์ทรงแบ่งปุโรหิตและคนเลวีเป็นหมู่เหล่าตามหน้าที่ของแต่ละคน เพื่อถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชา เพื่อปรนนิบัติ ถวายคำขอบพระคุณ และร้องเพลงสรรเสริญที่ประตูต่างๆ ของที่ประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้า เฮเซคียาห์ถวายทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อเครื่องเผาบูชาประจำวันเวลาเช้าและเวลาเย็น เพื่อเครื่องเผาบูชาสำหรับวันสะบาโต วันขึ้นหนึ่งค่ำ และเทศกาลต่างๆ ประจำปีตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงบัญชาให้ประชากรในกรุงเยรูซาเล็มนำส่วนที่ปุโรหิตและคนเลวีควรได้รับมาให้พวกเขา เพื่อปุโรหิตและคนเลวีจะอุทิศตนตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ประชากรตอบสนองต่อพระบัญชาทันทีอย่างใจกว้างขวาง โดยนำผลแรกของเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน น้ำผึ้ง และพืชพันธุ์ทุกชนิดมาถวาย พวกเขาได้นำของถวายมามากมายคือหนึ่งในสิบของทุกอย่างที่มี ชนอิสราเอลและยูดาห์ซึ่งอาศัยในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ยังนำหนึ่งในสิบของฝูงวัวกับฝูงแพะแกะ และหนึ่งในสิบของสิ่งบริสุทธิ์มาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา โดยรวมไว้เป็นกองๆ พวกเขาเริ่มนำเข้ามาในเดือนที่สามจนครบถ้วนในเดือนที่เจ็ด เมื่อเฮเซคียาห์และเหล่าข้าราชบริพารมาเห็นกองของถวายเหล่านี้ก็สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและอวยพรประชากรอิสราเอล

เฮเซคียาห์ตรัสถามปุโรหิตและคนเลวีเกี่ยวกับของถวายเหล่านั้น และหัวหน้าปุโรหิตอาซาริยาห์จากครอบครัวของศาโดกทูลตอบว่า “ตั้งแต่ประชาชนนำของถวายมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกข้าพเจ้ารับประทานจนอิ่มและยังเหลือมากมายขนาดนี้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเหล่าประชากร”

เฮเซคียาห์ทรงบัญชาให้จัดเตรียมคลังไว้ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาก็จัด แล้วนำของถวายต่างๆ รวมทั้งสิบลดเข้ามาเก็บไว้อย่างซื่อสัตย์ โคนานิยาห์คนเลวีเป็นหัวหน้าดูแล รองลงมาคือชิเมอีน้องชายของเขา เยฮีเอล อาซาซิยาห์ นาหาท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาท และเบไนยาห์ เป็นผู้กำกับดูแลภายใต้การบังคับบัญชาของโคนานิยาห์กับชิเมอีน้องชายของเขา คนเหล่านี้ได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์เฮเซคียาห์และอาซาริยาห์เจ้าหน้าที่ดูแลพระวิหารของพระเจ้า

โคเรบุตรอิมนาห์คนเลวีซึ่งเป็นยามเฝ้าประตูตะวันออกดูแลของถวายตามความสมัครใจแด่พระเจ้า มีหน้าที่แจกจ่ายของที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและของถวายอันบริสุทธิ์ เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมอาห์ อามาริยาห์ และเชคานิยาห์ คอยช่วยเหลือเขาอย่างซื่อสัตย์ในเมืองต่างๆ ของปุโรหิต โดยทำหน้าที่แจกจ่ายให้แก่พี่น้องปุโรหิตตามหมู่เหล่าของพวกเขาอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าหนุ่มหรือแก่

นอกจากนี้พวกเขายังแจกจ่ายให้กับผู้ชายอายุสามปีขึ้นไปซึ่งมีชื่ออยู่ในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล คือทุกคนที่จะเข้าไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อปฏิบัติหน้าที่ประจำวันของพวกเขา ตามหน้าที่รับผิดชอบและหมู่เหล่าของพวกเขา และพวกเขาแจกจ่ายแก่ปุโรหิตที่มีชื่อในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลตามครอบครัวของพวกเขา และแก่คนเลวีอายุยี่สิบปีขึ้นไป ตามความรับผิดชอบและหมู่เหล่าของพวกเขาด้วยเช่นกัน รวมทั้งลูกเล็กเด็กแดง ภรรยา และบุตรชายบุตรสาวในชุมชนทั้งหมด ตามรายชื่อบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล เพราะพวกเขาซื่อสัตย์ในการชำระตนให้บริสุทธิ์

สำหรับปุโรหิตซึ่งเป็นวงศ์วานของอาโรนที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าโดยรอบหรือในเมืองอื่นๆ จะมีการระบุชื่อผู้แจกจ่ายส่วนแบ่งให้แก่ชายทุกคนในพวกเขาและแก่คนทั้งปวงที่มีชื่ออยู่ในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของคนเลวี

เฮเซคียาห์ทรงทำเช่นนี้ทั่วยูดาห์เป็นการทำสิ่งที่ดีงาม ถูกต้อง และซื่อสัตย์ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ เฮเซคียาห์ทรงทำทุกสิ่งเพื่องานในพระวิหารของพระเจ้า และปฏิบัติตามบทบัญญัติและพระบัญชาด้วยการแสวงหาพระเจ้าและทำงานอย่างสุดใจ พระองค์จึงทรงเจริญรุ่งเรือง

Read More of 2พงศาวดาร 31

2พงศาวดาร 32:1-33

เซนนาเคอริบคุกคามกรุงเยรูซาเล็ม

(2พกษ.18:17-35; 19:35-37; อสย.36:2-20; 37:36-38)

หลังจากกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ปฏิบัติพระราชกิจทั้งสิ้นอย่างซื่อสัตย์แล้ว กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียมารุกรานยูดาห์ และล้อมเมืองป้อมปราการทั้งหลาย หมายจะพิชิตเป็นเมืองขึ้น เมื่อเฮเซคียาห์เห็นว่าเซนนาเคอริบตั้งใจจะสู้รบกับเยรูซาเล็ม ก็ทรงปรึกษากับข้าราชบริพารและนายทหารเพื่อจะถมธารน้ำพุต่างๆ นอกเมืองและพวกเขาก็ช่วยพระองค์ ระดมกำลังคนมากมายเพื่ออุดตาน้ำและปิดกั้นลำธารที่ไหลผ่านทั่วแดน พวกเขากล่าวว่า “ทำไมจะให้บรรดากษัตริย์32:4 ฉบับ LXX. และ Syr. ว่าทำไมจะให้กษัตริย์อัสซีเรียมาพบน้ำมากมายเล่า?” จากนั้นพระองค์ทรงเร่งซ่อมกำแพง อุดรอยโหว่ทุกแห่ง และสร้างหอคอยบนกำแพง ก่อกำแพงรอบนอก และเสริมกำลังป้อมปราการ32:5 หรือมิลโลในเมืองดาวิด พระองค์ยังได้ทำอาวุธกับโล่จำนวนมากด้วย

พระองค์ทรงแต่งตั้งนายทหารดูแลประชาชน และให้พวกเขามาชุมนุมกันต่อหน้าพระองค์ที่ลานประตูเมือง และตรัสให้กำลังใจพวกเขาว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญ อย่ากลัวหรือท้อแท้เพราะกษัตริย์อัสซีเรียกับกองทัพมหึมาของเขา เพราะมีพลังอำนาจหนึ่งอยู่ฝ่ายเราซึ่งยิ่งใหญ่กว่าฝ่ายเขามากนัก พวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ ส่วนเรามีพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งจะช่วยเราทำสงคราม” สิ่งที่เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ตรัส ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจยิ่งนัก

ต่อมากษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียกับกองกำลังทั้งหมดซึ่งล้อมเมืองลาคีชอยู่ส่งเจ้าหน้าที่มายังกรุงเยรูซาเล็ม ให้นำสาส์นมาถึงกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์และปวงชนยูดาห์ซึ่งอยู่ที่นั่นความว่า

“กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า เจ้าทั้งหลายพึ่งพาอะไร จึงยังอยู่ในเยรูซาเล็มท่ามกลางวงล้อมของเรา? เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า จะให้พวกเจ้าตายเพราะความหิวและกระหาย โดยพูดว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะช่วยเราให้พ้นมือกษัตริย์อัสซีเรีย’ ก็เฮเซคียาห์คนนี้เองไม่ใช่หรือที่รื้อทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายกับแท่นบูชาต่างๆ และบัญชายูดาห์กับเยรูซาเล็มว่า ‘ท่านจะต้องนมัสการและเผาเครื่องบูชาโดยใช้แท่นบูชาในพระวิหารเพียงแห่งเดียวเท่านั้น’?

“เจ้าไม่รู้หรือว่าเรากับบรรพบุรุษทำอะไรแก่ชนชาติทั้งหลายในดินแดนต่างๆ บ้าง? พระทั้งปวงของชนชาติเหล่านั้นสามารถกอบกู้ดินแดนของเขาจากมือเราได้หรือ? เทพเจ้าของชนชาติต่างๆ องค์ไหนบ้างที่บรรพบุรุษของเราทำลายล้างไปซึ่งสามารถช่วยคนของตนให้พ้นจากมือเราได้? ก็แล้วพระเจ้าของพวกเจ้าจะช่วยเจ้าจากมือเราได้อย่างไร? อย่าให้เฮเซคียาห์ล่อหลอกหรือเกลี้ยกล่อมเจ้า อย่าเชื่อเขาเลย เพราะไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนของชนชาติหรืออาณาจักรใดๆ สามารถกอบกู้คนของตนให้พ้นจากมือของเราหรือของบรรพบุรุษของเราได้ พระเจ้าของเจ้ายิ่งไม่อาจช่วยเจ้าให้พ้นมือเรา!”

คนของเซนนาเคอริบยังกล่าวลบหลู่ดูหมิ่นพระเจ้าพระยาห์เวห์และเฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์อีกต่างๆ นานา เซนนาเคอริบยังส่งสาส์นมาดูหมิ่นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “เช่นเดียวกับพระของชนชาติทั้งหลายในดินแดนต่างๆ ที่ไม่อาจช่วยคนของตนจากมือเรา พระเจ้าของเฮเซคียาห์ก็ไม่อาจช่วยคนของเขาจากมือเราเช่นกัน” จากนั้นพวกเขาร้องบอกเป็นภาษาฮีบรูข่มขู่ประชาชนบนกำแพงเมืองเพื่อข่มขวัญให้เสียกำลังใจ จะได้ยึดเมือง พวกเขากล่าวถึงพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็มเหมือนที่ได้กล่าวถึงพระต่างๆ ของชนชาติทั้งหลายในโลกซึ่งสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์

กษัตริย์เฮเซคียาห์และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศร้องทูลอธิษฐานขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งทูตองค์หนึ่งมาทำลายล้างนักรบ ผู้นำ และนายทหารทั้งปวงในค่ายของกษัตริย์อัสซีเรียจนหมดสิ้น เซนนาเคอริบจึงถอยทัพกลับดินแดนของพระองค์ไปด้วยความอัปยศอดสู และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในวิหารของเทพเจ้าของพระองค์ ก็ถูกโอรสบางองค์ปลงพระชนม์ด้วยดาบ

เป็นอันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเฮเซคียาห์และชาวเยรูซาเล็มจากเงื้อมมือกษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียและคนอื่นๆ พระองค์ทรงปกป้องดูแลพวกเขา32:22 ฉบับ LXX. และ Vulg. ว่าทรงให้พวกเขาหยุดพักทุกด้าน คนมากมายนำของถวายมายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและนำของมีค่ามาถวายแด่กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ นับแต่นั้นมาพระองค์ทรงเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชนชาติทั้งปวง

ความเย่อหยิ่ง ความสำเร็จ และการสิ้นพระชนม์ของเฮเซคียาห์

(2พกษ.20:1-21; อสย.37:21-38; 38:1-8)

ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ประชวรหนักใกล้สิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงตอบโดยประทานหมายสำคัญ แต่เฮเซคียาห์มีพระทัยหยิ่งผยองและไม่ได้สำนึกในพระกรุณา องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธเฮเซคียาห์ ยูดาห์ และเยรูซาเล็ม แล้วเฮเซคียาห์และชาวเยรูซาเล็มกลับใจจากความเย่อหยิ่ง ฉะนั้นพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ได้ตกแก่พวกเขาในรัชกาลเฮเซคียาห์

เฮเซคียาห์ทรงมั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติและทรงเกียรติอย่างมาก ทรงสร้างคลังต่างๆ เพื่อเก็บเงินทอง เพชรนิลจินดา เครื่องเทศ โล่ และของมีค่าทั้งปวง ทั้งทรงสร้างคลังเก็บข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน พร้อมทั้งคอกต่างๆ สำหรับปศุสัตว์ แกะและแพะ พระองค์ทรงสร้างหมู่บ้านหลายแห่ง ทรงมีฝูงสัตว์และฝูงแพะแกะมากมาย เนื่องจากพระเจ้าประทานความมั่งคั่งแก่พระองค์เป็นอันมาก

เฮเซคียาห์ทรงกั้นน้ำพุกีโฮนด้านบน และทำทางระบายน้ำมาทางแถบตะวันตกของเมืองดาวิด พระองค์ทรงประสบความสำเร็จในกิจการทุกอย่างที่ทรงทำ แต่เมื่อคณะทูตจากผู้ปกครองบาบิโลนมาทูลถามเกี่ยวกับหมายสำคัญที่เกิดขึ้นในดินแดน พระเจ้าทรงปล่อยเฮเซคียาห์เพื่อจะทดสอบและเพื่อจะทราบธาตุแท้ในใจของเฮเซคียาห์

เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเฮเซคียาห์ และพระราชกิจทั้งปวงที่พระองค์ทรงทุ่มเทเพื่อพระเจ้ามีบันทึกอยู่ในนิมิตของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล เฮเซคียาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้บนเนินเขาซึ่งเป็นอุโมงค์ฝังพระศพของวงศ์วานดาวิด ประชากรทั่วทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็มร่วมถวายพระเกียรติเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ จากนั้นมนัสเสห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

Read More of 2พงศาวดาร 32

2พงศาวดาร 33:1-20

กษัตริย์มนัสเสห์แห่งยูดาห์

(2พกษ.21:1-10,17-18)

เมื่อมนัสเสห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์มีพระชนมายุสิบสองพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 55 ปี มนัสเสห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติทั้งหลายที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล มนัสเสห์ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายซึ่งเฮเซคียาห์ราชบิดาได้ทำลายทิ้งไปแล้วขึ้นมาใหม่ ทั้งทรงสร้างแท่นบูชาพระบาอัลและเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ทรงกราบไหว้นมัสการดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระต่างๆ ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “นามของเราจะดำรงอยู่ในเยรูซาเล็มตลอดไป” พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้าที่ลานทั้งสองของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงนำโอรสของพระองค์เองมาเผาบูชายัญ 33:6 หรือพระองค์ทรงให้โอรสของพระองค์เองลุยไฟในหุบเขาเบนฮินโนม พระองค์ทรงเล่นคาถาอาคม ทำนายโชคชะตาราศี ใช้เวทมนตร์ และทรงปรึกษาคนทรงกับหมอผี ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์

มนัสเสห์ตั้งรูปเคารพแกะสลักที่ทรงทำขึ้นไว้ในพระวิหารของพระเจ้า ที่ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้กับดาวิดและโซโลมอนราชโอรสว่า “เราจะสถาปนานามของเราไว้เป็นนิตย์ในวิหารแห่งนี้และในเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกสรรจากทุกเผ่าของอิสราเอล และขอเพียงแต่ชนอิสราเอลใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เราสั่งไว้ผ่านทางโมเสส เกี่ยวกับบทบัญญัติ กฎหมาย และข้อปฏิบัติต่างๆ เราก็จะไม่ทำให้พวกเขาต้องระเห็จจากดินแดนที่เรายกให้บรรพบุรุษของพวกเขาอีกเลย” แต่มนัสเสห์กลับชักนำชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มให้หลงผิดไป ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายไปให้พ้นหน้าชนอิสราเอลเสียอีก

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเตือนมนัสเสห์กับประชากร แต่พวกเขาไม่สนใจ ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงส่งแม่ทัพของกษัตริย์อัสซีเรียมาสู้รบ และจับมนัสเสห์ไปเป็นเชลย เอาเบ็ดเกี่ยวจมูกของพระองค์ พันธนาการด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ และคุมตัวไปยังบาบิโลน ในความทุกข์ลำบาก มนัสเสห์ทรงถ่อมพระทัยลงอย่างยิ่งและทรงร้องขอความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ เมื่อมนัสเสห์อธิษฐาน พระองค์ก็ทรงสดับฟังและทรงตอบคำทูลวิงวอนพระองค์ให้มนัสเสห์ได้กลับคืนสู่กรุงเยรูซาเล็มและราชอาณาจักรอีกครั้งหนึ่ง มนัสเสห์จึงทรงสำนึกว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า

ต่อมามนัสเสห์ทรงสร้างกำแพงชั้นนอกของเมืองดาวิดขึ้นใหม่ จากด้านตะวันตกของธารน้ำพุกีโฮนในหุบเขาจนถึงประตูปลา และโอบล้อมเนินเขาโอเฟล และยังทรงสร้างกำแพงนั้นให้สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ทรงให้ผู้บัญชาการทหารเข้าประจำการในเมืองป้อมปราการทั้งหมดของยูดาห์

พระองค์ทรงกำจัดบรรดาพระต่างชาติออกไป และนำรูปเคารพออกจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงรื้อแท่นบูชาทั้งหมดที่ทรงสร้างขึ้นบนภูเขาที่พระวิหารตั้งอยู่และในกรุงเยรูซาเล็ม และนำสิ่งเหล่านี้ไปทิ้งนอกเมือง จากนั้นทรงซ่อมแซมแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วทรงถวายเครื่องสันติบูชาและเครื่องบูชาขอบพระคุณบนแท่นนั้น และทรงบัญชาให้ยูดาห์ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล แต่ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เพียงแต่ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลมนัสเสห์ รวมทั้งคำอธิษฐานต่อพระเจ้าและคำทูลของบรรดาผู้ทำนายในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลล้วนบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล33:18 คือ ยูดาห์ พบบ่อยๆ ใน 2พงศาวดาร คำอธิษฐานของมนัสเสห์ การที่พระเจ้าทรงตอบ ตลอดจนบาปและความไม่ซื่อสัตย์ทั้งปวงของมนัสเสห์ รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เสาเจ้าแม่อาเชราห์และรูปเคารพต่างๆ ไว้ก่อนที่จะทรงถ่อมพระองค์ลง ล้วนกล่าวไว้ในบันทึกของผู้เผยพระวจนะ33:19 สำเนาต้นฉบับภาษาฮีบรูส่วนใหญ่ว่าของโฮศาย มนัสเสห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในพระราชวังของพระองค์ แล้วอาโมนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

Read More of 2พงศาวดาร 33