2พงศาวดาร 29:1-36, 2พงศาวดาร 30:1-27, 2พงศาวดาร 31:1 TNCV

2พงศาวดาร 29:1-36

เฮเซคียาห์ทรงชำระพระวิหาร

(2พกษ.18:2-3)

เมื่อเฮเซคียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี ราชมารดาคืออาบียาห์ธิดาของเศคาริยาห์ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่ดาวิดบรรพบุรุษได้ทำ

ในเดือนแรกของปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลเฮเซคียาห์ พระองค์ทรงเปิดประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และซ่อมแซมเสียใหม่ พระองค์ทรงเรียกปุโรหิตกับคนเลวีมาประชุมที่ลานกลางแจ้งด้านตะวันออก และตรัสว่า “ฟังเถิดชาวเลวีทั้งหลาย บัดนี้จงชำระตนให้บริสุทธิ์ และชำระพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่าน จงขจัดมลทินทั้งปวงจากสถานนมัสการ บรรพบุรุษของเราไม่ซื่อสัตย์ ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราและละทิ้งพระองค์ พวกเขาหันหน้าหนีจากที่ประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้าและหันหลังให้พระองค์ พวกเขาปิดประตูมุขพระวิหาร ดับประทีป ไม่เผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องเผาบูชาใดๆ ในสถานนมัสการแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอล ฉะนั้นพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตกแก่ยูดาห์และเยรูซาเล็ม พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาเป็นที่น่าขยะแขยง น่าสยดสยอง และน่าเหยียดหยาม ดังที่ท่านเห็นกับตา บรรพบุรุษของเราถูกฆ่าตายในสงคราม ลูกชายลูกสาวและภรรยาของเราถูกจับไปเป็นเชลยก็เพราะเหตุนี้ บัดนี้ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำพันธสัญญากับพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์จะหันเหไปจากเราทั้งหลาย ลูกๆ เอ๋ย อย่าละเลยหน้าที่ของท่าน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกท่านให้ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์และรับใช้พระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ต่อหน้าพระองค์และเผาเครื่องหอมถวาย”

ชนเลวีจึงเข้าปฏิบัติงาน

จากตระกูลโคฮาท ได้แก่

มาฮาทบุตรอามาสัยกับโยเอลบุตรอาซาริยาห์

จากตระกูลเมรารี ได้แก่

คีชบุตรอับดีกับอาซาริยาห์บุตรเยฮาลเลเลล

จากตระกูลเกอร์โชน ได้แก่

โยอาห์บุตรศิมมาห์กับเอเดนบุตรโยอาห์

จากวงศ์วานเอลีซาฟาน ได้แก่

ชิมรีกับเยอีเอล

จากวงศ์วานอาสาฟ ได้แก่

เศคาริยาห์กับมัททานิยาห์

จากวงศ์วานเฮมาน ได้แก่

เยฮีเอลกับชิเมอี

จากวงศ์วานเยดูธูน ได้แก่

เชไมอาห์กับอุสซีเอล

เมื่อคนเหล่านี้ได้เรียกพวกพี่น้องของตนมาชุมนุมและชำระตัวแล้ว พวกเขาก็เริ่มชำระพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริสุทธิ์ตามพระบัญชาของกษัตริย์ ซึ่งปฏิบัติตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาปุโรหิตเข้าไปชำระสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขานำเอาสิ่งที่เป็นมลทินทั้งปวงที่พบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าออกมาที่ลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ให้คนเลวีขนไปทิ้งที่หุบเขาขิดโรน พวกเขาเริ่มชำระพระวิหารเมื่อวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง และในวันที่แปดของเดือนนั้นก็ชำระออกมาถึงหน้ามุขขององค์พระผู้เป็นเจ้า ใช้เวลาอีกแปดวันในการชำระพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า งานทั้งหมดจึงเสร็จสิ้นในวันที่สิบหกของเดือนที่หนึ่ง

แล้วพวกเขากลับมาทูลรายงานกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า “ข้าพระบาททั้งหลายได้ชำระพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมด ตลอดจนแท่นเผาบูชาและอุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ โต๊ะวางขนมปังเบื้องพระพักตร์ และเครื่องใช้ไม้สอยทุกชิ้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งได้เตรียมและชำระเครื่องใช้ไม้สอยทุกชิ้นที่กษัตริย์อาหัสย้ายออกไป เพราะพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าในขณะที่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ บัดนี้ของเหล่านั้นอยู่หน้าแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว”

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นกษัตริย์เฮเซคียาห์เสด็จเข้าสู่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมด้วยบรรดาเจ้าหน้าที่ของเมืองนั้น ทรงนำวัวผู้เจ็ดตัว แกะผู้เจ็ดตัว ลูกแกะตัวผู้เจ็ดตัว และแพะผู้เจ็ดตัว มาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับราชอาณาจักร สำหรับสถานนมัสการ และสำหรับยูดาห์ กษัตริย์ทรงบัญชาให้บรรดาปุโรหิตวงศ์วานของอาโรนถวายสัตว์เหล่านั้นบนแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจึงฆ่าวัวผู้ แล้วปุโรหิตนำเลือดไปประพรมบนแท่นบูชา และจากนั้นฆ่าแกะผู้แล้วประพรมเลือดบนแท่นบูชา จากนั้นฆ่าลูกแกะแล้วประพรมเลือดบนแท่นบูชา แพะผู้สำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปถูกนำออกมาต่อหน้ากษัตริย์และชุมนุมประชากร แล้วพวกเขาวางมือลงบนแพะเหล่านั้น จากนั้นปุโรหิตก็ฆ่าแพะ เอาเลือดประพรมบนแท่นเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป เพื่อลบบาปให้กับอิสราเอลทั้งปวง เพราะกษัตริย์ทรงบัญชาให้ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอลทั้งหมด

เฮเซคียาห์ทรงตั้งคนเลวีประจำหน้าที่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ให้บรรเลงฉาบ พิณใหญ่ และพิณเขาคู่ตามที่ดาวิดและกาดผู้ทำนายของกษัตริย์และผู้เผยพระวจนะนาธันได้กำหนดไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาเช่นนี้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะของพระองค์ คนเลวีจึงเข้าประจำที่เตรียมบรรเลงเครื่องดนตรีที่ดาวิดทำขึ้น ส่วนปุโรหิตก็เข้าประจำที่เตรียมเป่าแตร

เฮเซคียาห์ทรงบัญชาให้ถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่น และเมื่อเริ่มการถวาย ก็เริ่มร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าคลอด้วยเสียงแตรและเครื่องดนตรีของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล ขณะที่นักร้องขับร้องและนักดนตรีเป่าแตร ชุมนุมประชากรทั้งสิ้นก็น้อมกราบนมัสการ เป็นเช่นนี้จนกระทั่งถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ

เมื่อถวายเครื่องบูชาเสร็จแล้ว กษัตริย์และคนที่อยู่กับพระองค์ก็คุกเข่าลงกราบนมัสการ แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์และขุนนางสั่งให้คนเลวีสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยบทสดุดีของดาวิดและของผู้ทำนายอาสาฟ ดังนั้นพวกเขาจึงร้องเพลงสรรเสริญด้วยความยินดีและก้มกราบนมัสการ

แล้วเฮเซคียาห์ตรัสว่า “บัดนี้ท่านทั้งหลายได้ถวายตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงนำของถวายและเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” ดังนั้นประชากรจึงนำของถวายและเครื่องบูชาขอบพระคุณมาถวาย และทุกคนที่เต็มใจก็นำเครื่องเผาบูชามาถวายด้วย

เครื่องเผาบูชาซึ่งประชากรนำมาถวายมีดังนี้คือ วัวผู้เจ็ดสิบตัว แกะผู้หนึ่งร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สองร้อยตัว ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า จำนวนสัตว์ที่ชำระถวายเป็นเครื่องบูชาได้แก่ วัวผู้หกร้อยตัว แกะและแพะสามพันตัว แต่มีปุโรหิตน้อยเกินไปสำหรับการถลกหนังสัตว์ที่เป็นเครื่องเผาบูชาทั้งหมด ฉะนั้นคนเลวีซึ่งเป็นพี่น้องของปุโรหิตจึงช่วยเหลือจนเสร็จ และจนปุโรหิตอื่นๆ ชำระตนแล้ว ทั้งนี้เพราะคนเลวีเคร่งครัดในการชำระตนมากกว่าปุโรหิต มีเครื่องเผาบูชามากมาย พร้อมทั้งไขมันของเครื่องสันติบูชา และเครื่องดื่มบูชาควบคู่เครื่องเผาบูชา

ดังนั้นการนมัสการในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง เฮเซคียาห์และมวลประชากรชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อประชากรของพระองค์ เพราะทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว

Read More of 2พงศาวดาร 29

2พงศาวดาร 30:1-27

เฮเซคียาห์ฉลองปัสกา

เฮเซคียาห์ทรงแจ้งไปทั่วแดนอิสราเอลกับยูดาห์ และส่งสาส์นไปยังเอฟราอิมกับมนัสเสห์ เชื้อเชิญทุกคนให้มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อฉลองเทศกาลปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล กษัตริย์เฮเซคียาห์ ข้าราชบริพาร และประชากรทั้งปวงในเยรูซาเล็มกำหนดให้ฉลองปัสกาในเดือนที่สอง พวกเขาไม่สามารถเฉลิมฉลองตามกำหนดเดิมได้ เพราะปุโรหิตที่ชำระตนแล้วมีไม่เพียงพอและประชาชนยังไม่ได้มาชุมนุมกันที่กรุงเยรูซาเล็ม กษัตริย์และเหล่าประชากรต่างเห็นชอบกับมตินี้ จึงมีการประกาศไปทั่วอิสราเอลจากเมืองเบเออร์เชบาจดเมืองดาน เชิญชวนทุกคนมาร่วมกันฉลองปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลที่กรุงเยรูซาเล็ม เท่าที่มีบันทึกมายังไม่เคยมีคนมาร่วมฉลองกันมากมายเช่นนั้นเลย

ผู้ส่งข่าวนำพระราชสาส์นและสาส์นจากเหล่าข้าราชบริพารไปทั่วอิสราเอลและยูดาห์ตามพระบัญชาของกษัตริย์ ความว่า

“ประชากรอิสราเอลเอ๋ย จงหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลเถิด เพื่อพระองค์จะทรงหันกลับมาหาท่านทั้งหลายที่เหลืออยู่ซึ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือของเหล่ากษัตริย์อัสซีเรีย อย่าเป็นอย่างบรรพบุรุษและพี่น้องของท่านซึ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ จนพระองค์ทำให้พวกเขาเป็นที่น่าสยดสยองดังที่เห็นอยู่ อย่าดื้อด้านเหมือนบรรพบุรุษของท่าน จงยอมจำนนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า จงมายังสถานนมัสการซึ่งทรงชำระให้บริสุทธิ์เป็นนิตย์ จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพื่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์จะหันเหไปจากท่าน หากท่านหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พี่น้องและลูกหลานของท่านจะได้รับความเมตตาเอ็นดูจากผู้ที่จับเขาไปเป็นเชลย และจะกลับมายังดินแดนแห่งนี้อีก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและพระเมตตา พระองค์จะไม่ทรงเบือนพระพักตร์ไปจากท่าน หากท่านหันกลับมาหาพระองค์”

ผู้ส่งข่าวเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งทั่วแดนเอฟราอิมกับมนัสเสห์และไปไกลถึงเศบูลุน แต่ถูกประชาชนเยาะเย้ยเหยียดหยาม แต่มีบางคนจากเผ่าอาเชอร์ มนัสเสห์ และเศบูลุน ถ่อมใจลงและมายังกรุงเยรูซาเล็ม ในขณะเดียวกันพระหัตถ์ของพระเจ้าก็อยู่เหนือประชาชนในยูดาห์ ทำให้พวกเขาพร้อมใจกันทำตามคำสั่งของกษัตริย์และข้าราชบริพารซึ่งเป็นไปตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ประชากรมากมายหลั่งไหลมาชุมนุมกันที่กรุงเยรูซาเล็มในเดือนที่สอง เพื่อฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ พวกเขารื้อแท่นบูชาทั้งหลายในกรุงเยรูซาเล็มกับแท่นเผาเครื่องหอมต่างๆ และนำไปทิ้งในหุบเขาขิดโรน

ในวันที่สิบสี่เดือนที่สอง ประชากรได้ฆ่าแกะปัสกา จากนั้นบรรดาปุโรหิตและคนเลวีรู้สึกละอายใจและชำระตน แล้วพวกเขานำเครื่องเผาบูชามายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาเข้าประจำหน้าที่ตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติของโมเสสซึ่งเป็นคนของพระเจ้า และบรรดาปุโรหิตได้ประพรมเลือดซึ่งรับมาจากคนเลวี เนื่องจากมีประชาชนหลายคนที่ไม่ได้ชำระตน คนเลวีจึงต้องฆ่าลูกแกะปัสกาให้ทุกคนที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี และไม่สามารถชำระลูกแกะของตนถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ในหมู่ประชากรที่มาจากเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุน ไม่ได้ชำระตน ก็รับประทานปัสกาทั้งๆ ที่ขัดต่อบทบัญญัติ แต่เฮเซคียาห์อธิษฐานเผื่อพวกเขาว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประเสริฐทรงอภัยโทษแก่ทุกคน ที่ตั้งใจจะแสวงหาพระเจ้า พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ แม้ว่าตามกฎของสถานนมัสการเขายังเป็นมลทินอยู่” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังเฮเซคียาห์ และทรงรักษาเหล่าประชากร

ชนอิสราเอลที่อยู่กันพร้อมหน้าในกรุงเยรูซาเล็มจึงฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดเจ็ดวันด้วยความชื่นชมยินดีอย่างใหญ่หลวง ฝ่ายคนเลวีและบรรดาปุโรหิตก็ร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกวัน คลอกับเสียงเครื่องดนตรีที่ใช้สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

เฮเซคียาห์ตรัสให้กำลังใจคนเลวีทั้งปวงที่ได้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างดี พวกเขารับประทานอาหารส่วนของตน ถวายเครื่องสันติบูชา และสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษตลอดเจ็ดวัน

แล้วประชากรทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันว่าจะฉลองเทศกาลต่อไปอีกเจ็ดวัน จึงมีการฉลองต่อไปอีกเจ็ดวันด้วยความชื่นชมยินดี กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ประทานวัวผู้หนึ่งพันตัวกับแกะและแพะเจ็ดพันตัวแก่ชุมนุมประชากร เหล่าข้าราชบริพารมอบวัวผู้หนึ่งพันตัวกับแกะและแพะหนึ่งหมื่นตัว ปุโรหิตจำนวนมากชำระตนให้บริสุทธิ์ ประชากรยูดาห์ทั้งปวงร่วมกับบรรดาปุโรหิต คนเลวี และคนทั้งหลายจากอิสราเอล รวมทั้งคนต่างด้าวที่มาจากอิสราเอลและที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ต่างพากันชื่นชมยินดี มีความเปรมปรีดิ์ใหญ่หลวงในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะไม่เคยมีพิธีฉลองอย่างนี้เลยตั้งแต่สมัยกษัตริย์โซโลมอนโอรสกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล ปุโรหิตและคนเลวียืนอวยพรเหล่าประชากร พระเจ้าทรงสดับฟังพวกเขาเพราะคำอธิษฐานของเขาเหล่านั้นขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์

Read More of 2พงศาวดาร 30

2พงศาวดาร 31:1

เมื่อจบพิธีฉลองแล้ว ชนอิสราเอลซึ่งอยู่ที่นั่นก็ออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ทุบทำลายหินศักดิ์สิทธิ์ โค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย และทำลายแท่นบูชาต่างๆ ทั่วยูดาห์ เบนยามิน และในเอฟราอิมกับมนัสเสห์ หลังจากทำลายหมดสิ้นแล้วชาวอิสราเอลทั้งปวงก็กลับสู่บ้านเมืองและที่ดินของตน

Read More of 2พงศาวดาร 31