1ซามูเอล 21:1-15, 1ซามูเอล 22:1-23, 1ซามูเอล 23:1-29 TNCV

1ซามูเอล 21:1-15

ดาวิดที่เมืองโนบ

ดาวิดเดินทางไปพบปุโรหิตอาหิเมเลคที่เมืองโนบ อาหิเมเลคตัวสั่นเมื่อพบดาวิด เขาถามว่า “ทำไมท่านมาคนเดียว? ทำไมไม่มีใครมาด้วย?”

ดาวิดตอบปุโรหิตอาหิเมเลคว่า “กษัตริย์รับสั่งให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติงานอย่างหนึ่ง ทรงกำชับข้าพเจ้าว่า ‘อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้’ ข้าพเจ้านัดกับพรรคพวกไว้แล้วว่าจะไปพบกันที่ไหน ว่าแต่ตอนนี้มีอะไรให้ข้าพเจ้ากินบ้างไหม? ขอขนมปังสักห้าก้อนหรืออะไรก็ได้ที่ท่านมี”

ปุโรหิตตอบดาวิดว่า “เราไม่มีขนมปังธรรมดา มีแต่ขนมปังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเราคิดว่าพวกท่านจะกินได้ก็ต่อเมื่อคนของท่านไม่ได้หลับนอนกับหญิงใดตลอดช่วงนี้”

ดาวิดตอบว่า “แน่นอน โดยปกติเมื่อ21:5 หรือโดยปกติสองสามวันก่อน ออกปฏิบัติภารกิจก็จะกันพวกผู้หญิงให้ห่างอยู่แล้ว แม้ปฏิบัติหน้าที่ตามธรรมดาก็ยังรักษาตัวให้บริสุทธิ์ วันนี้ก็ยิ่งกว่านั้นอีก!” เนื่องจากไม่มีอาหารอื่นใดเลย ปุโรหิตจึงให้ขนมปังศักดิ์สิทธิ์แก่ดาวิดคือ ขนมปังเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งในวันนั้นเพิ่งจะนำขนมปังใหม่สดมาเปลี่ยน

ขณะนั้นโดเอกชาวเอโดมหัวหน้าคนเลี้ยงสัตว์ของซาอูลอยู่ที่นั่นด้วย เพราะเขามีเหตุต้องอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

ดาวิดถามอาหิเมเลคว่า “มีหอกหรือดาบบ้างไหม? เนื่องจากพระราชกิจครั้งนี้เร่งด่วนมาก ข้าพเจ้ารีบร้อนจนไม่ได้เอาอาวุธติดมือมาเลย”

ปุโรหิตตอบว่า “มีดาบของโกลิอัทชาวฟีลิสเตียซึ่งท่านฆ่าที่หุบเขาเอลาห์ห่ออยู่ในผ้าข้างหลังเอโฟด ถ้าท่านต้องการก็เอาไปได้เลย เพราะมีดาบเล่มนั้นอยู่เล่มเดียว”

ดาวิดตอบว่า “ไม่มีดาบเล่มไหนเหมือนเล่มนั้นอีกแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าเถิด”

ดาวิดที่เมืองกัท

ในวันนั้นดาวิดหนีจากซาอูลไปเฝ้ากษัตริย์อาคีชแห่งกัท แต่ข้าราชบริพารของอาคีชทูลว่า “นี่คือกษัตริย์ดาวิดของดินแดนนั้นไม่ใช่หรือ? คนนี้ไม่ใช่หรือที่ประชาชนร้องรำทำเพลงยกย่องว่า

“‘ซาอูลฆ่าศัตรูนับพัน

และดาวิดฆ่าศัตรูนับหมื่น’”

ดาวิดจำถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในใจ และหวาดกลัวกษัตริย์อาคีชแห่งกัทยิ่งนัก จึงแกล้งทำเป็นเสียสติต่อหน้าพวกเขา เอามือขีดข่วนประตู ปล่อยน้ำลายไหลยืดลงมาเลอะหนวดเครา

อาคีชตรัสกับข้าราชบริพารว่า “ดูชายผู้นี้สิ! เขาเสียสติ! เหตุใดจึงนำเขามาพบเรา? ที่นี่ก็มีคนบ้ามากพอแล้ว ทำไมต้องเอาคนนี้เข้ามาในวังของเราด้วย?”

Read More of 1ซามูเอล 21

1ซามูเอล 22:1-23

ดาวิดที่อดุลลัมและมิสปาห์

ดาวิดจึงออกจากเมืองกัทแล้วหนีไปยังถ้ำอดุลลัม เมื่อพวกพี่ชายและคนในครัวเรือนของบิดาได้ข่าวก็มาพบเขาที่นั่น ทุกคนที่มีปัญหาทุกข์ร้อนต่างๆ มีหนี้สิน หรือมีเรื่องไม่พอใจก็มาเข้าเป็นพวกกับดาวิด และเขากลายเป็นหัวหน้าของคนเหล่านี้ มีคนมาอยู่กับดาวิดประมาณสี่ร้อยคน

จากที่นั่นดาวิดไปยังมิสปาห์ในโมอับและทูลกษัตริย์แห่งโมอับว่า “ขอให้บิดามารดาของข้าพระบาทมาพึ่งพระบารมี จนกว่าจะทราบว่าพระเจ้าจะทรงกระทำประการใดเพื่อข้าพระบาทต่อไป” ดังนั้นดาวิดจึงให้บิดามารดามาอาศัยอยู่กับกษัตริย์โมอับตลอดเวลาที่เขาอยู่ในที่มั่น

แต่ผู้เผยพระวจนะกาดมาบอกดาวิดว่า “อย่าพักอาศัยในที่มั่นนี้ จงกลับไปยังดินแดนยูดาห์” ดาวิดจึงไปยังป่าเฮเรท

ซาอูลประหารเหล่าปุโรหิตของเมืองโนบ

ฝ่ายซาอูลทรงได้ข่าวว่ามีผู้พบดาวิดกับพรรคพวก ซาอูลประทับอยู่ใต้ต้นสนหมอกบนเนินเขาที่กิเบอาห์ ทรงถือหอกอยู่ รายรอบด้วยเหล่าทหาร ซาอูลตรัสกับพวกเขาว่า “ฟังนะ ชนเบนยามินทั้งหลาย! ลูกเจสซีหรือจะให้ที่ดินและสวนองุ่นแก่เจ้า? เขาจะให้เจ้าเป็นแม่ทัพนายกองหรือ? นี่หรือเป็นเหตุให้พวกเจ้าสมคบกันเป็นศัตรูกับเรา? ไม่มีใครมาบอกเราเมื่อลูกชายของเราไปทำพันธสัญญากับลูกเจสซี ไม่มีใครในพวกเจ้าที่ห่วงใยเรา และบอกเราว่าลูกชายเราเองยุยงคนรับใช้ของเราให้มาดักเล่นงานเราอย่างทุกวันนี้”

แต่โดเอกชาวเอโดมซึ่งยืนอยู่กับข้าราชบริพารของซาอูลทูลว่า “ข้าพระบาทเห็นบุตรเจสซีมาพบอาหิเมเลคบุตรอาหิทูบที่เมืองโนบ อาหิเมเลคทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้กับเขา พร้อมทั้งให้เสบียงและดาบของโกลิอัทชาวฟีลิสเตียด้วย”

ซาอูลจึงตรัสสั่งให้ตามตัวปุโรหิตอาหิเมเลคบุตรอาหิทูบและทั้งครอบครัวของบิดาของเขาซึ่งเป็นปุโรหิตที่เมืองโนบมาเข้าเฝ้า ซาอูลตรัสกับอาหิเมเลคว่า “ฟังเรานะบุตรอาหิทูบ”

อาหิเมเลคทูลว่า “พระเจ้าข้า”

ซาอูลตรัสว่า “ทำไมเจ้ากับบุตรเจสซีจึงสมคบกันต่อต้านเรา? ทำไมเจ้าถึงให้อาหารให้ดาบและทูลถามพระเจ้าให้เขา เขาจึงได้กบฏและมาซุ่มดักโจมตีเราอย่างทุกวันนี้?”

อาหิเมเลคทูลตอบกษัตริย์ว่า “มีใครบ้างหรือในบรรดาข้าราชบริพารที่ซื่อสัตย์ต่อฝ่าพระบาทเหมือนดาวิดราชบุตรเขย ผู้บังคับกองทหารรักษาพระองค์และเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในราชวงศ์? นี่เป็นครั้งแรกหรือที่ข้าพระบาททูลถามพระเจ้าให้กับเขา? ไม่ใช่เช่นนั้นแน่! ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงกล่าวโทษข้าพระบาทกับครอบครัวของบิดาเช่นนี้เลย เพราะข้าพระบาทไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้”

แต่กษัตริย์ตรัสว่า “อาหิเมเลค เจ้าและทั้งครอบครัวของบิดาเจ้าจะต้องตาย”

แล้วกษัตริย์ทรงบัญชาองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ พระองค์ว่า “จงฆ่าปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพวกเขาเข้าข้างดาวิด พวกเขารู้ว่าดาวิดหนีเราไป แต่ไม่ยอมบอกเรา”

แต่เหล่าข้าราชบริพารไม่กล้าทำอันตรายปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า

กษัตริย์จึงตรัสสั่งโดเอกว่า “เจ้าจงลงมือจัดการพวกปุโรหิต” โดเอกก็หันไปฆ่าปุโรหิต ในวันนั้นเขาฆ่าไป 85 คนที่สวมเอโฟดลินิน จากนั้นโดเอกก็ไปฆ่าคนทั่วเมืองโนบซึ่งเป็นเมืองของปุโรหิต ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ทารก รวมทั้งวัว ลา และแกะ

แต่อาบียาธาร์บุตรคนหนึ่งของอาหิเมเลคบุตรอาหิทูบรอดไปได้ เขาหนีไปร่วมกับดาวิด อาบียาธาร์เล่าให้ดาวิดฟังว่า ซาอูลฆ่าปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดาวิดจึงกล่าวกับอาบียาธาร์ว่า “ในวันนั้นเมื่อเราเห็นโดเอกคนเอโดมที่นั่น เราก็รู้ว่าเขาจะไปฟ้องซาอูลแน่ เราต้องรับผิดชอบที่ทำให้ครอบครัวของท่านต้องตายกันหมด อยู่ที่นี่กับเราเถิด อย่ากลัวเลย ผู้ที่ต้องการชีวิตของท่านก็ต้องการชีวิตของเราด้วย ท่านจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเรา”

Read More of 1ซามูเอล 22

1ซามูเอล 23:1-29

ดาวิดช่วยเมืองเคอีลาห์

เมื่อมีคนมาบอกดาวิดว่า “ดูเถิด พวกฟีลิสเตียมาต่อสู้กับชาวเคอีลาห์และกำลังปล้นลานนวดข้าว” เขาจึงทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรเข้าโจมตีพวกฟีลิสเตียหรือไม่?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ไปเถิด ไปโจมตีชาวฟีลิสเตีย ป้องกันเมืองเคอีลาห์ไว้!”

แต่คนของดาวิดพูดว่า “แม้แต่ในยูดาห์เรายังกลัว ถ้าเราไปเมืองเคอีลาห์เพื่อต่อสู้กับกองกำลังของฟีลิสเตียจะยิ่งน่ากลัวกว่านั้นสักเท่าใด!”

ดาวิดจึงทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้ง และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “จงไปที่เมืองเคอีลาห์เถิด เพราะเราจะมอบชาวฟีลิสเตียไว้ในมือของเจ้า” ดาวิดและพวกจึงไปที่เมืองเคอีลาห์และสู้รบทำลายชาวฟีลิสเตียเสียหายยับเยิน ยึดเอาฝูงสัตว์ของเขามา และช่วยชีวิตชาวเมืองเคอีลาห์ไว้ได้ (เมื่อปุโรหิตอาบียาธาร์บุตรอาหิเมเลคหนีไปหาดาวิดที่เมืองเคอีลาห์ เขาได้นำเอโฟดติดตัวไปด้วย)

ซาอูลตามล่าดาวิด

เมื่อซาอูลทรงทราบข่าวว่าดาวิดอยู่ที่เมืองเคอีลาห์ก็ตรัสว่า “พระเจ้ามอบดาวิดไว้ในมือของเราแล้ว เขาเองที่เข้ามาติดกับอยู่ในเมืองที่มีกำแพงและประตูแน่นหนาอย่างนี้” ฉะนั้นซาอูลทรงระดมพลไปที่เมืองเคอีลาห์เพื่อจับตัวดาวิดกับพรรคพวก

แต่ดาวิดล่วงรู้แผนการของซาอูล เขาจึงกล่าวกับปุโรหิตอาบียาธาร์ว่า “โปรดนำเอโฟดออกมา” ดาวิดกราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ยินมาอย่างแน่นอนแล้วว่าซาอูลทรงดำริจะมาทำลายล้างเมืองเคอีลาห์เพราะข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ชาวเมืองเคอีลาห์จะจับกุมข้าพระองค์ไปมอบให้กษัตริย์หรือไม่? ซาอูลจะเสด็จมาจริงๆ อย่างที่ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ยินข่าวหรือไม่? ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลโปรดแจ้งแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เขาจะมา”

ดาวิดทูลถามอีกว่า “แล้วชาวเคอีลาห์จะยอมมอบตัวข้าพระองค์และคนของข้าพระองค์แก่ซาอูลหรือไม่?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เขาจะทำเช่นนั้น”

ฉะนั้นดาวิดและพรรคพวกประมาณหกร้อยคนจึงออกจากเมืองเคอีลาห์และระเหเร่ร่อนไปยังที่ต่างๆ เมื่อซาอูลได้ข่าวว่าดาวิดหนีไปแล้ว พระองค์จึงไม่ได้เสด็จมาที่เมืองเคอีลาห์

ดาวิดไปอาศัยอยู่ในที่มั่นตามถิ่นกันดารและในแดนเทือกเขาแห่งถิ่นกันดารศิฟ ซาอูลตามล่าดาวิดวันแล้ววันเล่า แต่พระเจ้าไม่ทรงมอบดาวิดไว้ในมือของซาอูล

ขณะอยู่ที่โฮเรชในถิ่นกันดารศิฟ ดาวิดได้ข่าวว่าซาอูลออกตามล่าตัวเขาเพื่อจะฆ่าเสีย โยนาธานราชโอรสของซาอูลออกมาพบดาวิดที่โฮเรช และช่วยให้เขาเข้มแข็งขึ้นในพระเจ้า โยนาธานกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย ซาอูลเสด็จพ่อของเราไม่มีวันทำอันตรายท่านได้ ท่านจะได้เป็นกษัตริย์อิสราเอล และเราจะเป็นอุปราช แม้แต่เสด็จพ่อของเราก็ทราบเรื่องนี้” คนทั้งสองก็ทำพันธสัญญากันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วโยนาธานก็กลับเข้าวัง ส่วนดาวิดยังคงอยู่ที่โฮเรชต่อไป

แต่ชาวเมืองศิฟนำความมาทูลซาอูลที่เมืองกิเบอาห์ว่า “ดาวิดหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกเราในที่มั่นที่โฮเรช บนเนินเขาฮาคีลาห์ ทางใต้ของเยชิโมนไม่ใช่หรือ? ข้าแต่กษัตริย์ บัดนี้ขอเชิญเสด็จมาเมื่อฝ่าพระบาทพอพระทัย และเหล่าข้าพระบาทจะรับผิดชอบในการมอบตัวเขาให้แก่ฝ่าพระบาท”

ซาอูลตรัสตอบว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอวยพรพวกเจ้าที่ห่วงใยเรา จงดำเนินการต่อไป ไปหาว่าดาวิดอยู่ที่ไหน มีใครเห็นเขาบ้าง เรารู้มาว่าเขาเหลี่ยมจัด จงไปค้นหาที่ซ่อนตัวของเขาทุกที่ แล้วกลับมารายงานให้เรารู้อย่างละเอียด23:23 หรือแล้วกลับมาพบเราที่นาโคน แล้วเราจะไปกับพวกเจ้า ถ้าเขาอยู่ที่นั่นเราจะสืบเสาะเอาตัวเขามาจากทุกตระกูลของยูดาห์ให้ได้”

ชาวเมืองศิฟจึงเดินทางล่วงหน้าซาอูลไป ฝ่ายดาวิดกับพวกอยู่ในถิ่นกันดารมาโอนในอาราบาห์ ทางใต้ของเยชิโมน ซาอูลกับพวกเริ่มค้นหา เมื่อดาวิดรู้ข่าวจึงหลบไปที่ภูเขาและพักอยู่ที่ถิ่นกันดารมาโอน เมื่อซาอูลทรงทราบก็เข้าไปในถิ่นกันดารมาโอนเพื่อตามล่าดาวิด

ซาอูลและดาวิดต่างมาถึงคนละฟากของภูเขาลูกเดียวกัน ดาวิดกับพวกก็รีบหนี ขณะที่ซาอูลกับพวกเริ่มตีวงล้อมเข้ามาเพื่อจับกุม มีผู้สื่อสารคนหนึ่งมาทูลซาอูลว่า “ขอรีบเสด็จกลับเถิด พวกฟีลิสเตียมาปล้นดินแดนแล้ว” ซาอูลจึงละจากการตามล่าดาวิดกลับไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่าเสลาฮัมมาห์เลโคท23:28 หรือศิลาแห่งการแยกจากกัน จากที่นั่นดาวิดก็ไปอาศัยอยู่ในที่มั่นแห่งเอนเกดี

Read More of 1ซามูเอล 23