1ซามูเอล 14:24-52, 1ซามูเอล 15:1-35 TNCV

1ซามูเอล 14:24-52

โยนาธานกินน้ำผึ้ง

ในวันนั้นพลอิสราเอลต้องทุกข์ทรมานมากเพราะซาอูลได้ให้ประชาชนสาบานว่า “ขอแช่งคนที่บังอาจกินอะไรก่อนพลบค่ำวันนี้ จนกว่าเราจะได้แก้แค้นศัตรู!” ฉะนั้นจึงไม่มีทหารคนใดกินอาหาร

กองทัพทั้งหมด14:25 หรือบัดนี้ประชาชนทั้งหมดของแผ่นดินเข้าไปในป่า เห็นน้ำผึ้งอยู่ตามพื้น เมื่อพวกเขาเห็นน้ำผึ้งเยิ้ม ก็ไม่มีใครกล้าเอามือแตะกินเพราะกลัวคำสาบาน แต่โยนาธานไม่ได้ยินคำสั่งของราชบิดาที่ให้ประชาชนสาบาน จึงเอาไม้ที่ถืออยู่แหย่รวงผึ้งดู และเมื่อได้ลิ้มรสน้ำผึ้งแล้วก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาก ทหารคนหนึ่งจึงบอกโยนาธานว่า “ราชบิดาของท่านทรงให้ทหารสาบานไว้อย่างเคร่งครัดว่า ‘ขอแช่งคนที่กินอะไรก่อนพลบค่ำวันนี้!’ ผู้คนจึงอ่อนระโหยโรยแรงกันหมด”

โยนาธานกล่าวว่า “พ่อของเราสร้างความยุ่งยากให้ประชาชน ดูเถิด เรากระปรี้กระเปร่าขึ้นแค่ไหน14:29 หรือตาของเราแจ่มใสเพียงใดเมื่อได้ชิมน้ำผึ้งเพียงนิดหน่อย จะดีสักแค่ไหนหากคนเหล่านี้ได้กินอาหารที่ยึดมาจากศัตรู พวกเขาจะไม่ฆ่าฟันชาวฟีลิสเตียได้มากยิ่งกว่านี้หรือ?”

ในวันนั้นหลังจากที่ชาวอิสราเอลรุกไล่สังหารชาวฟีลิสเตียตั้งแต่มิคมาชไปจนถึงอัยยาโลน พวกเขาก็หมดแรง พวกเขาจึงกรูเข้าไปหาของเชลย ฆ่าแกะ วัว ลูกวัว และกินเนื้อซึ่งยังมีเลือดอยู่ มีผู้ทูลซาอูลว่า “ดูเถิด คนทั้งหลายทำผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยกินเนื้อซึ่งยังมีเลือดอยู่”

ซาอูลตรัสว่า “พวกเจ้าผิดคำสาบานแล้ว จงกลิ้งหินก้อนใหญ่มาวางตรงนี้ทันที” แล้วตรัสต่อไปว่า “จงไปบอกทหารกองต่างๆ ว่า ‘พวกเจ้าแต่ละคนจงเอาวัวและแกะมาหาเรา และฆ่าที่นี่ อย่าทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยกินเนื้อที่ยังมีเลือดอยู่เลย’ ”

ดังนั้นทุกคนจึงนำวัวของตนมาฆ่าที่นั่นในคืนนั้น ซาอูลจึงก่อแท่นบูชาขึ้นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นครั้งแรกที่ซาอูลทำเช่นนี้

ซาอูลตรัสว่า “ให้เราตามล่าชาวฟีลิสเตียตลอดคืนและปล้นพวกเขาจนรุ่งเช้า ฆ่าฟันให้หมดทุกคน”

ทหารทั้งหลายกราบทูลว่า “โปรดทำตามที่ทรงเห็นชอบ”

แต่ปุโรหิตทักท้วงว่า “ให้เราทูลถามพระเจ้าก่อนเถิด”

ฉะนั้นซาอูลจึงทูลถามพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรไล่ตามชาวฟีลิสเตียหรือไม่? พระองค์จะทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของอิสราเอลหรือไม่?” แต่พระเจ้าไม่ได้ตรัสตอบประการใดในวันนั้น

ซาอูลจึงตรัสกับบรรดาผู้นำของกองทัพว่า “มาที่นี่เถิด เราต้องหาให้ได้ว่าวันนี้มีใครทำบาปอะไรไป องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกอบกู้อิสราเอลทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด แม้ผู้ทำผิดจะเป็นโยนาธานลูกของเราเอง เขาก็จะต้องตายฉันนั้น” แต่ไม่มีผู้ใดยอมกราบทูลอะไร

ซาอูลจึงตรัสกับชนอิสราเอลทั้งปวงว่า “โยนาธานกับเราจะยืนอยู่ตรงนี้ ส่วนพวกท่านยืนอยู่ตรงนั้น”

พวกเขาทูลว่า “ขอทรงทำตามที่ทรงเห็นว่าดีที่สุด”

แล้วซาอูลจึงทูลอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “ขอโปรดประทานคำตอบที่ถูกต้อง”14:41 ฉบับ LXX. ว่า“เหตุใดวันนี้พระองค์ไม่ตรัสตอบผู้รับใช้ของพระองค์ ถ้าผู้ผิดเป็นข้าพระองค์หรือโยนาธานบุตรของข้าพระองค์ ขอให้เป็นอูริม แต่ถ้าความผิดนั้นเป็นของชนอิสราเอล ขอให้เป็นทูมมิมเถิด” ผลการทอดสลากปรากฏว่าโยนาธานและซาอูลเป็นผู้ผิด ส่วนประชากรพ้นผิด ซาอูลจึงตรัสว่า “บัดนี้จงทอดสลากระหว่างเรากับโยนาธานบุตรของเรา” และสลากตกแก่โยนาธาน

ซาอูลตรัสกับโยนาธานว่า “บอกมาซิว่าเจ้าทำอะไรลงไป”

โยนาธานจึงทูลว่า “ลูกเพียงแต่ชิมน้ำผึ้งนิดเดียว แค่ติดปลายไม้เท่านั้น และบัดนี้ลูกจะต้องตายหรือ?”

ซาอูลตรัสว่า “โยนาธานเอ๋ย หากเจ้าไม่ถูกลงโทษถึงตาย ก็ขอพระเจ้าทรงจัดการกับเราอย่างสาหัส”

แต่ทหารทั้งหลายทูลทักท้วงว่า “โยนาธานผู้ได้ทำการกอบกู้ครั้งใหญ่ในอิสราเอลนี้ควรจะตายหรือ? องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด แม้แต่ผมสักเส้นบนศีรษะของเขาก็จะไม่ตกถึงพื้นฉันนั้น เพราะเขาทำศึกในวันนี้โดยพระเจ้าทรงช่วย” เป็นอันว่าเหล่าประชากรได้ช่วยชีวิตโยนาธานไว้และเขาไม่ถูกประหาร

จากนั้นซาอูลจึงถอยทัพเลิกติดตามชาวฟีลิสเตีย พวกเขาก็กลับสู่บ้านเรือนของตน

หลังจากที่ซาอูลได้อำนาจปกครองอิสราเอลแล้ว พระองค์ก็ทรงสู้รบกับศัตรูรอบด้าน ได้แก่โมอับ อัมโมน เอโดม กษัตริย์ทั้งหลายแห่งโศบาห์14:47 ฉบับ DSS. และ LXX. ว่ากษัตริย์แห่งโศบาห์ และชาวฟีลิสเตีย ไม่ว่าจะทรงหันไปทางไหนก็ได้รับชัยชนะ14:47 หรือก็ลงโทษพวกเขา พระองค์ทรงรบอย่างกล้าหาญ ทรงพิชิตชาวอามาเลข และกอบกู้อิสราเอลพ้นจากมือของพวกที่มาปล้น

ราชวงศ์ของซาอูล

โอรสของซาอูลได้แก่ โยนาธาน อิชวี และมัลคีชูวา ธิดาองค์พี่คือเมราบ องค์น้องคือมีคาล มเหสีของซาอูลคืออาหิโนอัมธิดาของอาหิมาอัส แม่ทัพของซาอูลคืออับเนอร์บุตรของเนอร์ซึ่งเป็นลุงของซาอูล เนอร์บิดาของอับเนอร์และคีชบิดาของซาอูล เป็นบุตรของอาบีเอล

ชาวอิสราเอลต้องสู้รบตบมือกับชาวฟีลิสเตียตลอดรัชกาลของซาอูล และทุกครั้งที่ซาอูลเห็นชายฉกรรจ์หรือผู้กล้าหาญก็จะเกณฑ์ให้มารับใช้พระองค์

Read More of 1ซามูเอล 14

1ซามูเอล 15:1-35

ซาอูลถูกถอดจากการเป็นกษัตริย์

ซามูเอลกล่าวกับซาอูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ข้าพเจ้ามาเจิมตั้งท่านเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลประชากรของพระองค์ ฉะนั้นบัดนี้จงฟังพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘เราจะลงโทษชาวอามาเลขที่ดักเล่นงานอิสราเอลตอนที่ออกมาจากอียิปต์ บัดนี้จงออกไปโจมตีชาวอามาเลขและทำลายล้าง15:3 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไป เช่นเดียวกับข้อ 8,9,15,18,20 และ 21ทุกสิ่งที่เขามีให้หมดสิ้น ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ทารก วัว แกะ อูฐ และลา อย่าไว้ชีวิตเลย’”

ซาอูลจึงระดมพลและตรวจพลที่เทลาอิม มีกำลังทหารราบสองแสนคนสมทบกับกำลังพลจากยูดาห์หนึ่งหมื่นคน ซาอูลยกทัพไปยังเมืองของชาวอามาเลขและซุ่มอยู่ในหุบเขา เขากล่าวกับชาวเคไนต์ว่า “จงออกไปจากหมู่บ้านของชาวอามาเลข ท่านจะได้ไม่ถูกทำลายล้างไปพร้อมกับพวกเขา เนื่องจากท่านได้เมตตาชาวอิสราเอลตอนที่พวกเขาออกมาจากอียิปต์” ดังนั้นคนเคไนต์จึงย้ายออกจากชาวอามาเลขไป

จากนั้นซาอูลก็โจมตีชาวอามาเลขตั้งแต่เมืองฮาวีลาห์ ตลอดทางถึงเมืองชูร์ฟากตะวันออกของอียิปต์ ซาอูลจับกุมอากักกษัตริย์ของชาวอามาเลข ส่วนคนอื่นๆ ถูกทำลายล้างด้วยคมดาบทั้งหมด แต่ซาอูลกับทหารได้ไว้ชีวิตอากัก และเก็บแกะ วัว ลูกแกะ และลูกวัวที่อ้วนท้วน15:9 หรือวัวผู้ที่โตเต็มที่แล้วในภาษาฮีบรูวลีนี้มีความหมายไม่ชัดเจนซึ่งดีที่สุดเอาไว้ เขาไม่อยากทำลายล้างสิ่งเหล่านี้ให้หมดสิ้น แต่ทำลายล้างเฉพาะสิ่งที่ไร้ค่าหรือไร้คุณภาพให้หมดสิ้นไป

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงมีพระดำรัสมาถึงซามูเอลว่า “เราเสียใจที่ได้แต่งตั้งซาอูลเป็นกษัตริย์ เพราะเขาละทิ้งเรา ไม่ทำตามคำสั่งของเรา” ซามูเอลทุกข์ใจมากและคร่ำครวญต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเขาออกไปหาซาอูล แต่มีคนบอกว่า “ซาอูลได้ไปที่คารเมลเพื่อสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวเอง และจากนั้นก็ไปที่กิลกาล”

เมื่อซามูเอลมาถึง ซาอูลกล่าวว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่าน ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเรียบร้อยแล้ว”

แต่ซามูเอลถามว่า “ถ้าอย่างนั้นเสียงร้องของแกะและวัวที่เราได้ยินนี้หมายถึงอะไร?”

ซาอูลตอบว่า “พวกทหารได้ยึดสิ่งเหล่านั้นมาจากคนอามาเลข พวกเขาเก็บแกะและวัวที่ดีที่สุดไว้เพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แต่พวกเราได้ทำลายล้างสิ่งอื่นๆ จนหมด”

ซามูเอลจึงกล่าวกับซาอูลว่า “หยุดเถอะ! จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่มีมาถึงเราเมื่อคืนนี้”

ซาอูลตรัสว่า “จงบอกเถิด”

ซามูเอลกล่าวว่า “แม้ท่านเคยคิดว่าตัวเองเล็กน้อยมาก แต่ท่านก็ได้เป็นผู้นำของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลไม่ใช่หรือ? องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งท่านเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และพระองค์ทรงมอบหมายให้ท่านไปทำงานและตรัสว่า ‘จงออกไปสู้รบทำลายล้างชาวอามาเลขผู้ชั่วร้ายให้หมดสิ้น’ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า? ทำไมท่านจึงยึดของเชลยและทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า?”

ซาอูลตรัสว่า “แต่ข้าพเจ้าได้เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าและทำงานตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมาย ข้าพเจ้าได้นำตัวกษัตริย์อากักมา และได้ทำลายล้างชาวอามาเลขทั้งหมด แต่พวกทหารยึดแกะและวัวที่ดีที่สุดซึ่งเป็นของที่ต้องทำลายถวายแด่พระเจ้า มาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่กิลกาล”

แต่ซามูเอลโต้ตอบว่า

องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชา

ยิ่งกว่าการเชื่อฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ?

การเชื่อฟังนั้นดียิ่งกว่าเครื่องบูชา

การสดับฟังก็ดีกว่าการถวายไขมันของแกะผู้

เพราะการละเมิดฝ่าฝืนก็เป็นเหมือนบาปจากการเล่นไสยศาสตร์

และความหยิ่งทะนงก็เหมือนบาปจากการกราบไหว้รูปเคารพ

เนื่องจากท่านได้ละเลยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

พระองค์จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์”

แล้วซาอูลจึงกล่าวกับซามูเอลว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปแล้ว ข้าพเจ้าได้ละเมิดพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและคำสั่งของท่าน ข้าพเจ้ากลัวประชาชน จึงยอมทำตามพวกเขา โปรดอภัยบาปของข้าพเจ้าเถิด และขอกลับไปพร้อมกับข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า”

แต่ซามูเอลตอบว่า “เราจะไม่กลับไปกับท่าน ท่านได้ทอดทิ้งพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์แห่งอิสราเอลแล้ว!”

ขณะที่ซามูเอลจะกลับออกไป ซาอูลก็ดึงชายเสื้อคลุมของเขาไว้ ทำให้เสื้อขาด ซามูเอลกล่าวกับซาอูลว่า “ในวันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฉีกอาณาจักรอิสราเอลจากท่าน และประทานให้ผู้อื่นซึ่งดีกว่าท่าน พระองค์ผู้ทรงเป็นเกียรติสิริแห่งอิสราเอลไม่ได้ตรัสมุสาหรือเปลี่ยนพระทัย เพราะพระองค์ไม่ใช่มนุษย์ที่จะเปลี่ยนใจ”

ซาอูลตรัสว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปแล้ว แต่ขอได้โปรดให้เกียรติข้าพเจ้าต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโสของประชากรและต่อหน้าชาวอิสราเอล กลับไปกับข้าพเจ้าเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน” ซามูเอลจึงยอมกลับไปด้วย และซาอูลก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า

แล้วซามูเอลสั่งว่า “นำตัวอากักกษัตริย์ของอามาเลขมาหาเราสิ”

อากักก็ยิ้มย่องผ่องใสออกมา และ15:32 หรือตัวสั่นเทาออกมา แต่นึกในใจว่า “เคราะห์หามยามร้ายผ่านไปแล้ว เราคงรอดแน่ๆ”

แต่ซามูเอลกล่าวว่า

“ดาบของท่านทำให้มารดาหลายคนสูญเสียบุตรไปฉันใด

มารดาของท่านจะสูญเสียบุตรฉันนั้น”

แล้วซามูเอลก็ประหารอากักต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่กิลกาล

จากนั้นซามูเอลจึงกลับไปรามาห์ ส่วนซาอูลก็กลับไปกิเบอาห์ที่พำนักของตน ตั้งแต่นั้นมาซามูเอลไม่เคยพบกับซาอูลอีกเลยจนกระทั่งสิ้นชีวิต เขาทุกข์โศกเนื่องด้วยซาอูลอยู่เสมอและองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เสียพระทัยที่ได้ทรงตั้งซาอูลเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล

Read More of 1ซามูเอล 15