1ซามูเอล 10:9-27, 1ซามูเอล 11:1-15, 1ซามูเอล 12:1-25 TNCV

1ซามูเอล 10:9-27

ซาอูลขึ้นเป็นกษัตริย์

ขณะที่ซาอูลหันหลังไปจากซามูเอล พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจของซาอูล และหมายสำคัญทั้งปวงก็เป็นจริงในวันนั้น เมื่อซาอูลกับคนรับใช้มาถึงกิเบอาห์ ก็พบขบวนผู้เผยพระวจนะ พระวิญญาณของพระเจ้าลงมาเหนือซาอูลด้วยฤทธานุภาพ และเขาก็ร่วมทำนาย เมื่อคนทั้งปวงที่เคยรู้จักซาอูลมาก่อน เห็นเขาทำนายร่วมกับบรรดาผู้เผยพระวจนะก็ถามกันว่า “เกิดอะไรขึ้นกับบุตรชายของคีช? ซาอูลเป็นผู้เผยพระวจนะกับเขาด้วยหรือ?”

ชายคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นถามกลับว่า “แล้วคนเหล่านี้เป็นลูกของใคร?” เหตุการณ์นี้จึงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า “ซาอูลเป็นผู้เผยพระวจนะกับเขาด้วยหรือ?” เมื่อซาอูลกล่าวคำทำนายเสร็จแล้วก็ขึ้นไปยังสถานสูง

ลุงของซาอูลถามเขาและคนรับใช้ของเขาว่า “เจ้าไปไหนมา?”

ซาอูลตอบว่า “พวกข้าพเจ้าไปตามหาลา แต่ไม่พบ จึงไปหาซามูเอล”

ลุงของซาอูลกล่าวว่า “เล่าให้ฟังซิว่าซามูเอลพูดอะไรกับเจ้าบ้าง”

ซาอูลตอบว่า “เขายืนยันว่าพบลาแล้ว” แต่ซาอูลไม่ได้บอกลุงว่าซามูเอลได้เจิมตั้งตนเป็นกษัตริย์

ซามูเอลได้เรียกชุมนุมชาวอิสราเอลมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่มิสปาห์ และกล่าวกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราได้นำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ และกอบกู้พวกเจ้าจากอำนาจของอียิปต์และอาณาจักรทั้งปวงที่กดขี่ข่มเหงเจ้า’ แต่บัดนี้ท่านทอดทิ้งพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงช่วยท่านจากภัยพิบัติและความทุกข์ยากทั้งปวง และพวกท่านกล่าวว่า ‘ขอให้ตั้งกษัตริย์ปกครองเรา’ ฉะนั้นจงแสดงตัวต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทีละเผ่าทีละตระกูล”

เมื่อซามูเอลนำทุกเผ่าของอิสราเอลเข้ามาใกล้ ก็เลือกได้เผ่าเบนยามิน จากนั้นซามูเอลนำแต่ละตระกูลในเผ่าเบนยามินมา ก็เลือกได้ตระกูลมัตรี และในที่สุดเลือกได้ซาอูลบุตรของคีช แต่เมื่อเขามองหาซาอูลก็ไม่พบ คนเหล่านั้นจึงทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “เขามาถึงที่นี่แล้วหรือยัง?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “มาแล้ว เขาซ่อนตัวอยู่ในกองสัมภาระ”

พวกเขาจึงวิ่งไปนำตัวเขาออกมา ขณะเขายืนอยู่ในหมู่ชนก็สูงกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดหนึ่งช่วงศีรษะ ซามูเอลกล่าวแก่ประชากรทั้งปวงว่า “ท่านเห็นคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรหรือไม่? ไม่มีผู้ใดเหมือนเขาอีกแล้วในหมู่ประชากร”

แล้วประชากรทั้งปวงโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ!”

ซามูเอลชี้แจงแก่ประชากรเรื่องกฎระเบียบของการเป็นกษัตริย์ เขาบันทึกกฎเหล่านั้นลงในหนังสือม้วนและเก็บรักษาไว้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วซามูเอลก็ให้คนทั้งหลายกลับบ้าน

เมื่อซาอูลกลับไปยังบ้านของเขาที่กิเบอาห์ก็มีนักรบแกล้วกล้าที่พระเจ้าทรงดลใจไปกับเขาด้วย แต่มีอันธพาลบางคนพูดว่า “คนนี้จะมาช่วยพวกเราให้รอดได้อย่างไร?” เขาเหล่านี้ดูถูกซาอูลและไม่ยอมนำของกำนัลมาให้ แต่ซาอูลนิ่งเงียบ

Read More of 1ซามูเอล 10

1ซามูเอล 11:1-15

ซาอูลช่วยเมืองยาเบช

ครั้งนั้นนาหาชชาวอัมโมนยกทัพมาล้อมเมืองยาเบชกิเลอาด ชาวเมืองยาเบชทั้งปวงจึงเจรจาว่า “พวกเราขอทำสัญญาสงบศึกและยอมสวามิภักดิ์”

แต่นาหาชชาวอัมโมนตอบว่า “ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเราจะทะลวงตาข้างขวาของพวกเจ้าทุกคน เป็นการสร้างความอัปยศแก่อิสราเอลทั้งหมด”

เหล่าผู้อาวุโสของยาเบชกล่าวว่า “โปรดให้เวลาเราเจ็ดวัน เราจะส่งผู้สื่อสารไปทั่วดินแดนอิสราเอล หากไม่มีผู้ใดมาช่วยเรา เราจะยินยอมตามข้อแม้ของท่าน”

เมื่อผู้สื่อสารมาถึงเมืองกิเบอาห์ถิ่นของซาอูล แล้วแจ้งเงื่อนไขนี้แก่ประชากร ทุกคนพากันร้องไห้เสียงดัง ขณะนั้นเองซาอูลต้อนฝูงวัวกลับมาจากทุ่งนา จึงถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงร้องไห้?” พวกเขาก็แจ้งให้ซาอูลทราบข่าวจากยาเบช

เมื่อซาอูลได้ยินเช่นนั้น พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาสวมทับเขาด้วยฤทธานุภาพ และเขาโกรธมาก เขาจับวัวผู้สองตัวมาฟันเป็นท่อนๆ และให้ผู้สื่อสารแบกไปทั่วอิสราเอล พร้อมทั้งประกาศว่า “ใครไม่ยอมติดตามซาอูลกับซามูเอล วัวของเขาจะมีสภาพอย่างนี้” เหล่าประชากรเกิดความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าเขาทั้งปวงจึงพร้อมใจกันมา เมื่อซาอูลตรวจพลที่เบเซกพบว่ามีชาวอิสราเอลสามแสนคนและมีคนยูดาห์อีกสามหมื่นคน

พวกเขาบอกผู้สื่อสารทั้งหลายว่า “ให้กลับไปแจ้งชาวยาเบชกิเลอาดว่า ‘เราจะมาช่วยท่านก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้’ ” เมื่อชาวเมืองยาเบชได้ทราบข่าวแล้ว ก็ดีใจกันทั่วหน้า พวกเขาจึงบอกชาวอัมโมนว่า “พรุ่งนี้เราจะยอมแพ้ท่าน ท่านจะทำอะไรกับเราก็ได้ตามที่เห็นดี”

วันรุ่งขึ้นซาอูลแบ่งกองทัพออกเป็นสามกอง บุกเข้าจู่โจมค่ายอัมโมนตั้งแต่เช้ามืด11:11 คือ ยามสาม คือช่วง 02.00-06.00 น.และฆ่าฟันพวกเขาตลอดช่วงเช้า ชาวอัมโมนที่เหลือก็กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง

ซาอูลได้รับการยืนยันเป็นกษัตริย์

เหล่าประชากรกล่าวกับซามูเอลว่า “ใครนะที่พูดว่า ‘ซาอูลหรือจะมาปกครองเรา’ นำตัวพวกนั้นออกมาที่นี่ให้เราฆ่าเสีย”

แต่ซาอูลกล่าวว่า “อย่าประหารใครในวันนี้เลย เพราะวันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยกอบกู้อิสราเอล”

ซามูเอลจึงกล่าวแก่ประชากรว่า “มาเถิด ให้เราทั้งหมดไปที่กิลกาลและยืนยันเรื่องการเป็นกษัตริย์ของซาอูล” ดังนั้นประชาชนทั้งปวงจึงไปที่กิลกาล และประกาศรับรองซาอูลเป็นกษัตริย์ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาถวายเครื่องสันติบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น ซาอูลและอิสราเอลทั้งปวงจัดการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่

Read More of 1ซามูเอล 11

1ซามูเอล 12:1-25

คำอำลาของซามูเอล

ซามูเอลกล่าวแก่ปวงชนอิสราเอลว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าได้ทำตามที่ท่านทั้งหลายขอและตั้งกษัตริย์ขึ้นมาปกครองท่าน บัดนี้ท่านมีกษัตริย์เป็นผู้นำ ส่วนข้าพเจ้าเองก็ชราและผมก็หงอกแล้ว บุตรชายของข้าพเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกท่าน ข้าพเจ้าเป็นผู้นำของท่านมาตั้งแต่หนุ่มจวบจนถึงวันนี้ ข้าพเจ้ายืนอยู่ที่นี่แล้ว จงให้การต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและต่อหน้าผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้เถิดว่า ข้าพเจ้าเคยยึดวัวหรือลาของใครไปบ้าง? ข้าพเจ้าเคยโกงหรือเคยข่มเหงรังแกใครบ้าง? ข้าพเจ้าเคยรับสินบนจากใครบ้างเพื่อบิดเบือนความยุติธรรม? หากมี ข้าพเจ้าจะสะสางให้เรียบร้อย”

พวกเขาตอบว่า “ไม่เลย ท่านไม่เคยโกงหรือข่มเหงรังแกเรา และท่านไม่เคยรับอะไรจากใคร”

ซามูเอลกล่าวกับพวกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานและผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งเป็นพยานในวันนี้ด้วยว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ฉกฉวยสิ่งใดจากพวกท่านเลย”

พวกเขาตอบว่า “พระองค์ทรงเป็นพยาน”

แล้วซามูเอลกล่าวกับประชากรว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าคือผู้ที่ทรงแต่งตั้งโมเสสกับอาโรน พระองค์ทรงนำเหล่าบรรพบุรุษของพวกท่านออกมาจากอียิปต์ บัดนี้จงยืนสงบอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพเจ้าจะรื้อฟื้นความทรงจำของท่านเกี่ยวกับพระราชกิจอันชอบธรรมทั้งปวง ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำเพื่อท่านกับเหล่าบรรพบุรุษ

“หลังจากที่ยาโคบเข้าสู่อียิปต์ พวกเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงส่งโมเสสกับอาโรนมานำบรรพบุรุษของท่านออกจากอียิปต์และมาตั้งรกรากในแผ่นดินนี้

“แต่เหล่าบรรพบุรุษกลับลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พระองค์จึงทรงขายพวกเขาไว้ในมือสิเสราแม่ทัพของกองทัพแห่งฮาโซร์ และในมือชาวฟีลิสเตียและกษัตริย์แห่งโมอับให้ทำศึกกับพวกเขา เหล่าบรรพบุรุษร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายทำบาปแล้วที่ได้ละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าไปปรนนิบัติพระบาอัลและพระอัชโทเรท แต่บัดนี้ขอทรงกอบกู้เราจากเงื้อมมือของศัตรู และข้าพระองค์ทั้งหลายจะปรนนิบัติพระองค์’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงส่งเยรุบบาอัล12:11 มีอีกชื่อหนึ่งว่ากิเดโอน บาราค12:11 ภาษาฮีบรูว่าเบดาน เยฟธาห์ และซามูเอล12:11 สำเนา LXX. บางฉบับและฉบับ Syr. ว่าแซมสันมาช่วยท่านจากเงื้อมมือของศัตรูรอบด้าน เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงปลอดภัย

“แต่เมื่อท่านเห็นกษัตริย์นาหาชแห่งอัมโมนยกมาโจมตี ท่านก็กล่าวกับข้าพเจ้าว่า ‘เราต้องการกษัตริย์ปกครองเรา’ ทั้งๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นกษัตริย์ของท่าน ดูเถิด นี่คือกษัตริย์ที่ท่านเลือก ผู้ที่ท่านร้องขอ ดูเถิดองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตั้งกษัตริย์ปกครองท่านแล้ว หากท่านยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าปรนนิบัติและเชื่อฟังพระองค์ ไม่ได้ฝ่าฝืนพระบัญชาของพระองค์ ทั้งท่านและกษัตริย์ผู้ปกครองท่านติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน นั่นก็ดีแล้ว! แต่หากท่านไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าและฝ่าฝืนพระบัญชาของพระองค์ พระหัตถ์ของพระองค์จะทรงจัดการกับท่านเหมือนที่ทรงจัดการกับเหล่าบรรพบุรุษของท่าน

“บัดนี้จงสงบนิ่งและคอยดูสิ่งยิ่งใหญ่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำต่อหน้าต่อตาท่าน! ขณะนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าวสาลีไม่ใช่หรือ? แต่ข้าพเจ้าจะทูลขอองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงส่งฟ้าร้องและฝนมา แล้วท่านจะตระหนักว่า ท่านทำสิ่งที่ชั่วร้ายเพียงใดในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทูลขอให้มีกษัตริย์”

แล้วซามูเอลร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าและในวันนั้นเององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งฟ้าร้องและฝนมา ดังนั้นประชากรทั้งปวงจึงเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าและซามูเอลยิ่งนัก

ประชากรทั้งปวงกล่าวกับซามูเอลว่า “โปรดอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเพื่อเหล่าผู้รับใช้ของท่านด้วย เพื่อเราจะไม่ตาย เพราะนอกจากบาปอื่นๆ ของเรา เรายังเพิ่มบาปชั่วที่ทูลขอกษัตริย์”

ซามูเอลตอบว่า “อย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายได้ทำสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้แล้วก็จริง แต่จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ อย่าหันเหไปจากองค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าหันไปติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า ซึ่งไม่สามารถทำสิ่งดีอะไรให้ได้และช่วยอะไรท่านก็ไม่ได้ เพราะพระเหล่านั้นไร้ประโยชน์ เพื่อเห็นแก่พระนามอันยิ่งใหญ่ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงละประชากรของพระองค์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยที่จะทำให้ท่านเป็นของพระองค์เอง ส่วนข้าพเจ้านั้นขออย่าให้ข้าพเจ้าทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการหยุดอธิษฐานเพื่อท่าน ข้าพเจ้าจะยังคงสั่งสอนแนวทางอันดีงามและถูกต้องแก่ท่าน จงใส่ใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและปรนนิบัติพระองค์อย่างซื่อสัตย์ด้วยสุดใจของท่าน จงคิดใคร่ครวญถึงสิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อท่าน แต่หากท่านยังคงทำชั่วต่อไป ทั้งท่านและกษัตริย์ของท่านจะถูกกวาดล้างไป”

Read More of 1ซามูเอล 12