1พงศ์กษัตริย์ 18:16-46, 1พงศ์กษัตริย์ 19:1-21 TNCV

1พงศ์กษัตริย์ 18:16-46

เอลียาห์บนภูเขาคารเมล

โอบาดีห์จึงไปเข้าเฝ้าอาหับและกราบทูลพระองค์ อาหับก็เสด็จออกมาพบเอลียาห์ เมื่ออาหับเห็นเอลียาห์ก็ตรัสว่า “นี่หรือเจ้าคนที่นำความเดือดร้อนมาสู่อิสราเอล?”

เอลียาห์ตอบว่า “ไม่ใช่ข้าพเจ้า ท่านกับวงศ์วานของบิดาของท่านต่างหากที่นำความเดือดร้อนมาสู่อิสราเอล ท่านได้ละทิ้งพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปติดตามพระบาอัล บัดนี้จงรวมประชากรจากทั่วอิสราเอลมาพบข้าพเจ้าบนภูเขาคารเมล พร้อมทั้งผู้ทำนายของพระบาอัล 450 คน และผู้ทำนายของเจ้าแม่อาเชราห์ 400 คน ซึ่งร่วมโต๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล”

อาหับจึงส่งข่าวไปทั่วทั้งอิสราเอล และเรียกบรรดาผู้ทำนายมาชุมนุมบนภูเขาคารเมล เอลียาห์มาอยู่ต่อหน้าประชาชนและกล่าวว่า “พวกท่านจะเหยียบเรือสองแคมไปนานสักเท่าใด? หากพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า จงติดตามพระองค์ แต่หากบาอัลเป็นพระเจ้า ก็ไปติดตามเขาเถิด”

แต่ประชาชนไม่พูดอะไร

เอลียาห์จึงกล่าวว่า “เราเป็นผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่ฝ่ายบาอัลมีผู้ทำนายถึง 450 คน จงนำวัวหนุ่มมาสองตัว ให้ผู้ทำนายของพระบาอัลเลือกไปตัวหนึ่ง สับเป็นท่อนๆ วางบนฟืนที่แท่นบูชา แต่ไม่ต้องจุดไฟ แล้วเราจะเตรียมวัวอีกตัว นำมาวางบนฟืนโดยไม่จุดไฟเช่นกัน จากนั้นพวกเจ้าจงร้องออกนามพระของพวกเจ้า ส่วนเราจะร้องออกนามพระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์ที่ตอบโดยส่งไฟมานั่นแหละคือพระเจ้าที่แท้จริง”

และคนทั้งปวงก็กล่าวว่า “สิ่งที่ท่านพูดนั้นดีแล้ว”

เอลียาห์กล่าวกับผู้ทำนายของพระบาอัลว่า “พวกเจ้าลงมือก่อนสิเพราะมีกันหลายคน จงเลือกวัวไปตัวหนึ่ง จัดเตรียมแล้วร้องเรียกพระของเจ้า แต่อย่าจุดไฟ” พวกเขาจึงรับวัวไปจัดเตรียม

แล้วพวกเขาร้องเรียกพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระบาอัล โปรดตอบเถิด!” แต่ไม่มีใครตอบอะไรเลย พวกเขาก็ร่ายรำไปรอบๆ แท่นที่สร้างขึ้น

ตอนเที่ยงเอลียาห์ก็เริ่มถากถางพวกเขาว่า “ตะโกนดังขึ้นอีกหน่อย! ก็บาอัลเป็นพระเจ้านี่! บางทีอาจจะกำลังเข้าสมาธิ หรือเข้าห้องน้ำอยู่ หรือกำลังเดินทาง ไม่ก็หลับไป ต้องช่วยกันปลุกให้ตื่น” ฉะนั้นพวกเขายิ่งร้องตะโกนดังขึ้น เอาดาบและหอกมาเชือดเนื้อตัวเองตามพิธีจนเลือดไหล เที่ยงวันผ่านไป พวกเขาส่งเสียงตลอดบ่ายจนถึงเวลาถวายเครื่องบูชาในตอนเย็น แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีคำตอบอะไรเลย ไม่มีใครสนใจ

เอลียาห์จึงกล่าวแก่เหล่าประชากรว่า “มาที่นี่เถิด” พวกเขาก็มา เอลียาห์ซ่อมแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งอยู่ในสภาพหักพัง เอลียาห์นำหินมาสิบสองก้อน แต่ละก้อนแทนแต่ละเผ่าซึ่งสืบเชื้อสายมาจากยาโคบ ผู้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “อิสราเอลจะเป็นนามของเจ้า” เขาใช้หินสร้างแท่นบูชาในพระนามพระยาห์เวห์และขุดร่องรอบแท่นพอที่จะใส่เมล็ดพืชได้ประมาณ 15 ลิตร18:32 ภาษาฮีบรูว่า2 ซีห์ เขาเรียงฟืนบนแท่น และสับวัวหนุ่มตัวนั้นเป็นท่อนๆ วางบนฟืน แล้วสั่งว่า “จงตักน้ำให้เต็มสี่ถัง เทลงบนเครื่องบูชากับฟืน”

เขากล่าวว่า “จงทำอีกครั้ง” พวกเขาก็ปฏิบัติตาม

แล้วเขาสั่งว่า “ทำเป็นครั้งที่สาม” พวกเขาก็ทำตามเป็นครั้งที่สาม น้ำนั้นไหลรอบแท่นเต็มร่องที่ขุดไว้

พอถึงเวลาถวายเครื่องบูชา ผู้เผยพระวจนะเอลียาห์เดินมาข้างหน้าและอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ขอให้เป็นที่ทราบทั่วกันในวันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และกระทำทั้งหมดนี้ตามพระบัญชาของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบข้าพระองค์ โปรดตอบเถิดเพื่อประชากรเหล่านี้จะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าและพระองค์ทรงนำจิตใจของพวกเขากลับมาหาพระองค์”

ทันใดนั้นเองไฟขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ตกลงมา และเผาเครื่องบูชา ฟืน หิน และพื้นดินตรงนั้น และแม้แต่น้ำในร่องรอบแท่นก็แห้งไปหมด

เมื่อประชากรเห็นดังนั้น ก็ซบหน้าลงร้องว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า! พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า!”

แล้วเอลียาห์ก็สั่งพวกเขาว่า “จงจับกุมตัวผู้ทำนายของบาอัลไว้ อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” แล้วพวกเขาก็เข้าจับกุม เอลียาห์นำตัวบรรดาผู้ทำนายไปประหารที่หุบเขาคีโชน

จากนั้นเอลียาห์ทูลอาหับว่า “เชิญไปรับประทานและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนห่าใหญ่” อาหับจึงเสด็จไปเสวยและดื่ม แต่เอลียาห์ปีนขึ้นบนยอดเขาคารเมล แล้วเขาโน้มตัวลงถึงพื้นดิน และซบหน้าลงระหว่างเข่า

เขาสั่งคนรับใช้ว่า “จงไปและมองไปทางทะเล”

เขาก็ไปและกลับมาบอกเอลียาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรเลย”

เอลียาห์สั่งให้เขากลับไปดูจนครบเจ็ดครั้ง

ในครั้งที่เจ็ด คนใช้นั้นรายงานว่า “มีเมฆเล็กๆ ขนาดราวฝ่ามือเคลื่อนขึ้นมาจากทะเล”

เอลียาห์จึงกล่าวว่า “จงไปบอกอาหับว่า ‘จงเตรียมราชรถแล้วลงจากภูเขา ไม่อย่างนั้นจะติดฝนแล้วไปไม่ได้’ ”

ไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดทะมึนด้วยเมฆ ลมกล้าพาพายุฝนโหมกระหน่ำ อาหับรีบเสด็จไปยังยิสเรเอล ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเหนือเอลียาห์ เขาก็คาดเอวทับเสื้อคลุมให้กระชับ แล้ววิ่งนำหน้าอาหับมาตลอดทางจนถึงเมืองยิสเรเอล

Read More of 1พงศ์กษัตริย์ 18

1พงศ์กษัตริย์ 19:1-21

เอลียาห์หนีไปภูเขาโฮเรบ

อาหับทรงเล่าทุกสิ่งที่เอลียาห์ทำให้พระนางเยเซเบลฟัง และเล่าถึงการที่เอลียาห์ประหารผู้ทำนายของพระบาอัลทั้งหมดด้วยดาบ ดังนั้นเยเซเบลจึงส่งคนมาแจ้งเอลียาห์ว่า “ขอให้พระทั้งหลายจัดการกับเราอย่างสาหัส หากภายในพรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้ เรายังไม่ปลิดชีวิตเจ้าเหมือนที่เจ้าทำกับคนของเรา”

เอลียาห์กลัว19:3 หรือเอลียาห์เห็นดังนั้นจึงหนีเอาชีวิตรอด เขาไปยังเบเออร์เชบาในยูดาห์ และทิ้งคนรับใช้ของเขาไว้ที่นั่น ส่วนเขาเองเดินทางเข้าไปในถิ่นกันดารแต่ลำพัง รอนแรมตลอดวัน แล้วเขาพบต้นซากต้นหนึ่ง จึงนั่งลงใต้ต้นซากนั้นและอธิษฐานให้ตัวเองตายเสีย เขากล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด ข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์” แล้วเขาก็นอนลงใต้ต้นซากและหลับไป

ทันใดนั้นมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาแตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหาร” เอลียาห์มองไปรอบๆ และเห็นว่ามีขนมปังผิงอยู่บนก้อนหินร้อนๆ และมีน้ำเหยือกหนึ่งอยู่ข้างศีรษะ เขาจึงรับประทานขนมปัง ดื่มน้ำ แล้วล้มตัวลงนอนอีก

ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาอีกครั้งหนึ่ง แตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหารเพราะการเดินทางครั้งนี้เกินกำลังของท่าน” เอลียาห์จึงลุกขึ้นรับประทานและดื่ม ทำให้เขามีกำลังวังชาพอที่จะเดินทางเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนจนมาถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า เขาเข้าไปพักแรมค้างคืนในถ้ำแห่งหนึ่งที่นั่น

องค์พระผู้เป็นเจ้า

แล้วพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเขาว่า “เอลียาห์เอ๋ย เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?”

เอลียาห์ทูลตอบว่า “ข้าพระองค์กระตือรือร้นทุ่มเททำงานเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ชนอิสราเอลได้ละทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ รื้อแท่นบูชาของพระองค์ สังหารผู้เผยพระวจนะของพระองค์ด้วยคมดาบ เหลือข้าพระองค์เพียงคนเดียว และบัดนี้พวกเขากำลังพยายามฆ่าข้าพระองค์อีกด้วย”

พระองค์ตรัสว่า “จงออกไปยืนต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าบนภูเขา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะเสด็จผ่าน”

แล้วมีลมพายุกล้าพัดปะทะภูเขาอย่างรุนแรง ทำให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในลมนั้น หลังพายุก็เกิดแผ่นดินไหว แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในแผ่นดินไหวนั้น และภายหลังแผ่นดินไหวก็เกิดไฟลุก แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในไฟนั้น หลังจากไฟมีเสียงกระซิบอันอ่อนโยน เมื่อเอลียาห์ได้ยิน เขาก็ยกเสื้อคลุมขึ้นปิดหน้า และออกไปยืนอยู่ตรงปากถ้ำ

มีเสียงหนึ่งกล่าวกับเขาว่า “เอลียาห์เอ๋ย เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?”

เขาทูลตอบว่า “ข้าพระองค์กระตือรือร้นทุ่มเททำงานเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ชนอิสราเอลได้ละทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ รื้อแท่นบูชาของพระองค์ สังหารผู้เผยพระวจนะของพระองค์ด้วยคมดาบ เหลือข้าพระองค์เพียงคนเดียว และบัดนี้พวกเขากำลังพยายามฆ่าข้าพระองค์อีกด้วย”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงกลับไปตามทางที่เจ้ามา แล้วไปยังถิ่นกันดารแห่งดามัสกัส เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น จงเจิมตั้งฮาซาเอลให้เป็นกษัตริย์แห่งอารัม ทั้งเจิมตั้งเยฮูบุตรนิมชีให้เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล แล้วเจิมตั้งเอลีชาบุตรชาฟัทจากอาเบลเมโหลาห์ให้เป็นผู้เผยพระวจนะสืบต่อจากเจ้า ผู้ใดหนีรอดจากคมดาบของฮาซาเอลจะถูกเยฮูฆ่า และผู้ใดหนีรอดจากคมดาบของเยฮูจะถูกเอลีชาฆ่า แต่เราจะเก็บรักษาคนเจ็ดพันคนที่ไม่ได้คุกเข่ากราบไหว้หรือจูบพระบาอัลไว้ในอิสราเอล”

ทรงเรียกเอลีชา

เอลียาห์จึงไปจากที่นั่น พบเอลีชาบุตรชาฟัทกำลังไถนา โดยมีวัวเทียมไถสิบสองคู่ เขาอยู่ที่ปลายแถวกับวัวคู่ที่สิบสอง เอลียาห์จึงตรงเข้าไปหาและเหวี่ยงเสื้อคลุมห่มให้เอลีชา เอลีชาปล่อยวัวไว้ตรงนั้นและวิ่งตามเอลียาห์ แล้วกล่าวว่า “ขอให้ข้าพเจ้าไปจูบลาบิดามารดาก่อน แล้วจะติดตามท่านไป”

เอลียาห์ตอบว่า “ไปเถิด แต่อย่าลืมว่าเราได้ทำอะไรแก่เจ้า?”

เอลีชาจึงกลับไปฆ่าวัว เอาเนื้อมาทำอาหาร ใช้คันไถทำเป็นฟืน และแจกจ่ายเนื้อให้คนทั้งหลายรับประทานกัน จากนั้นเอลีชาก็ติดตามเอลียาห์ไปในฐานะผู้ช่วยของเขา

Read More of 1พงศ์กษัตริย์ 19