โยชูวา 13:1-33, โยชูวา 14:1-15 TNCV

โยชูวา 13:1-33

ดินแดนที่ยังต้องเข้ายึดครอง

เมื่อโยชูวาแก่ลง ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “เจ้าแก่มากแล้ว และยังมีดินแดนอีกมากที่จะต้องพิชิต

“ดินแดนซึ่งยังจะต้องเข้ายึดครองได้แก่ ดินแดนทั้งหมดของชาวฟีลิสเตียและเกชูร์ ดินแดนซึ่งนับเป็นของชาวคานาอัน จากแม่น้ำชิโหร์ทางตะวันออกของอียิปต์ถึงพรมแดนของเอโครนทางเหนือ (นครทั้งห้าของฟีลิสเตียได้แก่ กาซา อัชโดด อัชเคโลน กัท และเอโครน นี่คือดินแดนของชาวอัฟวิม) จากทางใต้ ดินแดนทั้งหมดของชาวคานาอัน จากอาราห์ของชาวไซดอนจนถึงอาเฟค ตรงพรมแดนของชาวอาโมไรต์ ดินแดนของชาวเกบาล13:5 คือ ดินแดนแห่งไบบลอส เลบานอนทั้งหมดไปทางตะวันออก จากบาอัลกาดเชิงภูเขาเฮอร์โมนถึงเลโบฮามัท13:5 หรือถึงทางเข้าสู่ฮามัท

“สำหรับคนที่อาศัยในเขตภูเขาจากเลบานอนถึงมิสเรโฟทมาอิมคือชาวไซดอนทั้งปวง เราเองจะขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าอิสราเอล จงแบ่งดินแดนเหล่านี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ และแบ่งดินแดนเหล่านี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเก้าเผ่ากับเผ่ามนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า”

การแบ่งดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

สำหรับเผ่ารูเบน กาด และเผ่ามนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าได้รับกรรมสิทธิ์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยกให้ก่อนแล้ว

กรรมสิทธิ์นั้นเริ่มจากดินแดนอาโรเออร์ริมโกรกธารอารโนน จากเมืองซึ่งอยู่ตอนกลางของโกรกธารนี้รวมถึงที่ราบสูงเมเดบาทั้งหมดจนถึงดีโบน และเมืองทั้งหมดของสิโหนกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ซึ่งครองเฮชโบนไปจนจดพรมแดนของชาวอัมโมน และครอบคลุมกิเลอาดอาณาเขตของชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ บริเวณภูเขาเฮอร์โมนทั้งหมด บาชานทั้งหมดจนจดสาเลคาห์ กล่าวคืออาณาเขตทั้งสิ้นของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ซึ่งครองอัชทาโรทและเอเดรอี เขาผู้นี้เป็นหนึ่งในเรฟาอิมกลุ่มสุดท้าย โมเสสพิชิตพวกเขาและเข้ายึดครองดินแดน แต่ชนอิสราเอลไม่ได้ขับไล่ชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ออกไป พวกเขาจึงยังคงอาศัยอยู่ในหมู่ชนอิสราเอลจนถึงทุกวันนี้

สำหรับเผ่าเลวี โมเสสไม่ได้มอบดินแดนใดๆ ให้ เพราะพวกเขาได้รับเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ตามที่ทรงสัญญาแก่เขา

ดินแดนซึ่งโมเสสยกให้เผ่ารูเบนตามแต่ละตระกูล ได้แก่

ดินแดนจากอาโรเออร์ริมโกรกธารอารโนน จากเมืองซึ่งอยู่ตอนกลางของโกรกธารไปจนถึงที่ราบทั้งหมดเลยเมเดบา จดเฮชโบน และเมืองทั้งหมดบนที่ราบนั้น รวมทั้งดีโบน บาโมทบาอัล เบธบาอัลเมโอน ยาฮาส เคเดโมท เมฟาอาท คีริยาธาอิม สิบมาห์ เศเรทชาหาร์บนภูเขาในหุบเขานั้น เบธเปโอร์ ลาดเขาปิสกาห์ และเบธเยชิโมท คือเมืองทั้งหมดบนที่ราบสูงและอาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์สิโหนแห่งอาโมไรต์ ผู้ครอบครองอยู่ในเฮชโบน ซึ่งถูกโมเสสพิชิตพร้อมกษัตริย์อื่นๆ ของมีเดียนคือเอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์ และเรบา ผู้เป็นพันธมิตรของสิโหน ซึ่งอาศัยอยู่ในถิ่นนั้น ประชากรอิสราเอลยังได้ประหารผู้ทำนายบาลาอัมบุตรเบโอร์ด้วย ชายฝั่งแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนของรูเบน เมืองกับหมู่บ้านเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่ารูเบน แบ่งตามตระกูล

ดินแดนซึ่งโมเสสยกให้เผ่ากาดตามแต่ละตระกูล ได้แก่

เขตแดนยาเซอร์ เมืองทั้งหมดของกิเลอาด และครึ่งหนึ่งของดินแดนของชาวอัมโมน ไกลถึงอาโรเออร์ใกล้รับบาห์ และจากเฮชโบนถึงรามัทมิสปาห์และเบโทนิม และจากมาหะนาอิมถึงเขตแดนเดบีร์ และในหุบเขาได้แก่ เบธฮารัม เบธนิมราห์ สุคคท และศาโฟน ดินแดนส่วนที่เหลือของกษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบน (ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ขึ้นไปจดทะเลคินเนเรท13:27 คือ กาลิลี) เมืองกับหมู่บ้านเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่ากาดแบ่งตามตระกูล

ดินแดนซึ่งโมเสสยกให้เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือครึ่งหนึ่งของครอบครัวที่เป็นลูกหลานของมนัสเสห์ตามแต่ละตระกูล ได้แก่

ดินแดนจากมาหะนาอิม ครอบคลุมบาชานทั้งหมดซึ่งเป็นอาณาจักรทั้งสิ้นของกษัตริย์โอกแห่งบาชานและเมืองทั้งหกสิบแห่งในแว่นแคว้นยาอีร์ในบาชาน ครึ่งหนึ่งของกิเลอาด อัชทาโรท และเอเดรอี (ซึ่งเป็นเมืองเอกของกษัตริย์โอกในบาชาน) ให้แก่ลูกหลานครึ่งหนึ่งของวงศ์วานมาคีร์ ซึ่งเป็นบุตรของมนัสเสห์แบ่งตามตระกูล

ทั้งหมดนี้คือกรรมสิทธิ์ซึ่งโมเสสแบ่งสรรให้ ขณะอยู่ในที่ราบโมอับบนฝั่งแม่น้ำจอร์แดนด้านตะวันออกของเมืองเยรีโค แต่โมเสสไม่ได้มอบกรรมสิทธิ์ใดๆ แก่เผ่าเลวี เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขาตามที่ทรงสัญญาไว้

Read More of โยชูวา 13

โยชูวา 14:1-15

การแบ่งดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน

ทั้งหมดนี้คือดินแดนในคานาอันที่ชนอิสราเอลได้รับกรรมสิทธิ์ ซึ่งปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน และหัวหน้าตระกูลของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลเป็นผู้แบ่งสรรให้ พวกเขาทอดสลากแบ่งสรรกรรมสิทธิ์ในหมู่เก้าเผ่าครึ่ง ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้ผ่านทางโมเสส โมเสสได้มอบดินแดนทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนให้แก่สองเผ่าครึ่งเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว แต่เผ่าเลวีไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ใดๆ ท่ามกลางเผ่าที่เหลือ เพราะลูกหลานของโยเซฟได้กลายเป็นสองเผ่า คือเผ่ามนัสเสห์และเผ่าเอฟราอิม ชนเลวีไม่ได้รับดินแดนใดๆ เว้นแต่เมืองสำหรับอาศัยและทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของพวกเขา ดังนั้นชนอิสราเอลจึงแบ่งดินแดนกันตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

ให้เมืองเฮโบรนแก่คาเลบ

ครั้งนั้นคนเผ่ายูดาห์เข้าพบโยชูวาที่กิลกาล และคาเลบบุตรเยฟุนเนห์คนเคนัสกล่าวว่า “ท่านทราบแล้วที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสคนของพระเจ้าที่คาเดชบารเนียเกี่ยวกับท่านและข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอายุสี่สิบปีเมื่อโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่งข้าพเจ้าจากคาเดชบารเนียไปสำรวจดินแดน และข้าพเจ้ากลับมารายงานตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า พี่น้องที่ไปกับเราทำให้ประชากรเสียขวัญ แต่ส่วนข้าพเจ้าติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ โมเสสจึงปฏิญาณกับข้าพเจ้าในวันนั้นว่า ‘ดินแดนส่วนที่เจ้าเหยียบย่างเข้าไปนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้ากับลูกหลานของเจ้าตลอดไป เพราะเจ้าได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างสุดใจ’ บัดนี้เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้ พระองค์ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าอยู่รอดมา 45 ปีนับแต่พระองค์ตรัสกับโมเสสเมื่อครั้งที่อิสราเอลรอนแรมอยู่ในถิ่นกันดาร เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าก็อายุ 85 ปีแล้ว! ข้าพเจ้ายังคงแข็งแรงเหมือนเมื่อครั้งโมเสสใช้ให้เราเดินทางไป ข้าพเจ้ายังแข็งขันในการสู้รบเท่าๆ กับในตอนนั้น ฉะนั้นขอให้ท่านยกดินแดนเทือกเขาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับข้าพเจ้าในวันนั้น ท่านเองก็ได้ยินแล้วว่ามนุษย์ยักษ์อานาคอาศัยอยู่ที่นั่น เมืองของเขาใหญ่โต มีปราการแน่นหนา แต่หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วย ข้าพเจ้าจะขับไล่พวกเขาออกไปตามที่พระองค์ตรัส”

แล้วโยชูวาจึงอวยพรคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ และมอบเฮโบรนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ดังนั้นเฮโบรนจึงเป็นของคาเลบบุตรเยฟุนเนห์คนเคนัสตั้งแต่นั้นมา เพราะคาเลบได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลอย่างสุดใจ (เฮโบรนเคยมีชื่อว่าคีริยาทอารบา ตามชื่อของอารบาผู้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกอานาค)

แล้วแผ่นดินนั้นก็สงบว่างเว้นจากสงคราม

Read More of โยชูวา 14