โซโลมอนทูลขอสติปัญญา
(2พศด.1:2-13)
1โซโลมอนทรงเจริญพระราชไมตรีกับฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์และอภิเษกกับพระธิดาองค์หนึ่งของฟาโรห์ พระองค์ทรงพาพระนางมาประทับในเมืองดาวิดจนกระทั่งการก่อสร้างพระราชวัง พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็มเสร็จเรียบร้อย 2แต่ว่าประชาชนยังคงถวายเครื่องบูชาที่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายเพราะพระวิหารเพื่อพระนามพระยาห์เวห์ยังไม่ได้สร้างขึ้น 3โซโลมอนทรงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของดาวิดราชบิดา เว้นแต่ยังทรงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย
4พระองค์เสด็จไปยังกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องบูชา เพราะที่นั่นเป็นสถานบูชาบนที่สูงที่สำคัญที่สุด ทรงถวายสัตว์หนึ่งพันตัวเป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นนั้น 5องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่โซโลมอนที่กิเบโอนในความฝันยามค่ำคืน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิ่งที่เจ้าต้องการเถิด แล้วเราจะให้เจ้า”
6โซโลมอนกราบทูลว่า “พระองค์ได้ทรงสำแดงพระกรุณาอย่างยิ่งต่อผู้รับใช้ของพระองค์คือดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ เนื่องจากเสด็จพ่อทรงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ มีใจชอบธรรมและซื่อตรง และพระองค์ยังคงสำแดงพระกรุณาเดียวกันนี้ต่อเสด็จพ่อสืบมาจนถึงวันนี้ โดยให้บุตรคนหนึ่งครองราชบัลลังก์
7“ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้ทรงโปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเสด็จพ่อดาวิด แต่ข้าพระองค์ยังเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่รู้วิธีปฏิบัติภาระหน้าที่ 8ผู้รับใช้ของพระองค์อยู่ท่ามกลางประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมากมายเหลือคณานับ 9ฉะนั้นขอทรงโปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีความคิดฉลาดหลักแหลม เพื่อจะปกครองประชากรของพระองค์ และรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี เพราะใครเล่าจะสามารถปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์นี้ได้?”
10องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่โซโลมอนทูลขอเช่นนี้ 11ดังนั้นพระเจ้าจึงตรัสกับโซโลมอนว่า “เนื่องจากเจ้าขออย่างนี้ ไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว หรือทรัพย์สมบัติสำหรับตัวเอง หรือชีวิตศัตรูของเจ้า แต่ขอให้มีความฉลาดหลักแหลมเพื่อผดุงความยุติธรรม 12เราจะให้ตามที่เจ้าขอ เราจะให้เจ้ามีสติปัญญาและความฉลาดหลัดแหลมอย่างที่ไม่เคยมี และจะไม่มีใครเสมอเหมือนเจ้า 13ยิ่งกว่านั้นเราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขออีกด้วย คือทรัพย์สมบัติและเกียรติ เพื่อที่จะไม่มีกษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือนตลอดชีวิตของเจ้า 14และหากเจ้าดำเนินในทางของเรา ปฏิบัติตามคำสั่งและกฎเกณฑ์ของเราเหมือนดาวิดบิดาของเจ้า เราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว” 15แล้วโซโลมอนก็ตื่นบรรทมและตระหนักว่าได้ทรงฝันไป
พระองค์เสด็จกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม ทรงยืนอยู่หน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชา จากนั้นทรงจัดงานเลี้ยงให้ข้าราชสำนักทั้งปวง
การตัดสินคดีอย่างมีปัญญา
16มีหญิงโสเภณีสองคนมาเข้าเฝ้ากษัตริย์โซโลมอน 17คนหนึ่งทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ หม่อมฉันกับหญิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน นางอยู่ด้วยเมื่อหม่อมฉันคลอดลูก 18พอลูกอายุได้สามวัน ผู้หญิงคนนี้ก็คลอดลูกด้วยเช่นกัน มีเพียงเราสองคนอยู่ในบ้าน ไม่มีคนอื่น
19“ลูกชายของหญิงคนนี้ตายไปตอนกลางคืนเพราะถูกนางนอนทับ 20แล้วนางตื่นขึ้นมากลางดึก ขณะที่หม่อมฉันหลับอยู่ นางเอาลูกชายของหม่อมฉันออกไปจากข้างตัว ไปนอนแนบอก และเอาลูกของนางที่ตายแล้วมาไว้แนบอกของหม่อมฉัน 21เช้าวันรุ่งขึ้นหม่อมฉันตื่นขึ้นจะให้นมลูก ก็พบว่าลูกตายแล้ว พอสว่างหม่อมฉันเพ่งดู จึงเห็นว่าไม่ใช่ลูกของหม่อมฉัน”
22หญิงอีกคนพูดขึ้นว่า “นั่นแหละเป็นลูกของเธอ ส่วนเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นลูกของฉัน”
แต่หญิงคนแรกยืนยันว่า “ไม่ใช่ ลูกที่ตายแล้วเป็นของเธอ ลูกที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นของฉัน” แล้วทั้งสองคนก็เถียงกันต่อหน้ากษัตริย์
23กษัตริย์ตรัสว่า “คนนี้ก็ว่า ‘ลูกฉันยังอยู่ ลูกเธอตายแล้ว’ คนนั้นก็ว่า ‘ไม่ใช่ ลูกเธอตายแล้ว ลูกฉันสิยังอยู่’ ”
24แล้วกษัตริย์ตรัสว่า “เอาดาบมาให้เราสักเล่มสิ” ก็มีผู้นำดาบมาถวาย 25กษัตริย์ตรัสสั่งว่า “จงฟันเด็กคนที่ยังมีชีวิตอยู่ออกเป็นสองท่อน แบ่งให้ผู้หญิงสองคนนี้คนละท่อน”
26หญิงที่เป็นแม่ของเด็กนั้นจริงๆ สงสารลูกจับใจ จึงทูลกษัตริย์ว่า “อย่าเลยพระองค์เจ้าข้า ยกลูกให้นางไปเถิด อย่าฆ่าลูกเลย!”
แต่อีกคนพูดว่า “ฟันเป็นสองท่อนเลย จะได้ไม่ต้องเป็นของเธอหรือของฉัน!”
27กษัตริย์จึงตรัสว่า “อย่าฆ่าเด็กนั้นเลย จงมอบเขาให้กับหญิงคนที่ต้องการให้เด็กมีชีวิตอยู่ เพราะเธอนั่นแหละเป็นแม่”
28เมื่อชนชาติอิสราเอลทั้งปวงได้รู้ถึงคำตัดสินของกษัตริย์ ก็ยำเกรงพระองค์ เพราะเห็นว่าทรงมีสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อผดุงความยุติธรรม
1Salomo ingick en allians med farao, kungen i Egypten, och gifte sig med hans dotter. Han tog henne med sig till Davids stad, där hon bodde tills han hade byggt färdigt sitt palats, Herrens hus och muren runt Jerusalem.
2Folket offrade på höjderna eftersom något tempel åt Herrens namn ännu inte var byggt.
Salomo ber om vishet
(2 Krön 1:3-12)
3Salomo visade sin kärlek till Herren genom att följa de stadgar han fått av sin far David, bortsett från att han fortsatte att offra på höjderna och tända rökelse där. 4Den främsta offerplatsen fanns i Givon och dit gick kungen och bar fram 1 000 brännoffer på altaret där.
5I Givon uppenbarade sig Herren för Salomo en natt i en dröm och sa: ”Be mig om vad du vill, så ska du få det!”
6Salomo svarade: ”Du har visat stor nåd mot din tjänare David, min far, därför att han var trogen mot dig och rättfärdig och uppriktig i sitt hjärta. Du har fortsatt att visa samma stora nåd genom att ge honom en son som nu sitter på hans tron. 7Herre min Gud, nu har du gjort mig till kung efter min far David, men jag är ju oerfaren som ett barn och vet oftast inte hur jag ska handla. 8Du har satt mig, din tjänare, över ditt utvalda folk, en nation så stor att man inte kan räkna dem. 9Ge mig, din tjänare, nu ett lydigt hjärta och ett sådant förstånd att jag kan regera på rätt sätt över ditt folk och förstå skillnaden mellan rätt och orätt! För vem kan styra ditt folk som är så stort?”
10Herren var mycket nöjd med och glad över att Salomo bad om detta. 11Gud svarade honom: ”Därför att du bad om detta och inte om ett långt liv, rikedom för egen del eller dina fienders undergång, utan bad om förmåga att urskilja vad som är rätt, 12ja, därför ska jag ge dig vad du har bett om. Jag ska ge dig större vishet än någon annan någonsin haft eller kommer att få. 13Jag ska dessutom ge dig vad du inte bad om, nämligen ära och rikedom. Ingen i hela världen ska under din livstid bli din like bland kungar, 14och om du vandrar på mina vägar och lyder mina lagar som din far David gjorde, så ska jag låta dig få leva länge.”
15Sedan vaknade Salomo och förstod att det varit en dröm.
Han återvände till Jerusalem och ställde sig framför Herrens förbundsark. Där bar han fram brännoffer och gemenskapsoffer, och sedan inbjöd han hela hovet till en fest.
Salomo visar prov på sin vishet
16Två prostituerade kvinnor kom till kungen och trädde fram inför honom.
17”Hör, min herre, vi bor båda i samma hus”, började en av dem. ”Jag fick ett barn och hon var också där i huset. 18Tredje dagen efter att mitt barn fötts fick den här kvinnan också ett barn. Vi var ensamma och det var inga andra i huset. 19Men hennes barn dog när hon i sömnen råkade lägga sig på det. 20Då gick hon upp mitt i natten när jag, din tjänarinna, sov, tog min son som låg bredvid mig till sig och lade det döda barnet i mina armar. 21På morgonen när jag skulle ge mitt barn mat, upptäckte jag att det var dött, men när jag såg närmare på det på morgonen, såg jag att det inte var det barn jag fött.”
22Den andra kvinnan sa: ”Det var visst hennes egen son och barnet som lever är mitt!” Men den första stod på sig: ”Nej, det döda barnet är ditt och det som lever är mitt!” På det sättet grälade de alltså inför kungen.
23Då sa kungen: ”Den ena säger att det levande barnet är hennes och att det döda barnet tillhör den andra. Den andra säger att det levande barnet är hennes och det döda den andras. 24Ge mig nu ett svärd!” Man hämtade ett svärd till kungen. 25”Hugg det levande barnet i två delar och låt de båda kvinnorna få var sin del”, sa kungen.
26Barnets mor som fylldes av kärlek till sin son, utropade då: ”Nej, min herre! Ge henne barnet i stället! Döda det inte!” ”Nej, varken du eller jag ska ha honom”, sa den andra kvinnan. ”Dela honom mitt itu!”
27Då befallde kungen: ”Ge den levande pojken till den första kvinnan! Hon är hans mor.”
28Över hela Israel fick man höra talas om den dom kung Salomo avkunnade och alla visade honom vördnad, för de insåg vilken vishet Gud hade gett honom.
