โยชูวา 22 – TNCV & NAV

Thai New Contemporary Bible

โยชูวา 22:1-34

เผ่าทางด้านตะวันออกกลับบ้าน

1แล้วโยชูวาเรียกชุมนุมเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า 2และกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายได้ทำทุกสิ่งตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ และเชื่อฟังคำสั่งของข้าพเจ้าทุกอย่าง 3ท่านไม่ได้ละทิ้งพี่น้อง แต่ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบหมายมาเป็นเวลานานจนถึงทุกวันนี้ 4บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงโปรดประทานการหยุดพักแก่พี่น้องของท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ ฉะนั้นจงกลับไปยังบ้านของท่านในดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้ท่านแล้ว 5แต่จงตั้งใจปฏิบัติตามบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบไว้กับท่าน คือจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ จงปฏิบัติตามพระบัญชา จงยึดมั่นในพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจเถิด”

6โยชูวาจึงอวยพรพวกเขาและส่งกลับไปยังดินแดนของเขา 7(โมเสสได้มอบดินแดนบาชานให้เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่า โยชูวาได้มอบดินแดนทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้ครอบครองร่วมกับพี่น้องเผ่าอื่นๆ) โยชูวาส่งพวกเขากลับบ้านและอวยพรพวกเขา 8พร้อมทั้งกล่าวว่า “จงกลับบ้านไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย ทั้งฝูงสัตว์ เงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก พร้อมทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์จำนวนมาก และจงแบ่งทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากศัตรูให้แก่พี่น้องของท่าน”

9ดังนั้นบรรดาคนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงจากชนอิสราเอลที่ชิโลห์ในคานาอัน เพื่อกลับสู่กิเลอาดอันเป็นดินแดนกรรมสิทธิ์ของตนซึ่งได้มาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาผ่านทางโมเสส

10เมื่อพวกเขามาถึงเกลีโลทใกล้แม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินคานาอัน ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้สร้างแท่นบูชาขนาดใหญ่ขึ้นใกล้ๆ แม่น้ำจอร์แดนนั้น 11เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินว่าพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่เกลีโลท ชายแดนคานาอันใกล้แม่น้ำจอร์แดนในเขตแดนอิสราเอล 12ประชากรอิสราเอลทั้งหมดก็มาชุมนุมกันที่ชิโลห์เตรียมรบกับพวกเขา

13ดังนั้นชนอิสราเอลจึงส่งฟีเนหัสบุตรปุโรหิตเอเลอาซาร์มายังดินแดนกิเลอาดเพื่อพบเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้น 14มีผู้นำสิบคนจากสิบเผ่าของอิสราเอลมาด้วย แต่ละคนเป็นหัวหน้าครอบครัวจากตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอล

15เมื่อพวกเขามาถึงกิเลอาดก็กล่าวกับเผ่ารูเบน กาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้นว่า 16“ชุมนุมประชากรทั้งสิ้นขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เหตุใดท่านจึงทรยศต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอลเช่นนี้? ท่านถือดีอย่างไรจึงบังอาจหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและสร้างแท่นบูชาของตัวเองเป็นการกบฏต่อพระองค์ในตอนนี้? 17ยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือกับบาปของเราที่เปโอร์? ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ได้ชำระตนเองจากบาปนั้น ทั้งๆ ที่ภัยพิบัติตกแก่ชุมชนขององค์พระผู้เป็นเจ้า! 18และบัดนี้ท่านกำลังหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกหรือ?

“ ‘หากท่านกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์จะทรงพระพิโรธชุมชนอิสราเอลทั้งหมด 19หากแผ่นดินที่ท่านครอบครองเป็นมลทิน ก็จงข้ามมายังดินแดนขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ซึ่งพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่ มาแบ่งปันดินแดนกับเรา แต่อย่าได้กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือต่อพวกเราโดยสร้างแท่นบูชาของตนเอง นอกเหนือจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา 20เมื่ออาคานบุตรเศราห์ทุจริตเรื่องของต้องอุทิศถวาย22:20 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไป พระพิโรธตกอยู่แก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตายไปเพราะบาปนั้น’ ”

21แล้วชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงตอบบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลว่า 22“องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! พระองค์ทรงทราบ! และอิสราเอลจงทราบเถิด! หากนี่เป็นการกบฏหรือไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ก็อย่าไว้ชีวิตเราเลย 23หากเราสร้างแท่นบูชาของเราเอง เพื่อหันเหจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องสันติบูชาบนแท่น ก็ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับเราด้วยพระองค์เองเถิด

24“เปล่าเลย! เราสร้างแท่นนี้ขึ้นมาก็เพราะเราเกรงว่าในอนาคตลูกหลานของท่านอาจจะกล่าวกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านมีสิทธิ์อะไรในการนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล? 25องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนกั้นระหว่างเรากับท่าน พวกท่าน คนรูเบนและกาด! ไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’ แล้วลูกหลานของท่านจะทำให้ลูกหลานของเราเลิกยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

26“ฉะนั้นเราจึงกล่าวว่า ‘ให้เราเตรียมพร้อมและสร้างแท่นบูชาขึ้น ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาต่างๆ’ 27แต่ตรงกันข้าม แท่นนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับท่านและคนรุ่นต่อๆ ไปว่าเราจะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา และเครื่องถวายต่างๆ ของเราที่สถานนมัสการของพระองค์ แล้วในอนาคตลูกหลานของท่านไม่อาจพูดกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’

28“และพวกเรากล่าวว่า ‘หากพวกเขากล่าวเช่นนี้กับเราหรือลูกหลานของเรา เราก็จะตอบว่าดูแท่นบูชาจำลองขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งบรรพบุรุษของเราได้สร้างขึ้นสิ ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องบูชาหรือเครื่องเผาบูชา แต่เป็นพยานระหว่างเรากับท่าน’

29“ขอให้การนั้นห่างไกลจากเราเถิด ในวันนี้เราจะไม่กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือหันเหจากพระองค์ โดยสร้างแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องบูชาต่างๆ แทนที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่หน้าพลับพลาของพระองค์”

30เมื่อปุโรหิตฟีเนหัสและผู้นำทั้งปวงของชุมชนซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอลได้ยินคำกล่าวจากเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์เช่นนี้ก็พอใจ 31ปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ตอบชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ว่า “วันนี้เรารู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเรา เพราะว่าท่านไม่ได้ทำผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องนี้ บัดนี้ท่านได้ช่วยชนอิสราเอลให้พ้นจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

32แล้วปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำจึงกลับจากการพบกับชนเผ่ารูเบนและกาดในกิเลอาด มายังคานาอันและรายงานชนอิสราเอล 33พวกเขาพากันดีใจที่ได้ฟังเรื่องราวและสรรเสริญพระเจ้า และพวกเขาไม่ได้พูดกันถึงเรื่องจะสู้รบเพื่อทำลายดินแดนของเผ่ารูเบนและกาดอีก

34ชนเผ่ารูเบนและกาดตั้งชื่อแท่นนั้นว่า “พยานระหว่างเราว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า”

Ketab El Hayat

يشوع 22:1-34

رجوع الأسباط الشرقية إلى مواطنها

1ثُمَّ اسْتَدْعَى يَشُوعُ الرَّأُوبَيْنِيِّينَ وَالْجَادِيِّينَ وَنِصْفَ سِبْطِ مَنَسَّى، 2وَقَالَ لَهُمْ: «لَقَدْ وَفَيْتُمْ بِكُلِّ مَا أَوْصَاكُمْ بِهِ مُوسَى عَبْدُ الرَّبِّ، وَأَطَعْتُمْ كَلامِي فِي كُلِّ مَا أَمَرْتُكُمْ بِهِ. 3وَلَمْ تَتَخَلَّوْا عَنْ إِخْوَتِكُمْ طَوَالَ هَذِهِ الأَيَّامِ الْكَثِيرَةِ حَتَّى هَذِهِ اللَّحْظَةِ، بَلْ نَفَّذْتُمُ الْمُهِمَّةَ الَّتِي أَوْكَلَهَا إِلَيْكُمُ الرَّبُّ. 4وَهَا الرَّبُّ إِلَهُكُمُ الآنَ قَدْ أَرَاحَ إِخْوَتَكُمْ كَمَا وَعَدَهُمْ، فَانْصَرِفُوا إِلَى خِيَامِكُمْ وَإِلَى أَرْضِ مِلْكِكُمُ الَّتِي وَهَبَهَا لَكُمْ مُوسَى عَبْدُ الرَّبِّ فِي شَرْقِيِّ الأُرْدُنِّ. 5إِنَّمَا احْرِصُوا جِدّاً عَلَى مُمَارَسَةِ الْوَصِيَّةِ وَالشَّرِيعَةِ الَّتِي أَمَرَكُمْ بِها مُوسَى عَبْدُ الرَّبِّ، وَهِيَ أَنْ تُحِبُّوا الرَّبَّ إِلَهَكُمْ وَتَسْلُكُوا فِي كُلِّ سُبُلِهِ وَتُطِيعُوا وَصَايَاهُ وَتَتَمَسَّكُوا بِهِ وَتَعْبُدُوهُ مِنْ كُلِّ قُلُوبِكُمْ وَنُفُوسِكُمْ». 6ثُمَّ بَارَكَهُمْ يَشُوعُ وَأَطْلَقَهُمْ، فَمَضَوْا إِلَى خِيَامِهِمْ.

7وَكَانَ مُوسَى قَدْ وَهَبَ لِنِصْفِ سِبْطِ مَنَسَّى مِلْكاً فِي بَاشَانَ، أَمَّا نِصْفُهُ الآخَرُ فَقَدْ أَعْطَاهُمْ يَشُوعُ مِيرَاثاً مَعَ إِخْوَتِهِمْ غَرْبِيَّ نَهْرِ الأُرْدُنِّ. وَعِنْدَمَا أَطْلَقَهُمْ يَشُوعُ أَيْضاً إِلَى خِيَامِهِمْ بَارَكَهُمْ 8وَقَالَ لَهُمْ: «ارْجِعُوا إِلَى خِيَامِكُمْ بِغَنَائِمَ كَثِيرَةٍ وَبِمَوَاشٍ وَفِيرَةٍ وَبِفِضَّةٍ وَذَهَبٍ وَنُحَاسٍ وَحَدِيدٍ وَمَلابِسَ كَثِيرَةٍ جِدّاً، تَقَاسَمُوا غَنِيمَةَ أَعْدَائِكُمْ مَعَ إِخْوَتِكُمْ». 9فَرَجَعَ أَبْنَاءُ رَأُوبَيْنَ وَأَبْنَاءُ جَادٍ وَنِصْفُ سِبْطِ مَنَسَّى مِنْ عِنْدِ بَنِي إِسْرَائِيلَ مِنْ شِيلُوهَ الْوَاقِعَةِ فِي أَرْضِ كَنْعَانَ، إِلَى أَرْضِ جِلْعَادَ، أَرْضِ مِيرَاثِهِمِ الَّتِي امْتَلَكُوهَا حَسَبَ وَعْدِ الرَّبِّ عَلَى لِسَانِ مُوسَى. 10وَعِنْدَمَا وَصَلَ رِجَالُ سِبْطَيْ رَأُوبَيْنَ وَجَادٍ وَنِصْفِ سِبْطِ مَنَسَّى حَوْضَ الأُرْدُنِّ فِي أَرْضِ كَنْعَانَ، شَيَّدُوا عَلَى ضَفَّةِ نَهْرِ الأُرْدُنِّ مَذْبَحاً رَائِعَ الْمَنْظَرِ. 11فَقِيلَ لِبَنِي إِسْرَائِيلَ: «هَا قَدْ بَنَى أَبْنَاءُ رَأُوبَيْنَ وَجَادٍ وَأَبْنَاءُ نِصْفِ سِبْطِ مَنَسَّى مَذْبَحاً فِي حَوْضِ نَهْرِ الأُرْدُنِّ مُقَابِلَ جَانِبِنَا مِنَ النَّهْرِ». 12فَاحْتَشَدَ كُلُّ رِجَالِ إِسْرَائِيلَ فِي شِيلُوهَ مُتَأَهِّبِينَ لِمُحَارَبَتِهِمْ.

13وَأَرْسَلُوا فِينْحَاسَ بْنَ أَلِعَازَارَ الْكَاهِنَ إِلَى أَبْنَاءِ رَأُوبَيْنَ وَأَبْنَاءِ جَادٍ وَأَبْنَاءِ نِصْفِ مَنَسَّى فِي أَرْضِ جِلْعَادَ 14عَلَى رَأْسِ وَفْدٍ مِنْ عَشْرَةِ زُعَمَاءَ يُمَثِّلُ كُلُّ زَعِيمٍ مِنْهُمْ سِبْطاً مِنْ أَسْبَاطِ إِسْرَائِيلَ. 15وَعِنْدَمَا وَصَلُوا إِلَى جِلْعَادَ قَالُوا لَهُمْ: 16«هَذَا مَا تَقُولُهُ لَكُمْ كُلُّ جَمَاعَةِ الرَّبِّ: مَا هَذِهِ الْخِيَانَةُ الَّتِي ارْتَكَبْتُمُوهَا فِي حَقِّ إِلَهِ إِسْرَائِيلَ فَارْتَدَدْتُمْ عَنِ الرَّبِّ وَبَنَيْتُمْ لأَنْفُسِكُمْ مَذْبَحاً، مُتَمَرِّدِينَ بِذَلِكَ عَلَى الرَّبِّ؟ 17أَلَمْ يَكْفِنَا إِثْمُ فَغُورَ الَّذِي لَمْ نَتَطَهَّرْ مِنْهُ إِلَى هَذَا الْيَوْمِ مُنْذُ أَنْ تَفَشَّى الْوَبَأُ فِي جَمَاعَةِ الرَّبِّ، 18حَتَّى تَرْتَدُّوا أَنْتُمُ الْيَوْمَ عَنِ الرَّبِّ؟ إِذَا تَمَرَّدْتُمُ الْيَوْمَ عَلَى الرَّبِّ فَإِنَّهُ يَسْخَطُ غَداً عَلَى كُلِّ جَمَاعَةِ إِسْرَائِيلَ. 19فَإِنْ كَانَتْ أَرْضُكُمْ نَجِسَةً فَتَعَالَوْا إِلَى أَرْضِ الرَّبِّ، الَّتِي نُصِبَ فِيهَا مَسْكَنُ الرَّبِّ، وَرِثُوا بَيْنَنَا، وَلَكِنْ لَا تَتَمَرَّدُوا عَلَى الرَّبِّ وَلا عَلَيْنَا بِتَشْيِيدِكُمْ لأَنْفُسِكُمْ مَذْبَحاً غَيْرَ مَذْبَحِ الرَّبِّ إِلَهِنَا. 20أَلَمْ يَرْتَكِبْ عَخَانُ بْنُ زَارَحَ خِيَانَةً فَسَرَقَ مَا حَرَّمَهُ اللهُ، فَانْصَبَّ السَّخَطُ عَلَى كُلِّ جَمَاعَةِ إِسْرَائِيلَ وَلَمْ يَكُنْ هُوَ وَحْدَهُ فَقَطْ الَّذِي هَلَكَ مِنْ جَرَّاءِ إِثْمِهِ؟»

21فَأَجَابَهُمْ أَبْنَاءُ رَأُوبَيْنَ وَجَادٍ وَنِصْفِ سِبْطِ مَنَسَّى: 22«إِنَّ الرَّبَّ الْقَدِيرَ هُوَ إِلَهُ كُلِّ الآلِهَةِ؛ إِنَّ الرَّبَّ الْقَدِيرَ هُوَ إِلَهُ كُلِّ الْآلِهَةِ. هُوَ يَعْلَمُ، وَعَلَى شَعْبِ إِسْرَائِيلَ أَنْ يَعْلَمَ أَنَّنَا لَمْ نَبْنِ الْمَذْبَحَ تَمَرُّداً عَلَيْهِ أَوْ خِيَانَةً فِي حَقِّهِ وَإلَّا فَلْيُهْلِكْنَا هَذَا الْيَوْمَ، 23وَلْيُعَاقِبْنَا الرَّبُّ نَفْسُهُ إِنْ كُنَّا قَدْ شَيَّدْنَا هَذَا الْمَذْبَحَ لِلارْتِدَادِ عَنْهُ أَوْ لإِصْعَادِ مُحْرَقَةٍ أَوْ تَقْدِمَةٍ أَوْ تَقْرِيبِ ذَبَائِحِ سَلامٍ عَلَيْهِ. 24إِنَّمَا أَقَمْنَاهُ خَوْفاً مِنْ أَنْ يَقُولَ يَوْماً أَوْلادُكُمْ لأَوْلادِنَا: بِأَيِّ حَقٍّ تَعْبُدُونَ الرَّبَّ إِلَهَ إِسْرَائِيلَ؟ 25لَقَدْ جَعَلَ الرَّبُّ نَهْرَ الأُرْدُنِّ حَدّاً فَاصِلاً بَيْنَكُمْ وَبَيْنَنَا يَا أَبْنَاءَ سِبْطَيْ رَأُوبَيْنَ وَجَادٍ، فَلَيْسَ لَكُمْ نَصِيبٌ فِي الرَّبِّ، وَبِذَلِكَ يَثْنِي أَوْلادُكُمْ أَوْلادَنَا عَنْ تَقْوَى الرَّبِّ. 26وَذَلِكَ مَا جَعَلَنَا نَقُولُ: هَيَّا نَبْنِي مَذْبَحاً، لَا لِنُقَدِّمَ عَلَيْهِ مُحْرَقَةً أَوْ ذَبِيحَةً، 27إِنَّمَا لِيَكُونَ شَاهِداً بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ وَبَيْنَ أَجْيَالِنَا الْقَادِمَةِ بَعْدَنَا، بِأَنَّنَا نَعْبُدُ الرَّبَّ بِذَبَائِحِنَا وَمُحْرَقَاتِنَا وَتَقْدِمَاتِ سَلامِنَا، فَلا يَقُولُ أَبْنَاؤُكُمْ غَداً لأَبْنَائِنَا: لَيْسَ لَكُمْ نَصِيبٌ فِي الرَّبِّ. 28وَقُلْنَا: إِذَا حَدَثَ وَقَالُوا ذَلِكَ لأَجْيَالِنَا غَداً، أَنَّهُمْ يُجِيبُونَهُمْ: انْظُرُوا شِبْهَ مَذْبَحِ الرَّبِّ الَّذِي شَيَّدَهُ آبَاؤُنَا، لَا لِلْمُحْرَقَةِ وَلا لِلذَّبِيحَةِ، بَلْ لِيَكُونَ شَاهِداً بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ. 29فَحَاشَا لَنَا أَنْ نَتَمَرَّدَ عَلَى الرَّبِّ وَنَرْتَدَّ عَنْهُ بِبِنَاءِ مَذْبَحٍ لِلْمُحْرَقَةِ أَوِ التَّقْدِمَةِ أَوِ الذَّبِيحَةِ غَيْرَ مَذْبَحِ الرَّبِّ إِلَهِنَا الْقَائِمِ أَمَامَ مَسْكَنِهِ».

30فَلَمَّا سَمِعَ فِينْحَاسُ الْكَاهِنُ وَقَادَةُ جَمَاعَةِ إِسْرَائِيلَ الْمُرَافِقِينَ لَهُ مَا أَجَابَ بِهِ أَبْنَاءُ سِبْطَيْ رَأُوبَيْنَ وَجَادٍ وَأَبْنَاءُ نِصْفِ سِبْطِ مَنَسَّى، حَظِيَ ذَلِكَ بِرِضَاهُمْ. 31فَقَالَ فِينْحَاسُ بْنُ أَلِعَازَارَ الْكَاهِنُ لَهُمْ: «الْيَوْمَ عَرَفْنَا أَنَّ الرَّبَّ بَيْنَنَا، لأَنَّكُمْ لَمْ تَرْتَكِبُوا هَذِهِ الْخِيَانَةَ بِحَقِّهِ، وَبِذَلِكَ أَنْقَذْتُمْ بَنِي إِسْرَائِيلَ مِنْ عِقَابِ الرَّبِّ». 32وَرَجَعَ فِينْحَاسُ بْنُ أَلِعَازَارَ الْكَاهِنُ وَالرُّؤَسَاءُ عَائِدِينَ مِنْ أَرْضِ جِلْعَادَ إِلَى أَرْضِ كَنْعَانَ حَيْثُ يُقِيمُ الإِسْرَائِيلِيُّونَ وَأَخْبَرُوهُمْ بِجَوَابِهِمْ. 33فَاغْتَبَطَ الإِسْرَائِيلِيُّونَ وَبَارَكُوا الرَّبَّ وَتَخَلَّوْا عَنْ فِكْرَةِ مُحَارَبَةِ الرَّأُوبَيْنِيِّينَ وَالْجَادِيِّينَ وَتَخْرِيبِ أَرْضِهِمْ. 34وَسَمَّى بَنُو رَأُوبَيْنَ وَبَنُو جَادٍ الْمَذْبَحَ «الشَّاهِدَ» لأَنَّهُمْ قَالُوا إِنَّهُ شَاهِدٌ بَيْنَنَا بِأَنَّ الرَّبَّ هُوَ إِلَهُنَا.