อพยพ 12 – TNCV & NAV

Thai New Contemporary Bible

อพยพ 12:1-51

ปัสกา

(ลนต.23:4-8; กดว.28:16-25; ฉธบ.16:1-8)

1องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนในอียิปต์ว่า 2“นับแต่นี้ไป ให้เดือนนี้เป็นเดือนแรกของเจ้า เป็นเดือนแรกของปีสำหรับเจ้า 3จงแจ้งแก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดว่า ในวันที่สิบของเดือนนี้ แต่ละครอบครัวจะคัดลูกแกะ12:3 คำภาษาฮีบรูสามารถหมายถึงลูกแกะหรือลูกสัตว์ก็ได้ เช่นเดียวกับข้อ 4ตัวหนึ่ง 4หรือหากเป็นครอบครัวเล็กมีคนน้อยกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่หมด ก็ให้รวมกับเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ใกล้กันที่สุด เลือกลูกแกะให้เหมาะกับจำนวนคนที่จะกินและตามปริมาณที่แต่ละคนจะกินได้ 5สัตว์ที่เจ้าเลือกนี้อาจจะเอามาจากฝูงแกะหรือแพะ และต้องเป็นตัวผู้อายุหนึ่งปีไม่มีตำหนิ 6จงดูแลมันไว้จนถึงเย็นวันที่สิบสี่ของเดือน ซึ่งเป็นเวลาที่ประชากรของชุมชนอิสราเอลทั้งปวงจะต้องฆ่าลูกแกะในตอนพลบค่ำ 7แล้วให้พวกเขาเอาเลือดบางส่วนทาที่ด้านข้างและด้านบนของวงกบประตูบ้านที่เขากินลูกแกะนั้น 8คืนวันนั้นทุกคนจงกินแกะหรือแพะย่าง ขนมปังไม่ใส่เชื้อ และผักรสขม 9อย่ากินเนื้อทั้งดิบๆ หรือเนื้อต้ม แต่จงย่างทั้งหัว ขา และเครื่องใน 10หากกินไม่หมดในคืนวันนั้น วันรุ่งขึ้นจงเผาส่วนที่เหลือทิ้ง 11ในการกินเลี้ยงนี้ จงสวมชุดเดินทาง คาดเข็มขัด ใส่รองเท้า และถือไม้เท้าไว้ จงกินอย่างเร่งรีบ การฉลองนี้คือปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

12“ในคืนเดียวกันนั้นเราจะไปทั่วอียิปต์และประหารลูกหัวปีทั้งหมดไม่ว่าของคนหรือของสัตว์ และจะลงโทษพระทั้งปวงของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์ 13บ้านที่เจ้าอยู่จะมีเลือดเป็นเครื่องหมายสำหรับเจ้า และเมื่อเรามองเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเจ้าไป จะไม่มีภัยพิบัติใดมาแผ้วพานเจ้าเมื่อเราลงโทษอียิปต์

14“นี่คือวันที่เจ้าต้องรำลึก เจ้าจงถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ 15เจ้าต้องกินขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดเจ็ดวัน ในวันแรกเจ้าจงกำจัดเชื้อออกจากบ้านของเจ้า เพราะผู้ใดกินสิ่งใดที่มีเชื้อจากวันแรกจนถึงวันที่เจ็ดจะถูกตัดออกจากอิสราเอล 16ในวันแรกและวันที่เจ็ดของพิธีฉลอง จัดให้มีการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ อย่าทำงานใดๆ ในสองวันนั้นนอกจากเตรียมอาหารให้ทุกคนรับประทาน นั่นคือทั้งหมดที่เจ้าทำได้

17“จงฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ เพราะวันนี้คือวันที่เรานำหมู่เหล่าของเจ้าออกจากอียิปต์ จงเฉลิมฉลองวันนี้ให้เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ 18ตั้งแต่เย็นวันที่สิบสี่จนถึงเย็นวันที่ยี่สิบเอ็ดของเดือนที่หนึ่ง จงกินแต่ขนมปังไม่ใส่เชื้อ 19ตลอดเจ็ดวันนี้ อย่าให้มีเชื้อทำขนมปังในบ้านของพวกเจ้า และผู้ที่กินสิ่งที่มีเชื้อจะถูกตัดออกจากชุมชนอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็นคนต่างด้าวหรือเป็นคนอิสราเอลโดยกำเนิด 20ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ใด อย่ากินสิ่งใดที่ใส่เชื้อ จงกินแต่ขนมปังไม่ใส่เชื้อเท่านั้น”

21แล้วโมเสสเชิญผู้อาวุโสของอิสราเอลมาทั้งหมดและบอกคนเหล่านั้นว่า “จงไปคัดเลือกลูกแกะหรือลูกแพะจากฝูงมาสำหรับครอบครัวของท่านแล้วฆ่าแกะปัสกานั้น 22จงเอากิ่งหุสบกำหนึ่งจุ่มลงในเลือดลูกแกะที่รองไว้ในอ่าง แล้วทาที่ขอบบนของประตูและที่วงกบประตูทั้งสองด้าน อย่าให้ผู้ใดออกไปนอกประตูบ้านตราบจนรุ่งเช้า 23เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปทั่วดินแดนเพื่อประหารชาวอียิปต์ จะทรงเห็นเลือดที่ขอบบนและที่วงกบประตูทั้งสองด้าน พระองค์จะเสด็จผ่านประตูนั้นไป ไม่ทรงอนุญาตให้เพชฌฆาตเข้าไปในบ้านประหารพวกท่าน

24“จงปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้โดยถือเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับท่านและลูกหลานของท่าน 25เมื่อท่านทั้งหลายเข้าสู่ดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานแก่ท่านตามพระสัญญาแล้ว จงถือปฏิบัติพิธีนี้ 26และเมื่อลูกหลานของท่านถามว่า ‘พิธีนี้มีความหมายอย่างไรสำหรับท่าน?’ 27จงบอกพวกเขาว่า ‘เป็นการเฉลิมฉลองปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงผ่านบ้านของอิสราเอลในอียิปต์ไป เมื่อทรงประหารชาวอียิปต์และทรงละเว้นบ้านของพวกเรา’ ” แล้วประชาชนต่างกราบลงนมัสการ 28ประชากรอิสราเอลได้ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสกับอาโรนทุกประการ

29เที่ยงคืนวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประหารบุตรหัวปีทั้งหมดในอียิปต์ ตั้งแต่ราชบุตรหัวปีของฟาโรห์ผู้ประทับบนบัลลังก์ลงมาจนถึงบุตรชายหัวปีของนักโทษในคุก ตลอดจนลูกหัวปีของสัตว์ทั้งหลายด้วย 30ฟาโรห์และข้าราชการตลอดจนชาวอียิปต์ทั้งปวงตื่นขึ้นมากลางดึก ร้องไห้คร่ำครวญดังระงมไปทั่วอียิปต์เพราะทุกบ้านมีคนตาย

การอพยพ

31ฟาโรห์รับสั่งให้ตามตัวโมเสสกับอาโรนมากลางดึกและตรัสว่า “ไป! เจ้ากับพวกอิสราเอล! จงไปให้พ้นพวกเรา จงไปนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่เจ้าขอไว้ 32เอาฝูงสัตว์ไปอย่างที่ว่าไว้และอวยพรเราด้วย”

33ชาวอียิปต์ต่างเร่งชนอิสราเอลให้รีบออกไปจากประเทศ พวกเขาพูดว่า “ไม่เช่นนั้น เราจะล้มตายกันหมด!” 34ประชากรอิสราเอลเอาแป้งดิบที่ผสมเสร็จแล้วแต่ยังไม่ใส่เชื้อและเอารางนวดแป้งห่อผ้าแบกไปด้วย 35พวกเขาทำตามที่โมเสสบอก และขอเครื่องเงินเครื่องทองและเสื้อผ้าจากชาวอียิปต์ 36องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ชาวอียิปต์ชื่นชอบชาวอิสราเอลและยกข้าวของให้ตามที่พวกเขาขอ ชาวอิสราเอลยึดสิ่งของของชาวอียิปต์ไปด้วยวิธีนี้

37คืนนั้นชาวอิสราเอลราวหกแสนคน ไม่นับผู้หญิงและเด็ก เดินเท้าออกจากเมืองราเมเสสไปยังเมืองสุคคท 38มีชนชาติอื่นๆ มากมายร่วมเดินทางและมีฝูงสัตว์จำนวนมากไปกับพวกเขาด้วย 39เมื่อพวกเขาหยุดพักรับประทานอาหารก็นำแป้งดิบที่ไม่ใส่เชื้อออกมาปิ้ง ที่ไม่ได้ใส่เชื้อก็เพราะถูกขับออกจากอียิปต์ จึงไม่มีเวลาเตรียมอาหาร

40ชนอิสราเอลอาศัยอยู่ในอียิปต์12:40 ฉบับ SamP. และ LXX. ว่าอียิปต์และคานาอัน 430 ปี 41วันสุดท้ายของ 430 ปีนั้น ประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าทุกหมู่เหล่าก็ออกจากดินแดนอียิปต์ 42เพราะว่าในค่ำคืนนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เฝ้าระวังเพื่อนำพวกเขาออกจากอียิปต์ ดังนั้นในคืนวันนี้อิสราเอลทั้งปวงจะเฝ้าระวังอยู่ตลอดคืน เพื่อถวายเกียรติยศแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดทุกชั่วอายุ

กฎของพิธีปัสกา

43องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “ต่อไปนี้เป็นระเบียบของพิธีปัสกาคือ

“ห้ามชาวต่างชาติกินเนื้อลูกแกะปัสกา 44แต่ทาสที่เจ้าซื้อมาและเข้าสุหนัตแล้วกินได้ 45ส่วนลูกจ้างหรือแขกต่างเมืองห้ามกิน

46“จงกินแกะอยู่ในบ้าน อย่ายกออกไปนอกบ้าน และอย่าหักกระดูกของมันเลย 47ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดจะต้องฉลองพิธีนี้

48“สำหรับคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้า หากต้องการเข้าร่วมปัสกาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจงให้ผู้ชายทุกคนในครัวเรือนของเขาเข้าสุหนัตแล้วจึงเข้าร่วมพิธีได้เหมือนคนเชื้อชาติเดียวกับพวกเจ้า ชายที่ไม่ได้เข้าสุหนัตจะกินแกะปัสกาไม่ได้ 49กฎข้อนี้ใช้ได้ทั้งกับคนอิสราเอลโดยกำเนิดและกับคนต่างชาติซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้า”

50ชนอิสราเอลทั้งปวงก็ปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสสกับอาโรนไว้ทุกประการ 51และในวันนั้นเององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำชนอิสราเอลออกจากดินแดนอียิปต์เป็นหมู่เหล่า

Ketab El Hayat

الخروج 12:1-51

الفصح واحتفال الفطير غير المختمر

1وَخَاطَبَ الرَّبُّ مُوسَى وَهَرُونَ فِي أَرْضِ مِصْرَ قَائِلاً: 2«مُنْذُ الآنَ يَكُونُ لَكُمْ هَذَا الشَّهْرُ رَأْسَ الشُّهُورِ وَأَوَّلَ شُهُورِ السَّنَةِ. 3خَاطِبَا كُلَّ جَمَاعَةِ إِسْرَائِيلَ قَائِلَيْنِ: عَلَى كُلِّ وَاحِدٍ أَنْ يَأْخُذَ فِي الْعَاشِرِ مِنْ هَذَا الشَّهْرِ حَمَلاً لِعَائِلَتِهِ، وَفْقاً لِبُيُوتِ الْآبَاءِ، حَمَلاً لِكُلِّ عَائِلَةٍ. 4وَإِنْ كَانَ الْبَيْتُ صَغِيراً لَا يَسْتَهْلِكُ حَمَلاً كَامِلاً، يَتَقَاسَمُهُ هُوَ وَجَارُهُ الْقَرِيبُ مِنْهُ بِحَسَبِ عَدَدِ الأَشْخَاصِ الْمَوْجُودِينَ هُنَاكَ، بِمِقْدَارِ مَا يَسْتَطِيعُ كُلُّ وَاحِدٍ أَنْ يَأْكُلَهُ مِنَ الْحَمَلِ. 5وَيَجِبُ أَنْ يَكُونَ الْحَمَلُ ذَكَراً ابْنَ سَنَةٍ، خَالِياً مِنْ كُلِّ عَيْبٍ، تَنْتَقُونَهُ مِنَ الْخِرْفَانِ أَوِ الْمَعِيزِ. 6وَيَكُونُ عِنْدَكُمْ مَحْفُوظاً حَتَّى الْيَوْمِ الرَّابِعَ عَشَرَ مِنْ هَذَا الشَّهْرِ. ثُمَّ يَقُومُ كُلُّ جُمْهُورِ إِسْرَائِيلَ بِذَبْحِ الْحُمْلانِ عِنْدَ الْمَسَاءِ. 7وَيَأْخُذُونَ الدَّمَ وَيَضَعُونَهُ عَلَى الْقَائِمَتَيْنِ وَالْعَتَبَةِ الْعُلْيَا فِي الْبُيُوتِ الَّتِي يَأْكُلُونَهُ فِيهَا. 8ثُمَّ فِي نَفْسِ تِلْكَ اللَّيْلَةِ يَتَنَاوَلُونَ اللَّحْمَ مَشْوِيًّا بِالنَّارِ مَعَ فَطِيرٍ، يَأْكُلُونَهُ مَعَ أَعْشَابٍ مُرَّةٍ. 9لَا تَأْكُلُوا مِنْهُ نِيئاً أَوْ مَسْلُوقاً، بَلْ مَشْوِيًّا بِنَارٍ، رَأْسَهُ مَعَ أَكَارِعِهِ وَجَوْفِهِ. 10وَلا تُبْقُوا مِنْهُ إِلَى الصَّبَاحِ، بَلْ تُحْرِقُونَ كُلَّ مَا تَبَقَّى مِنْهُ إِلَى الصَّبَاحِ بِالنَّارِ. 11تَأْكُلُونَهُ بِعَجَلَةٍ وَأَحْقَاؤُكُمْ مَشْدُودَةٌ، وَأَحْذِيَتُكُمْ فِي أَرْجُلِكُمْ، وَعِصِيُّكُمْ فِي أَيْدِيكُمْ. فَيَكُونُ هَذَا فِصْحاً لِلرَّبِّ. 12فَفِي هَذِهِ اللَّيْلَةِ أَجْتَازُ فِي بِلادِ مِصْرَ وَأَقْتُلُ كُلَّ بِكْرٍ فِيهَا مِنَ النَّاسِ وَالْبَهَائِمِ وَأُجْرِي قَضَاءً عَلَى كُلِّ آلِهَةِ الْمِصْرِيِّينَ. أَنَا هُوَ الرَّبُّ. 13أَمَّا أَنْتُمْ فَإِنَّ الدَّمَ الَّذِي عَلَى بُيُوتِكُمُ الْمُقِيمِينَ فِيهَا يَكُونُ الْعَلامَةَ الَّتِي تُمَيِّزُكُمْ، فَأَرَى الدَّمَ وَأَعْبُرُ عَنْكُمْ، فَلا تَنْزِلُ بِكُمْ بَلِيَّةُ الْهَلاكِ حِينَ أَبْتَلِي بِها أَرْضَ مِصْرَ. 14وَيَكُونُ لَكُمْ هَذَا الْيَوْمُ تَذْكَاراً تَحْتَفِلُونَ بِهِ عِيداً لِلرَّبِّ، فَرِيضَةً أَبَدِيَّةً تَحْتَفِلُونَ بِهِ فِي أَجْيَالِكُمْ.

15سَبْعَةَ أَيَّامٍ تَحْتَفِلُونَ، تَأْكُلُونَ فِيهَا فَطِيراً، تُخْلُونَ بُيُوتَكُمْ مِنَ الْخَمِيرِ فِي الْيَوْمِ الأَوَّلِ، فَإِنَّ كُلَّ مَنْ أَكَلَ خَمِيراً فِي الْيَوْمِ الأَوَّلِ إِلَى الْيَوْمِ السَّابِعِ، تُبَادُ تِلْكَ النَّفْسُ مِنْ إِسْرَائِيلَ. 16وَتُقِيمُونَ فِي الْيَوْمِ الأَوَّلِ حَفْلاً مُقَدَّساً، وَكَذَلِكَ فِي الْيَوْمِ السَّابِعِ. لَا يُجْرَى فِيهِمَا عَمَلٌ مَا إلّا تَجْهِيزُ طَعَامِ الأَكْلِ. هَذَا كُلُّ مَا تَعْمَلُونَهُ. 17وَتَحْتَفِلُونَ بِعِيدِ الْفَطِيرِ، لأَنَّنِي فِي هَذَا الْيَوْمِ عَيْنِهِ أَخْرَجْتُ أَجْنَادَكُمْ مِنْ أَرْضِ مِصْرَ، فَاحْتَفِلُوا بِهَذَا الْيَوْمِ فَرِيضَةً أَبَدِيَّةً فِي أَجْيَالِكُمُ الْمُقْبِلَةِ. 18وَمُنْذُ مَسَاءِ الْيَوْمِ الرَّابِعَ عَشَرَ مِنَ الشَّهْرِ الأَوَّلِ وَحَتَّى مَسَاءِ الْيَوْمِ الْحَادِي وَالعِشْرِينَ مِنْهُ تَأْكُلُونَ فَطِيراً. 19سَبْعَةَ أَيَّامٍ تَخْلُو بُيُوتُكُمْ مِنَ الْخَمِيرِ فَإِنَّ كُلَّ مَنْ أَكَلَ خُبْزاً مُخْتَمِراً يُبَادُ مِنْ جَمَاعَةِ إِسْرَائِيلَ، الْغَرِيبُ وَالمُوَاطِنُ عَلَى حَدٍّ سَوَاءَ. 20لَا تَأْكُلُوا شَيْئاً مُخْتَمِراً، بَلْ فِي كُلِّ مَسَاكِنِكُمْ تَأْكُلُونَ فَطِيراً».

21ثُمَّ اسْتَدْعَى مُوسَى كُلَّ شُيُوخِ إِسْرَائِيلَ وَقَالَ لَهُمْ: «اذْهَبُوا وَانْتَقُوا حُمْلاناً بِحَسَبِ عَائِلاتِكُمْ وَاذْبَحُوا حَمَلَ الْفِصْحِ. 22ثُمَّ خُذُوا بَاقَةَ زُوفَا وَاغْمِسُوهَا فِي الدَّمِ الَّذِي تَصَفَّى فِي الإِنَاءِ وَاطْلُوا بِهِ عَتَبَةَ الْبَابِ الْعُلْيَا وَالْقَائِمَتَيْنِ، وَلا يَخْرُجُ أَحَدٌ مِنْكُمْ مِنْ بَيْتِهِ حَتَّى الصَّبَاحِ. 23لأَنَّ الرَّبَّ سَيَجْتَازُ لَيْلاً لِيُهْلِكَ الْمِصْرِيِّينَ. فَحِينَ يَرَى الدَّمَ عَلَى الْعَتَبَةِ الْعُلْيَا وَالْقَائِمَتَيْنِ يَعْبُرُ عَنِ الْبَابِ وَلا يَدَعُ الْمُهْلِكَ يَدْخُلُ بُيُوتَكُمْ لِيَضْرِبَكُمْ. 24فَتُمَارِسُونَ هَذَا الأَمْرَ فَرِيضَةً لَكُمْ وَلأَوْلادِكُمْ إِلَى الأَبَدِ. 25وَعِنْدَمَا تَدْخُلُونَ الأَرْضَ الَّتِي وَعَدَ الرَّبُّ أَنْ يَهَبَهَا لَكُمْ، فَإِنَّكُمْ تُمَارِسُونَ هَذِهِ الْفَرِيضَةَ. 26وَيَكُونُ حِينَ يَسْأَلُكُمْ أَبْنَاؤُكُمْ: مَاذَا تَعْنِي هَذِهِ الْفَرِيضَةُ لَكُمْ؟ 27تُجِيبُونَهُمْ آنَئِذٍ: إِنَّهَا ذَبِيحَةُ فِصْحٍ لِلرَّبِّ الَّذِي عَبَرَ عَنْ بُيُوتِ بَنِي إِسْرَائِيلَ فِي مِصْرَ عِنْدَمَا أَهْلَكَ الْمِصْرِيِّينَ، وَأَنْقَذَ بُيُوتَنَا». فَحَنَى الشَّعْبُ رُؤُوسَهُمْ سَاجِدِينَ. 28فَمَضَى بَنُو إِسْرَائِيلَ وَفَعَلُوا تَمَاماً كَمَا أَمَرَ الرَّبُّ مُوسَى وَهَرُونَ.

29وَفِي مُنْتَصَفِ اللَّيْلِ أَهْلَكَ الرَّبُّ كُلَّ بِكْرٍ فِي بِلادِ مِصْرَ، مِنْ بِكْرِ فِرْعَوْنَ الْمُتَرَبِّعِ عَلَى الْعَرْشِ إِلَى بِكْرِ الْحَبِيسِ فِي السِّجْنِ، وَأَبْكَارَ الْبَهَائِمِ جَمِيعاً أَيْضاً. 30فَاسْتَيْقَظَ فِرْعَوْنُ وَحَاشِيَتُهُ وَجَمِيعُ الْمِصْرِيِّينَ وَإذَا عَوِيلٌ عَظِيمٌ فِي أَرْضِ مِصْرَ، لأَنَّهُ لَمْ يُوْجَدْ بَيْتٌ لَيْسَ فِيهِ مَيْتٌ. 31فَاسْتَدْعَى مُوسَى وَهَرُونَ لَيْلاً قَائِلاً: «قُومُوا وَاخْرُجُوا مِنْ بَيْنِ الشَّعْبِ أَنْتُمَا وَبَنُو إِسْرَائِيلَ، وَانْطَلِقُوا اعْبُدُوا الرَّبَّ كَمَا طَلَبْتُمْ، 32وَخُذُوا مَعَكُمْ غَنَمَكُمْ وَبَقَرَكُمْ كَمَا سَأَلْتُمْ وَامْضُوا وَبَارِكُونِي أَيْضاً». 33وَأَلَحَّ الْمِصْرِيُّونَ عَلَى الشَّعْبِ لِيُسْرِعُوا فِي الارْتِحَالِ عَنِ الْبِلادِ قَائِلِينَ: «لِئَلّا نَمُوتَ جَمِيعاً».

الخروج

34فَصَرَّ الشَّعْبُ فِي ثِيَابِهِمْ مَعَاجِنَهُمْ وَعَجِينَهُمْ قَبْلَ أَنْ يَخْتَمِرَ، وَحَمَلُوهَا عَلَى أَكْتَافِهِمْ، 35وَطَلَبُوا مِنَ الْمِصْرِيِّينَ آنِيَةَ فِضَّةٍ وَذَهَباً وَثِيَاباً بِحَسَبِ قَوْلِ مُوسَى. 36وَجَعَلَ الرَّبُّ الشَّعْبَ يَحْظَى بِرِضَى الْمِصْرِيِّينَ، فَأَعْطَوْهُمْ كُلَّ مَا طَلَبُوهُ، فَغَنِمُوا مِنَ الْمِصْرِيِّينَ.

37وَارْتَحَلَ بَنُو إِسْرَائِيلَ مِنْ رَعَمْسِيسَ إِلَى سُكُّوتَ فَكَانُوا نَحْوَ سِتِّ مِئَةِ أَلْفٍ مِنَ الرِّجَالِ المُشَاةِ مَاعَدَا النِّسَاءَ وَالأَوْلادَ. 38وَكَذَلِكَ انْضَمَّ إِلَيْهِمْ حَشْدٌ كَبِيرٌ مِنَ النَّاسِ، مَعَ غَنَمٍ وَمَوَاشٍ وَقُطْعَانٍ كَثِيرَةٍ. 39ثُمَّ خَبَزُوا الْعَجِينَ الَّذِي أَخْرَجُوهُ مَعَهُمْ مِنْ مِصْرَ خُبْزَ مَلَّةٍ، لأَنَّهُ لَمْ يَكُنْ مُخْتَمِراً، إذْ أَنَّهُمْ طُرِدُوا مِنْ مِصْرَ وَلَمْ يَقْدِرُوا أَنْ يَتَأَخَّرُوا فَمَا أَعَدُّوا لأَنْفُسِهِمْ زَاداً.

شريعة الفصح

40وَكَانَتْ مُدَّةُ غُرْبَةِ بَنِي إِسْرَائِيلَ الَّتِي أَقَامُوهَا فِي مِصْرَ أَرْبَعَ مِئَةٍ وَثَلاثِينَ سَنَةً. 41وَفِي الْيَوْمِ الأَخِيرِ بِالذَّاتِ، فِي خِتَامِ أَرْبَعِ مِئَةٍ وَثَلاثِينَ سَنَةً خَرَجَ جَمِيعُ أَجْنَادِ الرَّبِّ مِنْ أَرْضِ مِصْرَ. 42هِيَ لَيْلَةٌ تُكَرَّسُ لِلرَّبِّ إذْ أَخْرَجَهُمْ فِيهَا مِنْ أَرْضِ مِصْرَ. هَذِهِ اللَّيْلَةُ هِيَ لِلرَّبِّ، يُكَرِّسُهَا بَنُو إِسْرَائِيلَ فِي جَمِيعِ أَجْيَالِهِمْ.

43وَقَالَ الرَّبُّ لِمُوسَى وَهَرُونَ: «هَذِهِ هِيَ مَرَاسِيمُ الْفِصْحِ: لَا يَأْكُلُ غَرِيبٌ مِنْهُ. 44كُلُّ عَبْدٍ مُشْتَرَى بِفِضَّةٍ يَأْكُلُ مِنْهُ بَعْدَ أَنْ تَخْتِنَهُ. 45النَّزِيلُ وَالأَجِيرُ لَا يَأْكُلانِ مِنْهُ. 46يُؤْكَلُ فِي بَيْتٍ وَاحِدٍ فَلا تَحْمِلْ لَحْماً إِلَى خَارِجِ الْمَنْزِلِ، وَلا تَكْسِرْ مِنْهُ عَظْماً. 47وَعَلَى كُلِّ جَمَاعَةِ إِسْرَائِيلَ أَنْ تَحْتَفِلَ بِهِ. 48وَإذَا عَزَمَ غَرِيبٌ مُقِيمٌ بَيْنَكُمْ أَنْ يَحْتَفِلَ بِفِصْحِ الرَّبِّ فَلْيُخْتَنْ كُلُّ ذَكَرٍ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ، ثُمَّ يَحْتَفِلُ بِهِ، فَيَكُونُ آنَئِذٍ كَمَوْلُودِ الأَرْضِ. لَا يَأْكُلُ مِنْهُ أَيُّ ذَكَرٍ أَغْلَفَ. 49فَتَسُودُ هَذِهِ الشَّرِيعَةُ عَلَى الْمُوَاطِنِ وَالدَّخِيلِ الْمُقِيمِ بَيْنَكُمْ». 50فَفَعَلَ جَمِيعُ بَنِي إِسْرَائِيلَ تَمَاماً كَمَا أَمَرَ الرَّبُّ مُوسَى وَهَرُونَ.

51فِي ذَلِكَ الْيَوْمِ عَيْنِهِ أَخْرَجَ الرَّبُّ بَنِي إِسْرَائِيلَ مِنْ أَرْضِ مِصْرَ بِحَسَبِ فِرَقِ عَشَائِرِهِمْ.