สดุดี 78 – TNCV & YCB

Thai New Contemporary Bible

สดุดี 78:1-72

สดุดี 78

(มัสคิล78:0 หัวเรื่องสดุดี 78 คงจะเป็นศัพท์ทางวรรณกรรมหรือทางดนตรีของอาสาฟ)

1ประชากรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงฟังคำสอนของข้าพเจ้าเถิด

จงรับฟังวาจาจากปากของข้าพเจ้า

2ข้าพเจ้าจะเอื้อนเอ่ยคำอุปมา

ข้าพเจ้าจะเผยสิ่งที่ซ่อนเร้นไว้ตั้งแต่โบราณกาล

3สิ่งที่เราได้ยินและได้ทราบ

สิ่งที่บรรพบุรุษของเราบอกต่อๆ กันมา

4เราจะไม่ปิดบังไว้จากลูกหลานของพวกเขา

จะบอกแก่คนรุ่นต่อมา

ถึงบรรดาพระราชกิจอันสมควรแก่การสรรเสริญขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ถึงฤทธานุภาพของพระองค์และการอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำ

5พระองค์ทรงวางกฎเกณฑ์สำหรับยาโคบ

และตั้งบทบัญญัติในอิสราเอล

ซึ่งทรงบัญชาบรรพบุรุษของเรา

ให้สอนลูกหลานของพวกเขา

6เพื่อชนรุ่นหลังจะได้รู้

แม้แต่ลูกหลานที่จะเกิดมา

และถึงคราวที่พวกเขาจะต้องบอกลูกหลานของตนต่อไป

7เพื่อพวกเขาจะได้วางใจในพระเจ้า

และไม่ลืมสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ

และจะปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์

8พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนบรรพบุรุษ

ซึ่งดื้อดึงและชอบกบฏ

จิตใจไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้า

จิตวิญญาณไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

9แม้ชนเผ่าเอฟราอิมมีธนูเป็นอาวุธครบครัน

ก็ยังหันหลังวิ่งหนีไปในยามสงคราม

10เพราะเขาไม่รักษาพันธสัญญาของพระเจ้า

ไม่ยอมดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติของพระองค์

11เขาลืมสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ

ลืมการอัศจรรย์ต่างๆ ที่ได้ทรงสำแดงแก่เขา

12พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของเขา

ในดินแดนอียิปต์ ในเขตแดนโศอัน

13พระองค์ทรงแยกทะเลและนำพวกเขาเดินข้ามไป

พระองค์ทรงทำให้น้ำตั้งขึ้นเป็นกำแพง

14พระองค์ทรงนำเขาด้วยเมฆในยามกลางวัน

และด้วยแสงจากไฟในยามกลางคืน

15พระองค์ทรงแยกศิลาออกในถิ่นกันดาร

ประทานน้ำพุ่งขึ้นมามากมายเหมือนทะเลให้เขาดื่ม

16พระองค์ทรงทำให้ธารน้ำไหลออกมาจากศิลา

และให้น้ำไหลรินดั่งแม่น้ำ

17ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงทำบาปต่อพระองค์

กบฏต่อองค์ผู้สูงสุดในถิ่นกันดาร

18พวกเขาจงใจลองดีกับพระเจ้า

โดยเรียกร้องอาหารที่อยากกิน

19เขาต่อว่าพระเจ้าว่า

“พระเจ้าทรงจัดสำรับ

ในถิ่นกันดารได้หรือ?

20เมื่อทรงตีหิน น้ำก็พุ่งออกมา

ลำธารไหลล้น

แต่พระองค์จะประทานอาหารให้พวกเราได้ด้วยหรือ?

พระองค์จะประทานเนื้อให้คนของพระองค์ได้ด้วยหรือ?”

21เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยิน พระองค์ก็กริ้วยิ่งนัก

เพลิงของพระองค์เผาผลาญยาโคบ

พระพิโรธพลุ่งขึ้นต่อสู้อิสราเอล

22เพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อในพระเจ้า

หรือไว้วางใจว่าพระองค์จะทรงช่วยกู้ได้

23ถึงกระนั้นพระองค์ยังทรงบัญชาฟ้าเบื้องบน

และทรงเปิดประตูสวรรค์

24พระองค์ทรงให้มานาโปรยปรายลงมาเป็นอาหารของพวกเขา

พระองค์ประทานธัญญาหารจากฟ้าสวรรค์แก่พวกเขา

25มนุษย์ได้กินอาหารของทูตสวรรค์

พระองค์ประทานอาหารแก่พวกเขาจนอิ่มหนำ

26พระองค์ทรงให้ลมตะวันออกมาจากฟ้าสวรรค์

และทรงนำลมใต้มาโดยพระเดชานุภาพ

27พระองค์ทรงให้เนื้อตกลงมามากมายดั่งฝุ่น

คือฝูงนกคลาคล่ำดั่งเม็ดทรายที่ชายทะเล

28พระองค์ทรงกระทำให้นกเหล่านั้นลงมาที่ค่ายพักแรม

รอบๆ เต็นท์ของพวกเขา

29พวกเขาได้รับประทานจนอิ่มหนำ

เพราะพระองค์ประทานให้จนสมอยาก

30แต่ก่อนที่พวกเขาจะอิ่ม

ขณะที่เนื้อยังคาปากอยู่

31พระพิโรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อพวกเขา

พระองค์ทรงประหารคนกำยำล่ำสันที่สุดของพวกเขา

และทรงสังหารคนหนุ่มของอิสราเอล

32ทั้งๆ ที่เห็นทั้งหมดนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาปต่อไป

ทั้งๆที่เห็นการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ

33ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้วันคืนของเขาจบลงอย่างสูญเปล่า

และทำให้ปีเดือนของเขาจบลงด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

34เมื่อใดก็ตามที่พระเจ้าประหารพวกเขา พวกเขาจะแสวงหาพระองค์

พวกเขาจะกระตือรือร้นหวนกลับมาหาพระองค์อีกครั้ง

35พวกเขาระลึกได้ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระศิลา

ระลึกได้ว่าพระเจ้าผู้สูงสุดทรงเป็นพระผู้ไถ่ของพวกเขา

36แต่แล้วพวกเขาจะยกยอพระองค์ด้วยลมปาก

มุสาต่อพระองค์ด้วยลิ้นของพวกเขา

37จิตใจของพวกเขาไม่ได้จงรักภักดีต่อพระองค์

พวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระองค์

38ถึงกระนั้นพระองค์ยังทรงเมตตากรุณา

พระองค์ทรงอภัยความชั่วช้าของพวกเขา

และไม่ได้ทำลายล้างพวกเขาเสียหมด

หลายต่อหลายครั้งพระองค์ทรงยับยั้งความกริ้ว

ไม่ให้พระพิโรธพลุ่งขึ้นเต็มที่

39พระองค์ทรงระลึกว่าพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์

เป็นแค่ลมวูบหนึ่ง ซึ่งผ่านไปแล้วไม่หวนกลับมา

40พวกเขากบฏต่อพระองค์ในถิ่นกันดาร

และกระทำให้พระองค์เศร้าพระทัยในดินแดนร้างเปล่าบ่อยเหลือเกิน!

41พวกเขาลองดีกับพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า

พวกยั่วยุองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

42พวกเขาไม่ได้นึกถึงพระเดชานุภาพ

ในวันที่พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากผู้ข่มเหงรังแก

43ในวันที่พระองค์ทรงสำแดงหมายสำคัญต่างๆ ในอียิปต์

ทรงสำแดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ในดินแดนโศอัน

44พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเลือด

จนไม่มีใครอาจดื่มน้ำจากธารน้ำได้

45พระองค์ทรงส่งฝูงเหลือบมาเล่นงานพวกเขา

และทรงส่งฝูงกบมาทำลายล้างพวกเขา

46พระองค์ทรงยกพืชผลของพวกเขาให้แก่ตั๊กแตน

ทรงยกผลิตผลของพวกเขาให้แก่ฝูงตั๊กแตน

47พระองค์ทรงให้ลูกเห็บทำลายเถาองุ่นของพวกเขา

และทรงให้น้ำค้างแข็งทำลายต้นมะเดื่อของพวกเขา

48พระองค์ทรงให้ลูกเห็บจัดการกับฝูงวัวของพวกเขา

ทรงให้ฟ้าผ่าจัดการกับฝูงปศุสัตว์ของพวกเขา

49พระองค์ทรงระบายความกริ้วอันเกรี้ยวกราด

ทรงระบายพระพิโรธ ความขุ่นเคืองพระทัย และการเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา

ทรงส่งเหล่าทูตสวรรค์ผู้ล้างผลาญมาลงโทษพวกเขา

50พระองค์ทรงเตรียมทางสำหรับพระพิโรธของพระองค์

พระองค์ไม่ได้ทรงไว้ชีวิตพวกเขา

แต่ทรงหยิบยื่นพวกเขาให้แก่โรคระบาด

51พระองค์ทรงประหารลูกหัวปีทั้งสิ้นในอียิปต์

คือผลแรกแห่งวัยฉกรรจ์ในเต็นท์ของฮาม

52แต่พระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาอย่างฝูงแกะ

พระองค์ทรงนำพวกเขาดั่งนำแกะผ่านถิ่นกันดาร

53พระองค์ทรงนำพวกเขามาอย่างปลอดภัย พวกเขาจึงไม่หวาดหวั่น

แต่น้ำทะเลซัดท่วมศัตรูของพวกเขา

54ดังนั้นพระองค์ทรงนำพวกเขามาถึงเขตดินแดนบริสุทธิ์ของพระองค์

มายังดินแดนเทือกเขาซึ่งได้มาโดยพระหัตถ์ขวาของพระองค์

55พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา

และแบ่งสรรปันส่วนดินแดนให้พวกเขาเป็นมรดก

พระองค์ทรงให้เผ่าต่างๆ ของอิสราเอลตั้งถิ่นฐานในบ้านของคนเหล่านั้น

56แต่พวกเขาก็ยังลองดีกับพระเจ้า

และกบฏต่อองค์ผู้สูงสุด

พวกเขาไม่ยอมปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์

57เช่นเดียวกับบรรพบุรุษ พวกเขาไม่มีความจงรักภักดีและไม่มีความซื่อสัตย์

เหมือนคันธนูบิดที่ไว้ใจไม่ได้

58พวกเขายั่วยุพระพิโรธด้วยสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย

พวกเขากระตุ้นความหึงหวงของพระองค์ด้วยรูปเคารพต่างๆ

59เมื่อพระเจ้าทรงได้ยิน พระองค์ก็ทรงพระพิโรธยิ่งนัก

พระองค์ไม่ทรงยอมรับอิสราเอลเลย

60พระองค์ทรงละทิ้งพลับพลาแห่งชิโลห์

ที่ซึ่งพระองค์ประทับท่ามกลางมนุษย์

61และทรงยินยอมให้หีบพันธสัญญาของพระองค์ถูกยึดไป

ทรงหยิบยื่นสง่าราศีของพระองค์ให้ตกอยู่ในมือของศัตรู

62พระองค์ทรงกระทำให้ประชากรของพระองค์ตกเป็นเหยื่อของคมดาบ

พระองค์ทรงพระพิโรธต่อผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ยิ่งนัก

63ไฟเผาผลาญหนุ่มฉกรรจ์

ส่วนหญิงสาวไม่มีเพลงสมรส

64เหล่าปุโรหิตถูกประหารด้วยดาบ

และภรรยาม่ายของพวกเขาก็ไม่สามารถร้องไห้ไว้ทุกข์

65แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลุกขึ้นดั่งตื่นจากบรรทม

เหมือนนักรบสร่างจากฤทธิ์เหล้าองุ่น

66พระองค์ทรงรุกไล่ศัตรูของพระองค์ให้ล่าถอยไป

พระองค์ทรงส่งพวกเขาไปสู่ความอัปยศนิรันดร์

67แล้วพระองค์ทรงปฏิเสธเต็นท์ของโยเซฟ

พระองค์ไม่ได้ทรงเลือกชนเผ่าเอฟราอิม

68แต่พระองค์ทรงเลือกเผ่ายูดาห์

และภูเขาศิโยนที่พระองค์ทรงรัก

69พระองค์ทรงสร้างสถานนมัสการของพระองค์ให้สูงตระหง่านและยืนยง

ดั่งพื้นปฐพีที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้เป็นนิตย์

70พระองค์ทรงเลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์

และทรงนำเขาออกมาจากคอกแกะ

71ทรงนำเขาออกจากการเลี้ยงดูฝูงแกะ

มาเป็นผู้เลี้ยงดูยาโคบประชากรของพระองค์

เลี้ยงดูอิสราเอลผู้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

72และดาวิดได้เลี้ยงดูพวกเขาด้วยใจซื่อสัตย์สุจริต

นำพวกเขาไปด้วยมืออันเชี่ยวชาญ

Bíbélì Mímọ́ Yorùbá Òde Òn

Saamu 78:1-72

Saamu 78

Maskili ti Asafu.

1Ẹ̀yin ènìyàn mi, ẹ gbọ́ ẹ̀kọ́ mi;

tẹ́tí rẹ sí ọ̀rọ̀ ẹnu mi.

278.2: Mt 13.35.Èmi ó la ẹnu mi ní òwe,

èmi o sọ ohun ìkọ̀kọ̀, ohun ti ọjọ́ pípẹ́;

3Ohun tí a ti gbọ́ tí a sì ti mọ̀,

ohun tí àwọn baba wa ti sọ fún wa.

4Àwa kì yóò pa wọ́n mọ́

kúrò lọ́dọ̀ àwọn ọmọ,

ní fífi ìyìn Olúwa, àti ipa rẹ̀

àti iṣẹ́ ìyanu tó ti ṣe hàn

fún ìran tí ń bọ̀.

5Ó gbé ẹ̀rí kalẹ̀ ní Jakọbu

o sì fìdí àṣẹ múlẹ̀ ní Israẹli,

èyí tí ó pàṣẹ fún àwọn baba ńlá wa

láti kọ́ àwọn ọmọ wọn,

6Nítorí náà, àwọn ìran tí ń bọ̀ yóò mọ̀ wọ́n

bẹ́ẹ̀ ni àwọn ọmọ tí a kò tí ì bí

tí yóò dìde tí wọn yóò sọ fún àwọn ọmọ wọn

7Nígbà náà ni wọ́n ò fi ìgbẹ́kẹ̀lé wọn sínú Ọlọ́run

wọn kò sì ní gbàgbé iṣẹ́ Ọlọ́run

ṣùgbọ́n wọn ó pa àṣẹ rẹ̀ mọ́.

8Kí wọn kí ó má ṣe dàbí àwọn baba ńlá wọn,

ìran alágídí àti ọlọ́tẹ̀,

ìran tí ọkàn wọn kò ṣọ òtítọ́ si olóore,

àti ẹ̀mí ẹni tí kò bá Ọlọ́run dúró ṣinṣin.

9Àwọn ọkùnrin Efraimu, tí ó há mọ́ ọ tí wọ́n mú ọrun,

wọ́n yípadà ní ọjọ́ ogun

10Wọn kò pa májẹ̀mú Ọlọ́run mọ́

wọn sì kọ̀ láti máa gbé nínú òfin rẹ̀

11Wọ́n gbàgbé ohun tí ó ti ṣe,

àwọn ìyanu tí ó ti fihàn wọ́n.

12Ó ṣe ìyanu níwájú àwọn baba wọn ní ilẹ̀ Ejibiti, ní agbègbè Ṣoani.

13Ó pín Òkun ní yà, ó sì mú wọn kọjá

Ó mù kí omi naà dúró bi odi gíga.

14Ní ọ̀sán, ó fi ìkùùkuu àwọsánmọ̀ ṣe amọ̀nà wọn

àti ní gbogbo òru pẹ̀lú ìmọ́lẹ̀ iná.

15Ó sán àpáta ní aginjù

ó sì fún wọn ní omi mímu lọ́pọ̀lọpọ̀

bí ẹni pé láti inú ibú wá.

16Ó mú ìṣàn omi jáde láti inú àpáta

omi ṣíṣàn sílẹ̀ gẹ́gẹ́ bí odò.

17Wọ́n sì tún tẹ̀síwájú láti dẹ́ṣẹ̀ sí i

ní ìṣọ̀tẹ̀ sí Ọ̀gá-ògo ní aginjù.

18Wọ́n mọ̀ ọ́n mọ̀ dán Ọlọ́run wò

nípa bíbéèrè fún oúnjẹ tí wọn bẹ̀bẹ̀ fún

19Wọ́n sọ̀rọ̀-òdì sí Ọlọ́run, wí pé

“Ọlọ́run ha lè tẹ́ tábìlì ní aginjù?

20Nígbà tí ó lu àpáta, omi tú jáde,

odò sì sàn lọ́pọ̀lọpọ̀

ṣùgbọ́n òun ha lè fún wa lóúnjẹ

ó ha le pèsè ẹran fún àwọn ènìyàn rẹ̀”

21Nígbà tí Olúwa gbọ́ wọn, ó bínú gidigidi;

iná rẹ̀ sọ̀kalẹ̀ sí Jakọbu,

ìbínú rẹ̀ sì rú sí Israẹli,

22Nítorí wọn kò gba Ọlọ́run gbọ́,

wọn kò sì gbẹ́kẹ̀lé ìgbàlà rẹ̀.

23Síbẹ̀ ó pàṣẹ fún ìràwọ̀ ojú ọ̀run,

ó sì ṣí ìlẹ̀kùn ọ̀run sílẹ̀;

2478.24: Jh 6.31.Ó rọ manna fún àwọn ènìyàn láti jẹ,

ó fún wọn ní ọkà láti ọ̀run.

25Àwọn ènìyàn jẹ oúnjẹ àwọn angẹli;

Ó fún wọn ní oúnjẹ ní àjẹyó,

26Ó mú afẹ́fẹ́ ìlà-oòrùn láti ọ̀run wá

ó mú afẹ́fẹ́ gúúsù wá nípa agbára rẹ̀.

27Ó rọ òjò ẹran sílẹ̀ sórí wọn bí erùpẹ̀ ilẹ̀,

àti ẹyẹ abìyẹ́ gẹ́gẹ́ bí iyanrìn etí Òkun

28Ó jẹ́ kí wọn jáde ní ibùdó wọn,

yíká àgọ́ wọn.

29Wọ́n jẹ, wọ́n sì yó jọjọ

nítorí ó ti fún wọn ní ohun tí wọn fìtara bẹ̀bẹ̀ fún

30Ṣùgbọ́n wọn kò kúrò nínú oúnjẹ tí wọn fìtara bẹ̀bẹ̀ fún,

nígbà tí oúnjẹ wọn sì wà ní ẹnu wọn,

31Ìbínú Ọlọ́run dìde sí wọn

ó pa àwọn tí ó jùlọ nínú wọn,

ó sì lu àwọn ọ̀dọ́mọkùnrin Israẹli bolẹ̀.

32Nínú gbogbo ìwọ̀nyí, wọ́n ń dẹ́ṣẹ̀ síwájú;

nínú gbogbo iṣẹ́ ìyanu rẹ̀, wọ́n kò gbàgbọ́

33O fi òpin sí ayé wọn nínú asán

àti ọdún wọn nínú ìpayà.

34Nígbàkígbà tí Ọlọ́run bá pa wọ́n,

wọn yóò wá a kiri;

wọn yóò fi ìtara yípadà sí i.

35Wọ́n rántí pé Ọlọ́run ní àpáta wọn;

wí pé Ọlọ́run Ọ̀gá-ògo jùlọ ni olùràpadà àpáta wọn

36Ṣùgbọ́n nígbà náà ni wọ́n yóò pọ́n ọn pẹ̀lú ẹnu wọ́n

wọ́n fi ahọ́n wọ́n purọ́ fún un;

3778.37: Ap 8.21.Ọkàn wọn kò sòtítọ́ sí i,

wọn kò jẹ́ olódodo sí májẹ̀mú rẹ̀.

38Síbẹ̀ ó ṣàánú;

ó dárí àìṣedéédéé wọn jì

òun kò sì pa wọ́n run

nígbà púpọ̀ ló ń yí ìbínú rẹ̀ padà

kò sì ru ìbínú rẹ̀ sókè

39Ó rántí pé ẹlẹ́ran ara ni wọ́n,

afẹ́fẹ́ tó ń kọjá tí kò lè padà.

40Nígbà gbogbo ní wọn ń ṣọ̀tẹ̀ sí i ní aginjù

wọn mú un bínú nínú ilẹ̀ tí ó di ahoro!

41Síwájú àti síwájú wọ́n dán Ọlọ́run wò;

wọ́n mú ẹni mímọ́ Israẹli bínú.

42Wọ́n kò rántí agbára rẹ̀:

ní ọjọ́ tí ó rà wọ́n padà lọ́wọ́ àwọn aninilára,

43Ní ọjọ́ tí ó fi iṣẹ́ ìyanu rẹ̀ hàn ní Ejibiti,

àti iṣẹ́ ààmì rẹ̀ ni ẹkùn Ṣoani

44Ó sọ omi wọn di ẹ̀jẹ̀;

wọn kò lè mu láti odò wọn.

45Ó rán ọ̀wọ́ eṣinṣin láti pa wọ́n run,

àti ọ̀pọ̀lọ́ tí ó bá wọn jẹun.

46Ó fi ọkà wọn fún láńtata,

àwọn ìre oko wọn fún eṣú.

47Ó fi yìnyín ba àjàrà wọn jẹ́

ó bá èso sikamore wọn jẹ́.

48Ó fi ohun ọ̀sìn wọn fún yìnyín,

agbo ẹran wọn fún mọ̀nàmọ́ná.

49Ó mú kíkorò ìbínú rẹ̀ wá sí wọn lára,

ìrunú àti ìkáàánú, àti ìpọ́njú,

nípa rírán angẹli apanirun sí wọn.

50Ó pèsè ipa fún ìbínú rẹ̀,

òun kò gbà wọ́n lọ́wọ́ ikú,

ṣùgbọ́n ó fi ẹ̀mí wọ́n fún àjàkálẹ̀-ààrùn.

51Ó kọlu àwọn àkọ́bí ọmọ ọkùnrin Ejibiti

Olórí agbára wọn nínú àgọ́ Hamu

52Ṣùgbọ́n ó mú àwọn ènìyàn rẹ̀ jáde bí ọ̀wọ́ ẹran;

ó ṣọ́ wọn gẹ́gẹ́ bí àgùntàn nínú aginjù.

53Ó dáàbò bò wọ́n dáradára, nítorí náà ni ẹ̀rù kò ṣe bà wọ́n

ṣùgbọ́n Òkun padé mọ́ àwọn ọ̀tá wọn.

54Bákan náà ni ó mú wọn wá sí etí ilẹ̀ mímọ́ rẹ̀

òkè tí ọwọ́ ọ̀tún rẹ̀ ti gbà

55Ó lé kèfèrí jáde níwájú wọn

ó sì fi títa okùn pín ilẹ̀ náà fún wọn gẹ́gẹ́ bí ilẹ̀ ìní;

ó mú àwọn ẹ̀yà Israẹli jókòó ní ilẹ̀ wọn.

56Ṣùgbọ́n wọn dán Ọlọ́run wò

wọn sì ṣọ̀tẹ̀ sí Ọ̀gá-ògo;

wọn kò pa àṣẹ rẹ̀ mọ́.

57Ṣùgbọ́n wọ́n yípadà,

wọn jẹ́ aláìṣòdodo gẹ́gẹ́ bí àwọn baba wọn

wọ́n sì pẹ̀yìndà sí apákan bí ọrun ẹ̀tàn.

58Wọ́n bí i nínú pẹ̀lú ibi gíga wọn;

wọn rú owú rẹ̀ sókè nípa òrìṣà wọn

59Nígbà tí Ọlọ́run gbọ́ wọn,

inú bí i gidigidi;

ó kọ Israẹli pátápátá.

60Ó kọ àgọ́ Ṣilo sílẹ̀,

àgọ́ tí ó ti gbé kalẹ̀ láàrín àwọn ènìyàn.

61Ó rán àpótí ẹ̀rí, agbára rẹ̀ lọ sí ìgbèkùn,

dídán ògo rẹ̀ lọ sí ọwọ́ àwọn ọ̀tá.

62Ó fi àwọn ènìyàn rẹ̀ lé idà lọ́wọ́,

ó sì bínú sí àwọn ohun ìní rẹ̀.

63Iná run àwọn ọ̀dọ́mọkùnrin wọn,

àwọn ọmọbìnrin wọn kò sì ní orin ìgbéyàwó:

64A fi àlùfáà wọn fún idà,

àwọn opó wọn kò sì le è sọkún.

65Olúwa sì jí gẹ́gẹ́ bí ẹni ojú oorun,

gẹ́gẹ́ bí ọkùnrin ti i jí kúrò nínú ìraníyè ọtí.

66Ó kọlu àwọn ọ̀tá rẹ̀ padà;

ó fi wọn sínú ìtìjú ayérayé.

67Nígbà náà ni ó kọ́ àgọ́ Josẹfu,

kò sì yan ẹ̀yà Efraimu;

68Ṣùgbọ́n ó yan ẹ̀yà Juda,

òkè Sioni, èyí tí ó fẹ́ràn.

69Ó kọ́ ibi mímọ́ rẹ̀, ibi gíga,

gẹ́gẹ́ bí ayé tí ó fi ìdí rẹ̀ múlẹ̀ títí láé.

70Ó yan Dafidi ìránṣẹ́ rẹ̀

ó mú láti inú àwọn agbo ẹran;

71Ó mú un jáde nínú ìtọ́jú àgùntàn

láti jẹ́ olùṣọ́-àgùntàn àwọn ènìyàn rẹ̀ Jakọbu

àti Israẹli ogún un rẹ̀.

72Dafidi sì ṣọ́ wọn pẹ̀lú òtítọ́ inú ọkàn;

pẹ̀lú ọwọ́ òye ni ó fi darí wọn.