ลูกา 9 – TNCV & JCB

Thai New Contemporary Bible

ลูกา 9:1-62

พระเยซูทรงส่งสาวกสิบสองคนออกไป

(มธ.10:9-15; 14:1,2; มก.6:8-11,14-16)

1พระเยซูทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน พระองค์ประทานฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจที่จะขับไล่ผีทั้งปวงและรักษาโรคต่างๆ ให้แก่พวกเขา 2และพระองค์ทรงส่งพวกเขาออกไปประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าและรักษาคนเจ็บคนป่วย 3พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่า “ไม่ต้องนำสิ่งใดติดตัวไปในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นไม้เท้า ย่าม อาหาร เงิน หรือเสื้ออีกตัวหนึ่ง 4เมื่อท่านเข้าไปในบ้านใดจงพักที่บ้านนั้นจนกว่าจะออกจากเมืองนั้น 5หากผู้คนไม่ต้อนรับท่าน เมื่อออกจากเมืองนั้นจงสะบัดฝุ่นออกจากเท้าเพื่อเป็นพยานกล่าวโทษเขา” 6เหล่าสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐและรักษาผู้คนทุกหนทุกแห่ง

7ฝ่ายเฮโรดผู้ครองแคว้นได้ยินเรื่องราวทั้งปวงที่เกิดขึ้นก็สับสนว้าวุ่นเพราะบางคนก็พูดกันว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นขึ้นจากตาย 8บางคนก็พูดว่าเอลียาห์มาปรากฏตัว ทั้งยังมีคนอื่นๆ ที่บอกว่าผู้เผยพระวจนะสมัยก่อนคนหนึ่งได้เป็นขึ้นจากตาย 9แต่เฮโรดกล่าวว่า “เราตัดศีรษะยอห์นไปแล้ว แล้วคนที่เราได้ยินกิตติศัพท์นี่เป็นใครกัน?” เฮโรดจึงพยายามที่จะพบพระองค์

พระเยซูทรงเลี้ยงคนห้าพันคน

(มธ.14:13-21; มก.6:32-44; ยน.6:5-13)

10เมื่ออัครทูตกลับมาก็ทูลรายงานพระเยซูถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำ พระองค์จึงทรงพาพวกเขาปลีกตัวไปยังเมืองเบธไซดา 11แต่ประชาชนรู้เข้าก็ติดตามพระองค์มา พระองค์ทรงต้อนรับพวกเขา ตรัสกับเขาเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และทรงรักษาโรคให้บรรดาผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา

12เมื่อบ่ายคล้อยสาวกทั้งสิบสองคนจึงมาทูลว่า “ขอทรงให้ประชาชนกลับไปเพื่อพวกเขาจะได้หาอาหารและหาที่พักตามหมู่บ้านและตามชนบทแถบนี้ เพราะเราอยู่ในที่ห่างไกล”

13พระองค์ตรัสตอบว่า “พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด”

เหล่าสาวกทูลว่า “เรามีเพียงขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว เว้นแต่เราจะไปซื้ออาหารมาให้ฝูงชนทั้งหมดนี้” 14(ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน)

แต่พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ให้พวกเขานั่งกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” 15เหล่าสาวกก็ทำตามนั้น ทุกคนจึงนั่งลง 16พระเยซูทรงรับขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวมา แล้วเงยพระพักตร์ขึ้นมองฟ้าสวรรค์ ทรงขอบพระคุณพระเจ้า และหักส่งให้เหล่าสาวกแจกจ่ายแก่ประชาชน 17พวกเขาทุกคนได้กินอิ่มหนำและเหล่าสาวกเก็บเศษที่เหลือได้ถึงสิบสองตะกร้าเต็ม

เปโตรรับว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์

(มธ.16:13-16,21-28; มก.8:27—9:1)

18ครั้งหนึ่งขณะพระเยซูทรงกำลังอธิษฐานเป็นการส่วนพระองค์และเหล่าสาวกอยู่ด้วย พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ผู้คนพูดกันว่าเราเป็นใคร?”

19พวกเขาทูลตอบว่า “บางคนก็ว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และยังมีบางคนว่าเป็นผู้เผยพระวจนะในสมัยเก่าก่อนคนหนึ่งที่ได้เป็นขึ้นมาจากตาย”

20พระองค์ตรัสถามว่า “แล้วพวกท่านเล่า? พวกท่านว่าเราเป็นใคร?”

เปโตรทูลตอบว่า “ทรงเป็นพระคริสต์9:20 หรือพระเมสสิยาห์ของพระเจ้า”

21พระเยซูทรงกำชับพวกเขาอย่างเคร่งครัดไม่ให้บอกเรื่องนี้แก่ใคร 22และตรัสว่า “บุตรมนุษย์ต้องทนทุกข์หลายประการ ถูกบรรดาผู้อาวุโสและพวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์ปฏิเสธ พระองค์จะต้องถูกประหาร และในวันที่สามจะทรงมีชีวิตกลับเป็นขึ้นมาใหม่”

23จากนั้นพระองค์ตรัสกับเขาทั้งปวงว่า “หากผู้ใดปรารถนาจะตามเรามา เขาต้องปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา 24เพราะผู้ใดต้องการเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดพลีชีวิตเพื่อเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตรอด 25จะมีประโยชน์อะไรที่คนๆ หนึ่งจะได้โลกนี้ทั้งโลกแต่ต้องสูญเสียตัวของเขาเอง? 26ถ้าผู้ใดอับอายในตัวเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะอับอายในตัวเขาเมื่อพระองค์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์และพระเกียรติสิริของพระบิดา พร้อมทั้งศักดิ์ศรีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ 27เราบอกความจริงแก่ท่านว่าบางคนซึ่งยืนอยู่ที่นี่จะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้าก่อนที่จะลิ้มรสความตาย”

ทรงจำแลงพระกาย

(มธ.17:1-8; มก.9:2-8)

28ราวแปดวันหลังจากที่พระเยซูตรัสดังนั้น พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน 29ขณะพระองค์ทรงกำลังอธิษฐาน พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์สว่างสุกใสดังแสงฟ้าแลบ 30มีชายสองคนคือโมเสสกับเอลียาห์ 31มาปรากฏกายอย่างเปี่ยมด้วยสง่าราศีและสนทนากับพระเยซู พวกเขาพูดถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งพระองค์กำลังจะทำให้สำเร็จที่กรุงเยรูซาเล็ม 32เปโตรกับเพื่อนๆ ง่วงมาก แต่เมื่อตาสว่างเต็มที่พวกเขาก็เห็นพระเกียรติสิริของพระองค์และเห็นชายสองคนยืนอยู่กับพระองค์ 33ขณะคนทั้งสองกำลังจะจากไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงที่พวกข้าพระองค์ได้มาอยู่ที่นี่ ให้เราสร้างเพิงขึ้นสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” (เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่)

34ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เมฆก็ปรากฏขึ้นปกคลุมพวกเขา เมื่ออยู่ในเมฆพวกเขากลัวมาก 35มีพระสุรเสียงดังจากเมฆว่า “คนนี้คือลูกของเราซึ่งเราได้เลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังเขาเถิด” 36เมื่อสิ้นเสียงนั้น พวกเขาเห็นว่ามีพระเยซูอยู่เพียงผู้เดียว สาวกทั้งสามเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว และในเวลานั้นพวกเขาไม่เล่าสิ่งที่ตนเห็นให้ใครฟัง

ทรงรักษาเด็กผู้ชายที่ถูกวิญญาณชั่วสิง

(มธ.17:14-18,22,23; มก.9:14-27,30-32)

37วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว มีฝูงชนกลุ่มใหญ่มาพบพระเยซู 38ชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องทูลว่า “พระอาจารย์ ขอพระองค์โปรดมาทอดพระเนตรลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของข้าพระองค์ 39มีวิญญาณเข้าสิงเขาและเขาจะกรีดร้องทันที มันทำให้เขาชักทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และมันกำลังทำลายเขา 40ข้าพระองค์ขอร้องสาวกของพระองค์ให้ขับมันออก แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้”

41พระเยซูตรัสว่า “คนในยุคที่ขาดความเชื่อและวิปริต เราจะอยู่กับพวกท่านและต้องทนพวกท่านไปนานเท่าใด? พาลูกของท่านมาที่นี่เถิด”

42แม้ขณะที่เด็กกำลังมา ผีก็ยังทำให้เขาล้มชักบนพื้น แต่พระเยซูทรงกำราบวิญญาณชั่ว9:42 ภาษากรีกว่าโสโครก และรักษาเด็กคนนั้นแล้วส่งคืนให้บิดา 43เขาทั้งหลายล้วนศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจในการทั้งปวงที่พระเยซูได้ทรงกระทำ พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า 44“จงตั้งใจฟังสิ่งที่เราจะบอกท่านให้ดี คือบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือมนุษย์” 45แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทรงหมายความว่าอะไร เพราะความข้อนี้ถูกเก็บงำจากเขาเพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และเขาก็ไม่กล้าทูลถามพระองค์เรื่องนี้

ผู้ใดจะเป็นใหญ่ที่สุด

(มธ.18:1-5; มก.9:33-40)

46เกิดการโต้เถียงกันในหมู่สาวกว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด 47พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงทรงนำเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนอยู่ข้างพระองค์ 48แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กน้อยนี้ในนามของเรา ก็ต้อนรับเรา และผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เพราะผู้เล็กน้อยที่สุดในหมู่พวกท่านทั้งปวง ก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

49ยอห์นทูลว่า “พระอาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นชายคนหนึ่งขับผีออกในพระนามของพระองค์และพวกเราพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเรา”

50พระเยซูตรัสว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้ต่อต้านท่าน ก็อยู่ฝ่ายท่าน”

ชาวสะมาเรียต่อต้านพระเยซู

51เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พระเยซูจะทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 52และพระองค์ทรงส่งคนไปล่วงหน้า พวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรีย เพื่อเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อมสำหรับพระองค์ 53แต่ผู้คนที่นั่นไม่ต้อนรับพระองค์ เพราะทรงมุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 54เมื่อยากอบกับยอห์นสาวกของพระองค์เห็นเช่นนี้ก็ทูลถามว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงต้องการให้พวกข้าพระองค์ขอไฟจากสวรรค์ลงมาทำลายพวกเขาหรือไม่9:54 สำเนาต้นฉบับบางสำเนาเพิ่มข้อความว่าเหมือนที่เอลียาห์ได้ทำ?” 55แต่พระเยซูทรงหันมาตำหนิพวกเขา 56แล้ว9:55,56 สำเนาต้นฉบับบางสำเนาเพิ่มข้อความว่าและพระองค์ตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่าจิตใจของท่านเป็นแบบไหน เพราะบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อทำลายชีวิตมนุษย์ แต่มาเพื่อช่วยพวกเขาให้รอด” 56แล้ว พวกเขาพากันไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง

การติดตามพระเยซู

(มธ.8:19-22)

57ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทาง มีชายคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า “ข้าพระองค์จะติดตามพระองค์ไม่ว่าจะทรงไปยังที่ใด”

58พระเยซูตรัสตอบว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ”

59พระองค์ตรัสกับชายอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามา”

แต่เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ให้ข้าพระองค์ไปฝังศพบิดาก่อน”

60พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้คนตายฝังผู้ตายของพวกเขาเองเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า”

61อีกคนทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์จะติดตามพระองค์ แต่ขอกลับไปร่ำลาครอบครัวของข้าพระองค์ก่อน”

62พระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่มือจับคันไถแล้วยังเหลียวมองข้างหลังก็ไม่เหมาะกับการรับใช้ในอาณาจักรของพระเจ้า”

Japanese Contemporary Bible

ルカの福音書 9:1-62

9

神の国を告げ知らせる

1ある日、イエスは十二人の弟子を呼び集め、悪霊を追い出し、病気を治す力と権威をお授けになりました。 2こうして、すべての人に神の国が来ることを告げ知らせ、病人をいやすために、彼らを派遣したのです。 3イエスの指示はこうでした。「杖も、旅行袋も、食べ物も、お金も持って行ってはいけません。また下着も二枚はいりません。 4どの町でも、ずっと同じ家に泊まりなさい。 5もし、町の人たちがあなたがたのことばに耳を貸さないなら、急いでその町から出なさい。その時は、彼らが神を拒んだという証拠に、足のちりを払い落としなさい。」 6弟子たちは村々を巡り、福音を伝え、病人をいやして歩きました。

7イエスの奇跡のうわさを耳にした領主ヘロデは、ひどくとまどいました。「きっとバプテスマのヨハネが生き返ったのだ」と言う人もあれば、 8「いや、エリヤか昔の預言者の一人だろう」と主張する人もいるというぐあいに、それぞれ、かってなことを言い合っていたからです。うわさはうわさを呼び、いろいろな憶測が国中に乱れ飛びました。 9「ヨハネなら、確かに私が首をはねた。だとしたら、この不思議なうわさの主はいったい何者だろう。」そこでヘロデは、自分でイエスに会ってみようと思いました。

10さて、旅から帰った弟子たちは、経過を残らず報告しました。イエスは彼らを連れ、ひそかにベツサイダの町に行かれましたが、 11人々の目を逃れることはできませんでした。大ぜいの群衆が、あとを追って来たのです。そのような彼らをイエスは心から喜んで迎え、神の国について教えたり、病人をいやしたりなさいました。

12そのうち、日も暮れ始めたので、十二人の弟子たちはイエスのところへ来て頼みました。「先生。この人たちを解散させてください。近くの村や農場に行って、食べ物と今夜の宿を見つけることができるようにしてやらなければ……。こんな寂しい所では、何もありませんから。」 13「いいえ。あなたがたで、みんなに食べ物をあげるのです。」イエスの答えに、弟子たちはあきれ顔で言いました。「手もとには、パンが五つと魚が二匹あるだけです。これだけ大ぜいの人が食べる物を買い出しに行けとおっしゃるのですか。」 14こう言うのも、むりはありません。男だけでも五千人はいたのですから。しかし、イエスは、「さあ、みんなを五十人ぐらいずつに分けて座らせなさい」と言われます。 15弟子たちは訳がわからないながらも、そのとおりにしました。

16そこでイエスは、五つのパンと二匹の魚を取り、天を見上げ、感謝の祈りをささげました。それからパンをちぎり、人々に配るため、弟子たちに手渡されました。 17みんなが食べて満腹したあと、パン切れを集めると、なんと十二かごにもなりました。

18ある日のこと、イエスは一人で祈っておられました。弟子たちは少し離れた所で待っていましたが、しばらくして、イエスは彼らに、「人々は、わたしのことをだれだと言っていますか」とお尋ねになりました。 19「バプテスマのヨハネだと言う者もいますし、エリヤだと言う者もいます。それに、昔の預言者が生き返ったのだと言っている者も……。」 20「では、あなたがたはどう思っているのですか。」即座にペテロが答えました。「あなたこそ神のキリスト(ギリシャ語で、救い主)です。」 21するとイエスは、このことをだれにも言ってはいけないときびしく戒められ、 22「わたしは多くの苦しみを受け、ユダヤ人の指導者たち、長老、祭司長、律法の専門家たちに捨てられ、殺され、そして三日目に復活するのです」と話しました。

23それから、一同に言われました。「いいですか。わたしについて来たい人はだれでも、自分のつごうや利益を考えてはいけません。日々自分の十字架を背負い、わたしのあとについて来なさい。 24自分のいのちを救おうとする者は、かえってそれを失います。ですが、わたしのために自分のいのちを捨てる者は、それを救うのです。 25人はたとえ全世界を手に入れても、自分自身を失ってしまったら何にもなりません。 26わたしが自分と父と聖なる天使との栄光を帯びてやって来る時、わたしとわたしのことばとを恥じるような者たちのことを、わたしも恥じるでしょう。 27よく言っておきますが、あなたがたの中には、神の国を見ないうちは決して死なない者たちがいます。」

栄光に輝くイエス

28それから八日ほどたって、イエスはペテロ、ヨハネ、ヤコブを連れ、祈るために山に登られました。 29祈っているうちにイエスの顔は輝きだし、着物はまばゆいばかりに白くなりました。 30その時、二人の人が現れ、親しげにイエスと話し始めました。なんとモーセとエリヤで、 31彼らの姿も輝いていました。三人は、イエスがエルサレムで最期を遂げることについて話し合っていたのです。 32ペテロとほかの二人は、眠くてまぶたが重くなっていましたが、はっと気がつくと、イエスは栄光に包まれ、モーセとエリヤといっしょに立っておられました。 33その二人が立ち去ろうとするのを見て、すっかり動転していたペテロは、何を言ってよいのかもわからないまま、思わず口走りました。「先生。なんとすばらしいのでしょう! そうだ。幕屋(神がイスラエルの民と会う聖所)を三つ建てましょう。一つは先生のために。それから、モーセとエリヤのためにも一つずつ。」 34ペテロがまだ言い終わらないうちに、光り輝く雲が立ち込め、一同をすっぽりおおったので、弟子たちは恐ろしさのあまり、がたがた震えだしました。 35すると雲の中から、「これはわたしの子、わたしの選んだ者。彼の言うことを聞きなさい」という声がしました。 36その声がやむと、イエスの姿しか見あたりません。三人の弟子たちは、この時のことを、ずっとあとになるまで、だれにも話しませんでした。

エルサレムを目指して進む

37次の日、一行が山から降りて来ると、大ぜいの群衆が待ちかまえていました。 38この時、群衆の中から一人の男が叫びました。「先生、どうかお助けを! 息子を見てやってください。たった一人の息子なんです。 39ひとたび悪霊が取りつくと、大声で叫びだし、ひきつけを起こして口からあわを吹かせ、なかなか離れようとしません。 40そこで、ここにいらっしゃるお弟子たちに、悪霊を追い出してくださいとお願いしたのですが、だめでした。」 41イエスは弟子たちに言われました。「ああ、全く手に負えない、不信仰な人たちよ。いつまで我慢しなければならないのでしょう。さあ、その子を連れて来なさい。」 42少年が近寄ると、悪霊はその子を押し倒し、激しくひきつけさせました。イエスは悪霊に出て行けと命じ、すっかり元気になった少年を、父親の手に返してやりました。 43人々は、こんなことは神にしかできないと考え、恐ろしくなりました。

人々がイエスのなさるさまざまの不思議なわざについて驚いていると、イエスは弟子たちにおっしゃいました。 44「いいですか、よく聞いて、しっかり覚えておきなさい。メシヤ(救い主)であるわたしは、やがて裏切られます。」 45ところが弟子たちには、何のことを言っているのかさっぱりわかりませんでした。このことばの真意が隠されていたからです。それに、聞き返すのもこわかったのです。

46さて、弟子たちの間で、やがて来る神の国ではだれが一番偉いかという議論が持ち上がりました。 47彼らの考えを見抜いたイエスは、小さな子どもを一人そばに立たせて、 48お話しになりました。「だれでも、このような小さな子どもを受け入れる者は、わたしを受け入れているのです。またわたしを受け入れる者は、わたしを遣わされた神を受け入れているのです。あなたがたの中で最も謙遜な者が、最も偉い者なのです。」

49弟子のヨハネが、そばに来て報告しました。「先生。無断であなたのお名前を使い、悪霊を追い出している人を見かけました。仲間ではなかったので、すぐやめさせました。」 50ところが、イエスは言われました。「そんなことをしてはいけません。あなたがたに敵対しない者は、あなたがたの味方なのです。」

51天に上げられる日がだんだん近づいてきたイエスは、固い決意を持って、エルサレムを目指してひたすら進んで行かれました。 52そんなある日、イエスはあらかじめ使いを出して、サマリヤ人の村で泊まろうとなさいましたが、 53使いの者は追い返されてしまいました。彼らがエルサレムに向かう一行だとわかり、サマリヤ人が村に迎え入れるのをいやがったからです。 54これを聞いたヤコブとヨハネはかっとなって、「先生。天から火を呼び下し、彼らを焼き滅ぼしましょうか」と言いました。 55しかし、イエスはふり返り、二人をおしかりになりました。 56そして、一行は別の村に向かいました。

57道を歩いている時、ある人がイエスに言いました。「あなたがおいでになる所なら、どんな所へでもまいります。」 58イエスはお答えになりました。「これだけは、よく覚えておきなさい。わたしには寝る所さえないのです。きつねにも穴があり、鳥にも巣があるというのに、天から来たメシヤのわたしには、この地上では住む家もないのです。」

59またある時、イエスは別の人に、弟子になるようにと声をおかけになりました。彼は、父親の葬式を出すまで待ってくださいと頼みました。 60イエスはお答えになりました。「死人のことは、あとに残った者たちに任せておきなさい。あなたの務めは、出て行って、世界中の人たちに神の国が来ると伝えることです。」

61別の人はこうも言いました。「先生。喜んでお従いします。でもその前に、家族に別れを告げてきたいのですが。」 62しかし、イエスは言われました。「ほんの片時でも、自分のために計画された仕事から目をそらす者は、神の国にふさわしくありません。」