คำเตือนและคำให้กำลังใจ
(มธ.10:26-33)
1ขณะนั้นเมื่อประชาชนหลายพันคนมาชุมนุมเบียดเสียดกันอยู่ พระเยซูทรงเริ่มตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จงระวัง เชื้อของพวกฟาริสี คือความหน้าซื่อใจคด 2ไม่มีสิ่งใดที่ถูกปิดบังไว้จะไม่ได้รับการเปิดเผย หรือที่ซ่อนไว้ซึ่งจะไม่ถูกทำให้ประจักษ์แจ้ง 3สิ่งที่ท่านกล่าวในที่มืดจะได้ยินในที่แจ้ง และสิ่งที่ท่านกระซิบใส่หูในห้องชั้นในจะถูกป่าวประกาศจากหลังคาบ้าน
4“เพื่อนเอ๋ย เราบอกท่านว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แล้วหลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้อีก 5แต่เราจะบอกให้ว่าท่านควรกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวพระองค์ผู้ทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะโยนท่านลงนรกหลังจากได้ฆ่ากายของท่านแล้ว ใช่ เราบอกท่านว่าจงเกรงกลัวพระองค์ 6นกกระจาบขายกันห้าตัวสองบาท12:6 ภาษากรีกว่า2 อัสซาริอัน ไม่ใช่หรือ? ถึงกระนั้นก็ไม่มีสักตัวที่พระเจ้าทรงลืม 7อันที่จริงผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านก็ทรงนับทั้งหมดไว้แล้ว อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ายิ่งกว่านกกระจาบหลายตัว
8“เราบอกท่านว่าผู้ใดยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์จะยอมรับผู้นั้นต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าเช่นกัน 9แต่ผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า 10และทุกคนที่กล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะทรงอภัยให้ แต่ผู้ใดหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไม่ทรงอภัยให้
11“เมื่อท่านถูกนำตัวไปไต่สวนในธรรมศาลาและถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้าผู้ปกครองและผู้ทรงอำนาจ อย่าวิตกกังวลว่าท่านจะแก้ต่างให้กับตนเองอย่างไรหรือจะพูดอะไร 12เพราะในเวลานั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสอนท่านว่าท่านควรพูดอะไร”
คำอุปมาเรื่องเศรษฐีโง่
13คนหนึ่งในฝูงชนทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์เจ้าข้า ช่วยบอกพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกแก่ข้าพเจ้าด้วย”
14พระเยซูตรัสตอบว่า “พ่อหนุ่มเอ๋ย ใครตั้งเราให้เป็นตุลาการหรือเป็นผู้แบ่งสมบัติให้เจ้า?” 15แล้วพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงระวังให้ดี! จงระวังตนจากความโลภทุกชนิด ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สิ่งของเหลือเฟือ”
16และพระองค์ตรัสคำอุปมานี้แก่พวกเขาว่า “ที่ดินของเศรษฐีคนหนึ่งให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ 17เขาคิดในใจว่า ‘เราจะทำอย่างไรดี? เราไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผล’
18“แล้วเขากล่าวว่า ‘เราจะทำอย่างนี้ คือรื้อยุ้งฉางของเรา แล้วสร้างให้ใหญ่ขึ้นจะได้เอาไว้เก็บพืชผลและข้าวของทุกอย่าง 19จากนั้นเราก็จะบอกตัวเองว่า “เจ้ามีของดีมากมายเก็บไว้พอสำหรับหลายปี ใช้ชีวิตให้สบาย กินดื่ม และรื่นเริงเถิด” ’
20“แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘เจ้าคนโง่! คืนนี้ชีวิตของเจ้าจะถูกเรียกคืนจากเจ้า แล้วใครเล่าจะเป็นผู้ที่ได้รับสิ่งที่เจ้าเตรียมไว้สำหรับตัวเอง?’
21“ผู้ใดสะสมสิ่งของไว้สำหรับตนแต่ไม่ได้มั่งมีต่อหน้าพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้”
อย่าวิตกกังวล
(มธ.6:25-33)
22แล้วพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่า อย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตของท่านว่าจะเอาอะไรกิน หรือพะวงเกี่ยวกับร่างกายของท่านว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม 23ชีวิตมีค่ายิ่งกว่าอาหาร และร่างกายมีค่ายิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม 24จงพิจารณาดูนกกา มันไม่ได้หว่าน ไม่ได้เกี่ยว ไม่มีที่เก็บของ ไม่มียุ้งฉาง กระนั้นพระเจ้าก็ทรงเลี้ยงดูนกกาเหล่านี้ และท่านก็มีค่ายิ่งกว่านกมากนัก! 25ใครบ้างในพวกท่านที่กังวลแล้วต่ออายุตัวเองให้ยืนยาวออกไปอีกสักชั่วโมงหนึ่งได้?12:25 หรือเพิ่มความสูงของตนอีกสักศอกหนึ่งได้? 26ในเมื่อเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ท่านยังทำไม่ได้ แล้วท่านจะกังวลเรื่องอื่นๆ ไปทำไม?
27“จงพิจารณาว่าดอกไม้เติบโตขึ้นอย่างไร มันไม่ได้ลงแรงหรือปั่นด้าย กระนั้นเราบอกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์โซโลมอน เมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยความโอ่อ่าตระการ ยังไม่ได้ทรงเครื่องงามสง่าเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง 28ในเมื่อพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าในท้องทุ่งถึงเพียงนี้ หญ้าซึ่งอยู่ที่นี่วันนี้และพรุ่งนี้ก็จะถูกโยนลงในไฟ โอ ท่านผู้มีความเชื่อน้อย! พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? 29และอย่าใจจดใจจ่อว่าท่านจะเอาอะไรกินเอาอะไรดื่ม อย่ากังวลไปเลย 30เพราะคนไม่มีพระเจ้าทั่วโลกต่างขวนขวายหาสิ่งเหล่านี้ และพระบิดาของท่านทรงทราบว่าท่านจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ 31แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า แล้วพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่านด้วย
32“แกะฝูงน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงพอพระทัยที่จะประทานอาณาจักรนั้นแก่ท่าน 33จงขายทรัพย์สินของท่านและบริจาคแก่คนยากไร้ จงจัดเตรียมถุงเงินที่ไม่มีวันฉีกขาดไว้ให้ตนเอง คือทรัพย์สมบัติในสวรรค์ซึ่งไม่รู้จักหมดสิ้น ในที่ซึ่งไม่มีขโมยมาเฉียดใกล้ และไม่มีมอดแมลงมาทำลาย 34เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
จงเฝ้าระวังอยู่
(มธ.24:43-51; 25:1-13; มก.13:33-37)
35“จงแต่งกายให้พร้อมที่จะรับใช้ และดูแลให้บรรดาตะเกียงของท่านส่องสว่างอยู่ 36เหมือนคนงานผู้คอยรับนายของตนซึ่งจะกลับจากงานเลี้ยงฉลองพิธีแต่งงาน เพื่อเมื่อนายกลับมาเคาะประตู เขาจะเปิดประตูรับนายได้ทันที 37เป็นการดีสำหรับคนรับใช้เหล่านั้นที่นายกลับมาแล้วพบว่าพวกเขาเฝ้าคอยอยู่ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า นายจะแต่งกายของตนให้พร้อมที่จะรับใช้ และให้คนรับใช้เหล่านั้นนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะ แล้วนายจะมาคอยปรนนิบัติ 38เป็นการดีสำหรับคนรับใช้เหล่านั้นที่นายพบว่าพวกเขาพร้อมอยู่ แม้ว่านายจะมาตอนสองยามหรือสามยามของคืนนั้น 39แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือหากเจ้าของบ้านล่วงรู้ว่าขโมยจะมาเวลาไหน เขาย่อมไม่ปล่อยให้ใครบุกเข้ามาในบ้านได้ 40พวกท่านก็ต้องเตรียมพร้อมไว้เช่นกัน เพราะบุตรมนุษย์จะมาในยามที่ท่านไม่คาดคิด”
41เปโตรทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ตรัสคำอุปมานี้กับพวกข้าพระองค์หรือกับทุกคน?”
42องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ใครเป็นคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อและฉลาด ซึ่งนายตั้งให้ดูแลคนรับใช้เพื่อคอยแจกจ่ายอาหารให้พวกเขาตามเวลา? 43เป็นการดีสำหรับคนรับใช้ผู้นั้นเมื่อนายกลับมาพบว่าเขาทำตามหน้าที่ 44เราบอกความจริงแก่ท่านว่า นายจะตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของนาย 45แต่ถ้าเขาคิดในใจว่า ‘อีกนานกว่านายของเราจะกลับมา’ เขาจึงเริ่มทุบตีเพื่อนคนรับใช้ชายหญิงและกินดื่มเมามาย 46นายของคนรับใช้ผู้นั้นจะกลับมาในวันที่เขาไม่คาดคิด และในเวลาที่เขาไม่รู้ตัว นายจะสับเขาเป็นชิ้นๆ และส่งเขาไปอยู่ในที่ของคนที่ไม่เชื่อ
47“คนรับใช้ที่รู้ใจนายแล้วไม่เตรียมพร้อมและทำตามความประสงค์ของนายจะถูกเฆี่ยนอย่างหนัก 48ส่วนคนที่ไม่รู้และทำสิ่งที่ควรแก่การลงโทษย่อมจะถูกเฆี่ยนน้อย ทุกคนที่ได้รับมากจะถูกเรียกร้องมาก และคนที่ได้รับมอบหมายไว้มากจะถูกเรียกร้องมากยิ่งกว่า
ไม่ใช่สันติสุขแต่เป็นการแบ่งแยก
(มธ.10:34-36)
49“เรามาเพื่อนำไฟมาสู่โลก และเราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ไฟนั้นจุดขึ้นแล้ว! 50แต่เราจะต้องผ่านบัพติศมาอย่างหนึ่ง และเราเป็นทุกข์ยิ่งนักจนกว่าบัพติศมานั้นจะสำเร็จครบถ้วน! 51ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกหรือ? เปล่าเลย เราขอบอกว่าเรานำการแบ่งแยกมาต่างหาก 52นับแต่นี้ไป ในครอบครัวหนึ่ง ห้าคนจะแตกแยกกัน สามต่อสองหรือสองต่อสาม 53พวกเขาจะแตกแยกกัน พ่อจะแตกแยกกับลูกชาย และลูกชายจะแตกแยกกับพ่อ แม่จะแตกแยกกับลูกสาว และลูกสาวจะแตกแยกกับแม่ แม่สามีจะแตกแยกกับลูกสะใภ้ และลูกสะใภ้จะแตกแยกกับแม่สามี”
เข้าใจยุคสมัย
54พระองค์ตรัสกับฝูงชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆลอยขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็บอกทันทีว่า ‘ฝนจะตก’ และฝนก็ตก 55และเมื่อลมใต้พัดมา ท่านบอกว่า ‘อากาศจะร้อน’ และก็เป็นเช่นนั้น 56เจ้าพวกหน้าซื่อใจคด! เจ้ารู้ว่าลักษณะของดินฟ้าอากาศหมายความว่าอย่างไร? แล้วทำไมเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหมายความว่าอย่างไร?
57“เหตุใดท่านจึงไม่ตัดสินเองว่าอะไรถูกต้อง? 58ขณะท่านกับคู่ความไปพบผู้พิพากษา จงขวนขวายหาทางตกลงกับเขาให้ได้ระหว่างทาง มิฉะนั้น เขาจะลากท่านไปพบผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบตัวท่านแก่เจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่จะจับท่านเข้าคุก 59เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้ครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์12:59 ภาษากรีกว่าเลฟตัน”
Àwọn ìkìlọ̀ àti ọ̀rọ̀ ìyànjú
112.1: Mt 16.6; Mk 8.15.Ó sì ṣe, nígbà tí àìníye ìjọ ènìyàn péjọpọ̀, tó bẹ́ẹ̀ tí wọn ń tẹ ara wọn mọ́lẹ̀, ó bẹ̀rẹ̀ sísọ fún àwọn ọmọ-ẹ̀yìn rẹ̀ pé, “Ẹ máa ṣọ́ra yín nítorí ìwúkàrà àwọn Farisi tí í ṣe àgàbàgebè. 212.2-3: Mt 10.26-27; Mk 4.22; Lk 8.17; Ef 5.13.Kò sí ohun tí a bò, tí a kì yóò sì fihàn; tàbí tí ó pamọ́, tí a kì yóò mọ̀. 3Nítorí náà ohunkóhun tí ẹ̀yin sọ ní òkùnkùn, ní gbangba ni a ó ti gbọ́ ọ; àti ohun tí ẹ̀yin bá sọ sí etí ní iyàrá, lórí òrùlé ni a ó ti kéde rẹ̀.
412.4: Jh 15.14-15.12.4-9: Mt 10.28-33.“Èmi sì wí fún yín ẹ̀yin ọ̀rẹ́ mi, ẹ má ṣe bẹ̀rù àwọn tí ó ń pa ara ènìyàn kú, lẹ́yìn èyí, wọn kò sì ní èyí tí wọ́n lè ṣe mọ́. 512.5: Hb 10.31.Ṣùgbọ́n èmi ó sì sọ ẹni tí ẹ̀yin ó bẹ̀rù fún yín: Ẹ bẹ̀rù ẹni tí ó lágbára lẹ́yìn tí ó bá pànìyàn tan, láti wọ́ ni lọ sí ọ̀run àpáàdì. Lóòótọ́ ni mo wí fún yín òun ni kí ẹ bẹ̀rù. 6Ológoṣẹ́ márùn-ún sá à ni a ń tà ní owó idẹ wẹ́wẹ́ méjì? A kò sì gbàgbé ọ̀kan nínú wọn níwájú Ọlọ́run? 712.7: Lk 21.18; Ap 27.34; Mt 12.12.Ṣùgbọ́n gbogbo irun orí yín ni a kà pé ṣánṣán. Nítorí náà kí ẹ má ṣe bẹ̀rù: ẹ̀yin ní iye lórí ju ológoṣẹ́ púpọ̀ lọ.
8“Mo sì wí fún yín pẹ̀lú, Ẹnikẹ́ni tí ó bá jẹ́wọ́ mi níwájú àwọn ènìyàn. Ọmọ ènìyàn yóò sì jẹ́wọ́ rẹ̀ níwájú àwọn angẹli Ọlọ́run: 912.9: Mk 8.38; Lk 9.26; 2Tm 2.12.Ṣùgbọ́n ẹni tí ó bá sẹ́ mi níwájú ènìyàn, a ó sẹ́ ẹ níwájú àwọn angẹli Ọlọ́run. 1012.10: Mt 12.31-32; Mk 3.28-29.Àti ẹnikẹ́ni tí ó bá sọ̀rọ̀-òdì sí ọmọ ènìyàn, a ó dárí rẹ̀ jì í; ṣùgbọ́n ẹnikẹ́ni tí ó bá sọ̀rọ̀-òdì sí ẹ̀mí mímọ́, a kì yóò dárí rẹ̀ jì í.
1112.11-12: Mt 10.19-20; Mk 13.11; Lk 21.14-15.“Nígbà tí wọ́n bá sì mú yin wá sí Sinagọgu, àti síwájú àwọn olórí, àti àwọn aláṣẹ, ẹ má ṣe ṣàníyàn pé, báwo tàbí ohun kín ni ẹ̀yin yóò fèsì rẹ̀ tàbí kín ni ẹ̀yin ó wí: 12Nítorí Ẹ̀mí mímọ́ yóò kọ́ yín ní wákàtí kan náà ní ohun tí ó yẹ kí ẹ sọ.”
Ìtàn òmùgọ̀ ọlọ́rọ̀
13Ọ̀kan nínú àwùjọ wí fún un pé, “Olùkọ́, sọ fún arákùnrin mi kí ó pín mi ní ogún.”
14Ó sì wí fún un pé, “Ọkùnrin yìí, ta ni ó fi mí jẹ onídàájọ́ tàbí olùpíngún fún yín?” 1512.15: 1Tm 6.6-10.Ó sì wí fún wọn pé, “Kíyèsára kí o sì máa ṣọ́ra nítorí ojúkòkòrò: nítorí ìgbésí ayé ènìyàn kò dúró lé ọ̀pọ̀ ohun tí ó ní.”
16Ó sì pa òwe kan fún wọn pé, “Ilẹ̀ ọkùnrin ọlọ́rọ̀ so ọ̀pọ̀lọpọ̀ èso. 17Ó sì rò nínú ara rẹ̀ pé, ‘Èmi ó ti ṣe, nítorí tí èmi kò ní ibi tí èmi ó gbé kó èso mi jọ sí.’
18“Ó sì wí pé, ‘Èyí ni èmi ó ṣe: èmi ó wó àká mi palẹ̀, èmi ó sì kọ́ èyí tí ó tóbi; níbẹ̀ ni èmi ó gbé to gbogbo èso àti ọrọ̀ mi jọ sí. 19Èmi ó sì wí fún ọkàn mi pé, ọkàn, ìwọ ní ọrọ̀ púpọ̀ tí a tò jọ fún ọ̀pọ̀ ọdún; sinmi, máa jẹ, máa mu, máa yọ̀.’
2012.20: Jr 17.11; Jb 27.8; Sm 39.6; Lk 12.33-34.“Ṣùgbọ́n Ọlọ́run wí fún un pé, ‘Ìwọ aṣiwèrè, lóru yìí ni a ó béèrè ọkàn rẹ lọ́wọ́ rẹ; ǹjẹ́ ti ta ni nǹkan wọ̀nyí yóò ha ṣe, tí ìwọ ti pèsè sílẹ̀?’
21“Bẹ́ẹ̀ ni ẹni tí ó to ìṣúra jọ fún ara rẹ̀, tí kò sì ní ọrọ̀ lọ́dọ̀ Ọlọ́run.”
Má ṣe ṣe àníyàn
2212.22-31: Mt 6.25-33. Jesu sì wí fún àwọn ọmọ-ẹ̀yìn rẹ̀ pé, “Nítorí náà mo wí fún yín pé, ẹ má ṣe ṣe àníyàn nítorí ẹ̀mí yín pé, kín ni ẹ̀yin yóò jẹ tàbí nípa ara yin pe kín ni ẹyin o fi bora. 23Ẹ̀mí sá à ju oúnjẹ lọ, ara sì ju aṣọ lọ. 2412.24: Lk 12.6-7.Ẹ kíyèsi àwọn ẹyẹ ìwò: wọn kì í fúnrúgbìn, bẹ́ẹ̀ ni wọn kì í kórè: wọn kò ní àká, bẹ́ẹ̀ ni wọn kò ní abà, Ọlọ́run sá à ń bọ́ wọn: mélòó mélòó ni tí ẹ̀yin fi sàn ju ẹyẹ lọ! 25Ta ni nínú yín nípa àníyàn ṣíṣe tí ó lè fi ìgbọ̀nwọ́ kan kún ọjọ́ ayé rẹ̀? 26Ǹjẹ́ bí ẹ̀yin kò ti lè ṣe èyí tí ó kéré bí eléyìí, èéṣe tí ẹ̀yin fi ń ṣàníyàn nítorí ìyókù?
2712.27: 1Ọb 10.1-10.“Ẹ kíyèsi àwọn lílì bí wọ́n ti ń dàgbà; wọn kì í ṣiṣẹ́, wọn kì í rànwú; ṣùgbọ́n kí èmi wí fún yín, a kò ṣe Solomoni pàápàá lọ́ṣọ̀ọ́ ní gbogbo ògo rẹ̀ tó ọ̀kan nínú ìwọ̀nyí. 28Ǹjẹ́ bí Ọlọ́run bá wọ koríko igbó ní aṣọ tó bẹ́ẹ̀ èyí tí ó wà lónìí, tí a sì gbá a sínú iná lọ́la: mélòó mélòó ni yóò wọ̀ yín láṣọ, ẹ̀yin onígbàgbọ́ kékeré. 29Kí ẹ má sì ṣe lé ohun tí ẹ ó jẹ, tàbí ohun tí ẹ ó mu, kí ẹ má sì ṣe ṣe àníyàn nínú ọkàn. 3012.30: Mt 6.8.Nítorí gbogbo nǹkan wọ̀nyí ni àwọn orílẹ̀-èdè ayé ń wá kiri: Baba yín sì mọ̀ pé, ẹ̀yin ń fẹ́ nǹkan wọ̀nyí. 31Ṣùgbọ́n ẹ máa wá ìjọba Ọlọ́run, gbogbo nǹkan wọ̀nyí ni a ó sì fi kún un fún yín.
3212.32: Jh 21.15-17.“Má bẹ̀rù, agbo kékeré; nítorí dídùn inú Baba yín ni láti fi ìjọba fún yín. 3312.33-34: Mt 6.19-21; Lk 18.22.Ẹ ta ohun tí ẹ̀yin ní, kí ẹ sì tọrẹ àánú kí ẹ sì pèsè àpò fún ara yín, tí kì í gbó, ìṣúra ní ọ̀run tí kì í tán, ní ibi tí olè kò lè súnmọ́, àti ibi tí kòkòrò kì í bà á jẹ́. 34Nítorí ní ibi tí ìṣúra yín gbé wà, níbẹ̀ ni ọkàn yín yóò gbé wà pẹ̀lú.
Ẹ máa ṣọ́nà
3512.35: Ef 6.14; Mt 25.1-13; Mk 13.33-37.“Ẹ di àmùrè yín, kí fìtílà yín sì máa jó. 36Kí ẹ̀yin tìkára yín dàbí ẹni tí ń retí olúwa wọn, nígbà tí òun ó padà ti ibi ìgbéyàwó dé: pé, nígbà tí ó bá dé, tí ó sì kànkùn, kí wọn lè ṣí i sílẹ̀ fún un lọ́gán. 3712.37: Jh 13.3-5; Mt 24.42; Lk 21.36.Ìbùkún ni fún àwọn ọmọ ọ̀dọ̀ náà nígbà tí olúwa náà bá dé tí yóò bá wọn tí wọn ń ṣọ́nà; lóòótọ́ ni mo wí fún yín, yóò di ara rẹ̀ ní àmùrè yóò sì mú wọn jókòó láti jẹun, yóò sì jáde wá láti ṣe ìránṣẹ́ fún wọn. 38Bí olúwa wọn bá sì dé nígbà ìṣọ́ kejì, tàbí tí ó sì dé nígbà ìṣọ́ kẹta, tí ó sì bá wọn bẹ́ẹ̀, ìbùkún ni fún àwọn ọmọ ọ̀dọ̀ náà. 3912.39-40: Mt 24.43-44; 1Tẹ 5.2; If 3.3; 16.15; 2Pt 3.10.Ṣùgbọ́n ẹ mọ èyí pé, baálé ilé ìbá mọ wákàtí tí olè yóò wá, (òun ìbá máa ṣọ́nà) kì bá tí jẹ́ kí a já wọ inú ilé òun. 40Nítorí náà kí ẹ̀yin múra pẹ̀lú: Nítorí ọmọ ènìyàn ń bọ̀ ní wákàtí tí ẹ̀yin kò nírètí.”
41Peteru sì wí pé, “Olúwa, ìwọ pa òwe yìí fún wa, tàbí fún gbogbo ènìyàn?”
4212.42-46: Mt 24.45-51.12.42: Lk 7.13.Olúwa sì dáhùn wí pé, “Ta ni olóòtítọ́ àti ọlọ́gbọ́n ìríjú náà, tí olúwa rẹ̀ fi jẹ olórí agbo ilé rẹ̀, láti máa fi ìwọ̀n oúnjẹ wọ́n fún wọn ní àkókò? 43Ìbùkún ni fún ọmọ ọ̀dọ̀ náà, nígbà tí olúwa rẹ̀ bá dé, tí yóò bá a kí ó máa ṣe bẹ́ẹ̀. 44Lóòótọ́ ni mo wí fún yín yóò fi jẹ olórí ohun gbogbo tí ó ní. 45Ṣùgbọ́n bí ọmọ ọ̀dọ̀ náà bá wí ní ọkàn rẹ̀, pé, ‘Olúwa mi fi ìgbà bíbọ̀ rẹ̀ falẹ̀!’ Tí ó sì bẹ̀rẹ̀ sí í lu àwọn ìránṣẹ́kùnrin àti ìránṣẹ́bìnrin tí ó sì bẹ̀rẹ̀ sí í jẹ àti sí mu àmupara: 46Olúwa ọmọ ọ̀dọ̀ náà yóò dé ní ọjọ́ tí kò retí rẹ̀, àti ní wákàtí tí kò dábàá, yóò sì jẹ ẹ́ ní yà gidigidi, yóò sì yan ipò rẹ̀ pẹ̀lú àwọn aláìgbàgbọ́.
4712.47-48: De 25.2-3; Nu 15.29-30; Lk 8.18; 19.26.“Àti ọmọ ọ̀dọ̀ náà, tí ó mọ ìfẹ́ olúwa rẹ̀, tí kò sì múra sílẹ̀, tí kò sì ṣe gẹ́gẹ́ bí ìfẹ́ rẹ̀, òun ni a ó nà púpọ̀. 48Ṣùgbọ́n èyí tí kò mọ̀, tí ó ṣe ohun tí ó yẹ sí lílù, òun ni a ó lù níwọ̀n. Nítorí ẹnikẹ́ni tí a fún ní púpọ̀, lọ́dọ̀ rẹ̀ ni a ó gbé béèrè púpọ̀: lọ́dọ̀ ẹni tí a bá gbé fi púpọ̀ sí, lọ́dọ̀ rẹ ni a ó gbé béèrè sí i.
Àlàáfíà kọ́ ṣùgbọ́n ìyapa
4912.49: Lk 22.15.“Iná ni èmi wá láti sọ sí ayé; kín ni èmi sì ń fẹ́ bí kò ṣe kí iná náà ti jo! 5012.50: Mk 10.38-39; Jh 12.27.Ṣùgbọ́n èmi ní bamitiisi kan tí a ó fi bamitiisi mi; ara ti ń ni mí tó títí yóò fi parí! 5112.51-53: Mt 10.34-36; Lk 21.16; Mt 7.6.Ẹ̀yin ṣe bí àlàáfíà ni èmi fi sí ayé? Mo wí fún yín, bẹ́ẹ̀ kọ́; ṣùgbọ́n bí kò ṣe ìyapa. 52Nítorí láti ìsinsin yìí lọ, ènìyàn márùn-ún yóò wà ní ilé kan náà tí a ó yà ní ipa, mẹ́ta sí méjì, àti méjì sí mẹ́ta. 53A ó ya baba nípa sí ọmọ rẹ̀ ọkùnrin, àti ọmọ ọkùnrin sí baba; ìyá sí ọmọbìnrin, àti ọmọbìnrin sí ìyá rẹ̀, ìyá ọkọ sí ìyàwó ọmọ, àti ìyàwó ọmọ sí ìyá ọkọ rẹ̀.”
Ògbufọ̀ àwọn àkókò
5412.54-56: Mt 16.2-3.Ó sì wí fún ìjọ ènìyàn pẹ̀lú pé, “Nígbà tí ẹ̀yin bá rí àwọsánmọ̀ tí ó ṣú ní ìhà ìwọ̀-oòrùn, lọ́gán ni ẹ̀yin yóò sọ pé, ‘Ọ̀wààrà òjò ń bọ̀,’ a sì rí bẹ́ẹ̀. 55Nígbà tí afẹ́fẹ́ gúúsù bá ń fẹ́, ẹ̀yin á ní, ‘Oòrùn yóò mú,’ yóò sì ṣe bẹ́ẹ̀. 56Ẹ̀yin àgàbàgebè! Ẹ̀yin le mòye ojú ọ̀run àti ti ayé. Èéha ti ṣe tí ẹ̀yin kò mọ àkókò yìí?
5712.57-59: Mt 5.25-26.“Èéha ti ṣe tí ẹ̀yin tìkára yín kò fi ro ohun tí ó tọ́? 58Nígbà tí ìwọ bá bá ọ̀tá rẹ lọ sọ́dọ̀ onídàájọ́, rí i pé o bá a parí ọ̀rọ̀ ní ọ̀nà kí ó má ba à fà ọ́ fún adájọ́, adájọ́ a fi ọ́ lé ẹ̀ṣọ́ lọ́wọ́, òun a sì tì ọ́ sínú túbú. 59Kí èmi wí fún ọ, ìwọ kì yóò jáde kúrò níbẹ̀, títí ìwọ ó fi san ẹyọ owó kan tí ó kù!”