ส่งบารนาบัสกับเซาโลออกไป
1คริสตจักรที่เมืองอันทิโอกมีผู้เผยพระวจนะและอาจารย์ได้แก่ บารนาบัส สิเมโอนที่เรียกกันว่านิเกอร์ ลูสิอัสชาวไซรีน มานาเอน (ผู้เติบโตมากับเฮโรดผู้ครองแคว้น) และเซาโล 2ขณะเขาทั้งหลายกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและอดอาหารพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ตรัสว่า “จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับเราเพื่องานซึ่งเราได้เรียกให้พวกเขาทำ” 3ดังนั้นหลังจากอดอาหารและอธิษฐานแล้วพวกเขาจึงวางมือบนเขาทั้งสองแล้วส่งออกไป
บนเกาะไซปรัส
4พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงส่งเขาทั้งสองลงมาที่เมืองเซลูเคียและนั่งเรือจากที่นั่นมายังเกาะไซปรัส 5เมื่อมาถึงเมืองซาลามิสพวกเขาก็ประกาศพระวจนะของพระเจ้าในธรรมศาลาของพวกยิว ยอห์นก็อยู่เป็นผู้ช่วยของพวกเขาด้วย
6พวกเขาเดินทางไปทั่วเกาะจนมาถึงเมืองปาโฟส ที่นั่นพวกเขาพบนักคาถาอาคมชาวยิว ซึ่งเป็นผู้พยากรณ์เท็จชื่อบารเยซู 7เขาเป็นคนของผู้ตรวจการเสอร์จีอัสพอลัส ผู้ตรวจการคนนี้เป็นคนเฉลียวฉลาด เขาส่งคนมาตามบารนาบัสกับเซาโลไปพบเพราะต้องการฟังพระวจนะของพระเจ้า 8แต่เอลีมาสนักคาถาอาคม (เพราะชื่อของเขาหมายความว่าอย่างนั้น) ขัดขวางและพยายามดึงผู้ตรวจการให้หันเหจากความเชื่อ 9แล้วเซาโลผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่าเปาโลเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์มองตรงไปที่เอลีมาสและกล่าวว่า 10“เจ้าเป็นลูกของมารร้ายเป็นศัตรูต่อทุกสิ่งที่ถูกต้อง! เจ้ามีแต่ความหลอกลวงและเล่ห์เพทุบาย เจ้าจะไม่หยุดบิดเบือนวิถีอันถูกต้องขององค์พระผู้เป็นเจ้าเลยหรือ? 11บัดนี้พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะจัดการกับเจ้า เจ้าจะตาบอดมองไม่เห็นแสงตะวันตลอดช่วงหนึ่ง”
ทันใดนั้นความมืดมัวเกิดแก่เอลีมาสและเขาต้องคลำหาคนให้จูงมือไป 12เมื่อผู้ตรวจการเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เชื่อเพราะอัศจรรย์ใจในคำสอนเกี่ยวกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ในเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย
13เปาโลกับพวกนั่งเรือจากเมืองปาโฟสไปยังเมืองเปอร์กาในแคว้นปัมฟีเลีย ที่นั่นยอห์นจากพวกเขากลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 14จากเมืองเปอร์กาพวกเขาเดินทางต่อมายังเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ในวันสะบาโตก็เข้ามานั่งในธรรมศาลา 15หลังจากอ่านหนังสือบทบัญญัติและหนังสือผู้เผยพระวจนะแล้วเหล่านายธรรมศาลาก็ให้คนมาบอกพวกเขาว่า “พี่น้องเอ๋ย หากมีอะไรจะให้กำลังใจแก่ที่ประชุมก็เชิญกล่าวเถิด”
16เปาโลยืนขึ้นโบกมือและกล่าวว่า “ชนอิสราเอลและท่านชาวต่างชาติผู้นมัสการพระเจ้าโปรดฟังข้าพเจ้า! 17พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลทรงเลือกสรรบรรพบุรุษของเรา ทรงให้เหล่าประชากรเจริญรุ่งเรืองขณะอยู่ในอียิปต์ ทรงนำพวกเขาออกมาจากประเทศนั้นด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ 18พระองค์ทรงอดทนต่อความประพฤติของเหล่าบรรพบุรุษ13:18 สำเนาต้นฉบับบางสำเนาว่าและทรงดูแลพวกเขาเป็นเวลาสี่สิบปีในถิ่นกันดาร 19ทรงโค่นล้มเจ็ดประชาชาติในคานาอัน และประทานดินแดนของพวกเขาให้เป็นกรรมสิทธิ์ของประชากรของพระองค์ 20เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในช่วง 450 ปี
“หลังจากนั้นพระเจ้าได้ประทานเหล่าผู้วินิจฉัยให้เขาจนถึงสมัยของผู้เผยพระวจนะซามูเอล 21จากนั้นเหล่าประชากรขอมีกษัตริย์และพระองค์ประทานซาอูลบุตรของคีชแห่งตระกูลเบนยามินซึ่งปกครองอยู่สี่สิบปี 22หลังจากพระเจ้าทรงปลดซาอูลพระองค์ก็ทรงตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์และทรงเป็นพยานเกี่ยวกับดาวิดว่า ‘เราพบว่าดาวิดบุตรเจสซีเป็นผู้ที่เราชอบใจยิ่งนัก เขาจะทำทุกสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำ’
23“จากวงศ์วานของดาวิดนี้เองพระเจ้าทรงนำพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดตามที่ทรงสัญญาไว้มาสู่อิสราเอล 24ก่อนพระเยซูเสด็จมายอห์นประกาศเรื่องการกลับใจใหม่และการรับบัพติศมาแก่ปวงชนอิสราเอล 25เมื่อยอห์นทำงานของตนใกล้จะเสร็จแล้วเขากล่าวว่า ‘พวกท่านคิดว่าข้าพเจ้าเป็นใคร? ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้ที่พวกท่านกำลังมองหาอยู่ แต่มีผู้หนึ่งกำลังจะมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์’
26“พี่น้องทั้งหลายผู้เป็นลูกหลานของอับราฮัมและท่านชาวต่างชาติผู้ยำเกรงพระเจ้า พวกเรานี่แหละคือผู้ที่เรื่องราวแห่งความรอดนี้มีมาถึง 27ชาวกรุงเยรูซาเล็มกับพวกผู้นำของเขาไม่รู้ว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ใด ถึงกระนั้นที่เขาตัดสินลงโทษพระองค์ก็เป็นไปตามคำของผู้เผยพระวจนะซึ่งอ่านกันอยู่ทุกวันสะบาโต 28ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่พบมูลเหตุใดที่จะเอาผิดถึงตายก็ยังขอให้ปีลาตประหารพระองค์ 29เมื่อเขาทั้งหลายได้ทำตามสิ่งทั้งปวงที่มีเขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์แล้วก็นำพระศพลงจากต้นไม้ไปวางไว้ในอุโมงค์ 30แต่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย 31และบรรดาผู้ที่ได้ตามเสด็จพระองค์จากแคว้นกาลิลีมายังกรุงเยรูซาเล็มได้เห็นพระองค์เป็นเวลาหลายวัน บัดนี้พวกเขาเป็นพยานเรื่องพระองค์แก่ประชาชนของเรา
32“พวกเราแจ้งข่าวประเสริฐนี้แก่ท่าน คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับเหล่าบรรพบุรุษของเรา 33พระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้วเพื่อพวกเราผู้เป็นลูกหลานของคนเหล่านั้นโดยทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นตามที่เขียนไว้ในสดุดีบทที่สองว่า
“ ‘เจ้าเป็นบุตรของเรา
วันนี้เราได้เป็นบิดาของเจ้า13:33 หรือเราได้ให้กำเนิดเจ้า’13:33 สดด.2:7
34ความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย ไม่ต้องเน่าเปื่อยเลย ระบุไว้ในข้อความที่ว่า
“ ‘เราจะให้พรอันบริสุทธิ์และแน่นอนแก่เจ้าตามที่ได้สัญญาไว้กับดาวิด’13:34 อสย.55:3
35และอีกตอนหนึ่งที่ว่า
“ ‘พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เน่าเปื่อย’13:35 สดด.16:10
36“เพราะเมื่อดาวิดได้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าในชั่วอายุของเขาแล้วเขาก็ล่วงลับไปและถูกฝังไว้กับเหล่าบรรพบุรุษและร่างกายของเขาก็เน่าเปื่อยไป 37แต่พระองค์ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นจากตายนั้นไม่เคยเน่าเปื่อย
38“ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านรู้ว่าโดยทางพระเยซูนี้จึงมีการประกาศการอภัยโทษบาปแก่ท่านทั้งหลาย 39โดยทางพระองค์ทุกคนที่เชื่อก็ถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรม พ้นจากโทษทุกอย่างซึ่งไม่อาจพ้นได้โดยอาศัยบทบัญญัติของโมเสส 40จงระวังให้ดี อย่าให้สิ่งที่บรรดาผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้เกิดขึ้นแก่ท่าน คือที่ว่า
41“ ‘ดูเถิด เจ้าพวกคนชอบเยาะเย้ย
จงฉงนสนเท่ห์และพินาศไป
เพราะเรากำลังจะทำบางสิ่งในสมัยของเจ้า
ซึ่งถึงแม้มีใครบอกเจ้า
เจ้าก็จะไม่มีวันเชื่อ’13:41 ฮบก. 1:5”
42ขณะเปาโลกับบารนาบัสออกจากธรรมศาลาคนทั้งหลายก็เชื้อเชิญเขาให้กล่าวเรื่องเหล่านี้ต่อไปในวันสะบาโตหน้า 43เมื่อเลิกประชุมแล้วชาวยิวและคนเข้าจารีตยิวซึ่งเคร่งศาสนาหลายคนก็ติดตามเปาโลกับบารนาบัสไป คนทั้งสองพูดคุยและกำชับพวกเขาให้อยู่ในพระคุณของพระเจ้าต่อไป
44ในวันสะบาโตต่อมาคนเกือบทั้งเมืองมาชุมนุมกันเพื่อฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า 45เมื่อพวกยิวเห็นผู้คนมากมายก็อิจฉาริษยายิ่งนักจึงพูดให้ร้ายต่อต้านสิ่งที่เปาโลกำลังกล่าว
46แล้วเปาโลกับบารนาบัสจึงโต้ตอบพวกเขาด้วยใจกล้าว่า “เราต้องประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่พวกท่านก่อน ในเมื่อท่านปฏิเสธและไม่เห็นว่าตัวเองคู่ควรกับชีวิตนิรันดร์บัดนี้เราก็จะหันไปหาพวกต่างชาติ 47เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาเราไว้ว่า
“ ‘เราได้ทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างสำหรับชนต่างชาติ
เพื่อเจ้าจะนำความรอดไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก’13:47 อสย.49:6”
48ฝ่ายคนต่างชาติเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจและยกย่องพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า และบรรดาผู้ที่ถูกกำหนดไว้ให้มีชีวิตนิรันดร์ก็เชื่อ 49พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแพร่ไปทั่วภูมิภาคนั้น 50แต่พวกยิวยุยงสตรีสูงศักดิ์ผู้ยำเกรงพระเจ้าและเหล่าบุรุษที่เป็นผู้นำในเมืองนั้น พวกเขาปลุกปั่นให้คนเหล่านี้ข่มเหงเปาโลกับบารนาบัสและขับไล่คนทั้งสองออกจากภูมิภาคนั้น 51ดังนั้นทั้งสองจึงสะบัดฝุ่นจากเท้าเป็นการประท้วงพวกเขาแล้วไปยังเมืองอิโคนียูม 52และเหล่าสาวกก็เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีและพระวิญญาณบริสุทธิ์
Gipadala sa Espiritu Santo si Barnabas ug si Saulo
1Sa Antioquia may mga propeta ug mga magtutudlo nga miyembro sa iglesia. Sila mao si Barnabas, si Simeon nga gitawag nga Negro, si Lucio nga taga-Cyrene, si Manaen nga nagdako sa panimalay ni Herodes nga Gobernador, ug si Saulo. 2Samtang nagsimba sila sa Ginoo ug nagpuasa, miingon ang Espiritu Santo kanila, “Igahin ninyo alang kanako si Barnabas ug si Saulo tungod kay may ipabuhat ako kanila.” 3Human sa ilang pagpuasa ug pag-ampo, gipandongan nila si Barnabas ug si Saulo sa ilang mga kamot ug unya gipalakaw sila.
Si Barnabas ug si Saulo didto sa Cyprus
4Busa gipadala sa Espiritu Santo sila si Barnabas ug Saulo didto sa Seleucia. Gikan didto misakay sila padulong sa Cyprus. 5Pag-abot nila sa lungsod sa Salamina nagwali sila sa pulong sa Dios didto sa mga simbahan sa mga Judio. Si Juan Marcos kauban usab nila aron sa pagtabang sa ilang buluhaton. 6Gilibot nila ang tibuok isla hangtod nga nakaabot sila sa lungsod sa Pafos. Didto may nakita silang madyikero nga ginganlag Bar-Jesus. Judio siya, ug nagpakaaron-ingnon nga propeta sa Dios. 7Amigo siya ni Sergio Paulo nga gobernador sa maong isla. Si Sergio Paulo maalamon nga tawo. Gipatawag niya si Barnabas ug si Saulo tungod kay gusto siyang maminaw sa pulong sa Dios. 8Apan gibabagan sila sa madyikero nga si Elimas. (Mao kini ang ngalan ni Bar-Jesus sa pulong nga Griego.) Gipaningkamotan gayod niya nga ilikay ang gobernador sa pagtuo kang Jesus. 9Apan si Saulo nga gitawag usab nga Pablo gigamhan sa Espiritu Santo, mitutok kang Elimas ug miingon, 10“Anak ka ni Satanas! Kaaway ka sa tanang maayo! Pagpanglimbong ug pagpanunto lamang ang imong gipangbuhat. Kanunay nimong gituis ang kamatuoran nga gikan sa Ginoo. 11Karon silotan ka sa Ginoo. Mabuta ka ug dili makakita sulod sa pipila ka adlaw.” Ug diha-diha mingitngit ang panan-aw ni Elimas ug nabuta siya. Nagpangapkap na lang siya ug nagpangitag moagak kaniya. 12Sa dihang nakita sa gobernador ang nahitabo kang Elimas mituo siya, ug nahibulong gayod siya sa pagtulon-an mahitungod sa Ginoo.
Silang Pablo didto sa Antioquia
13Paggikan nila ni Pablo sa Pafos, milawig sila padulong sa Perga nga sakop sa probinsya sa Panfilia. Pag-abot nila gibiyaan sila didto ni Juan Marcos. Mibalik siya sa Jerusalem. 14Sila ni Pablo milahos sa Antioquia nga sakop sa probinsya sa Pisidia. Pag-abot sa Adlaw nga Igpapahulay miadto sila sa simbahan sa mga Judio ug milingkod didto. 15May mibasa sa Kasugoan ni Moises ug sa mga sinulat sa mga propeta. Ug unya may gisugo ang mga opisyal sa pag-ingon kanila ni Pablo, “Mga kaigsoonan, kon may isulti kamong ikalig-on sa mga tawo isulti ninyo.” 16Busa mitindog si Pablo ug gisinyasan niya ang mga tawo nga maminaw kaniya. Miingon siya:
“Mga kaigsoonan kong mga Israelinhon, ug kamong dili mga Israelinhon apan nagasimba usab sa Dios, paminawa ninyo ako! 17Ang Dios nga gisimba sa mga Israelinhon mao ang mipili sa atong mga katigulangan, ug gipadaghan niya sila samtang didto pa sila nagpuyo sa Ehipto. Ug pinaagi sa iyang gahom gitabangan niya sila aron makagawas sa Ehipto. 18Sulod sa 40 ka tuig, samtang didto sila sa kamingawan nagpailob ang Dios kanila.13:18 nagpailob ang Dios kanila: Sa ubang mga Griego nga teksto, giatiman sila sa Dios. 19Pagkahuman, gilaglag niya ang pito ka mga nasod sa Canaan, ug gihatag niya kining yutaa sa atong mga katigulangan. 20Kining tanan gihimo sa Dios sulod sa 450 ka tuig.
“Ug gihatagan niya sila ug mga maghuhukom aron magdumala kanila hangtod sa panahon ni Samuel nga propeta. 21Sa kaulahian nangayo sila ug hari, busa gihatag sa Dios si Saulo nga anak ni Kish ug usa sa mga kaliwat ni Benjamin. Naghari si Saulo kanila sulod sa 40 ka tuig. 22Sa dihang gipapahawa na sa Dios si Saulo isip hari, si David na usab ang iyang gipili nga maghari kanila. Mao kini ang giingon sa Dios, ‘Gikahimut-an ko si David nga anak ni Jesse. Motuman siya sa tanan kong sugo kaniya.’ ”13:22 Tan-awa usab ang 1 Sam. 13:14. 23Nagpadayon pagsulti si Pablo sa mga tawo, “Sa kaliwat ni David naggikan si Jesus nga mao ang Manluluwas nga gisaad sa Dios sa Israel. 24Sa wala pa magsugod si Jesus sa iyang buluhaton, nagwali si Juan sa tanang mga Israelinhon nga maghinulsol sila sa ilang mga sala ug magpabautismo. 25Sa hapit na mahuman ni Juan ang iyang buluhaton, miingon siya sa mga tawo, ‘Siguro naghuna-huna kamo nga ako mao na ang inyong gipaabot. Apan dili! Gipauna lamang ako. Mosunod siya kanako, apan bisan gani himuon akong sulugoon niya,13:25 himuon akong sulugoon niya: sa literal, bisan tighubad sa higot sa iyang sandalyas. dili ako takos.’ ”
26Ug miingon si Pablo: “Mga kaigsoonan, kamong mga kaliwat ni Abraham ug kamong dili mga Judio apan nagasimba usab sa Dios, kita mao ang gipadad-an sa Dios sa Maayong Balita mahitungod sa kaluwasan. 27Apan ang mga Judio nga nagpuyo sa Jerusalem ug ang ilang mga tigdumala wala moila nga si Jesus mao ang Manluluwas. Wala usab sila makasabot sa gisulti sa mga propeta nga gibasa nila sa matag Adlaw nga Igpapahulay diha sa ilang mga simbahan; apan sila hinuon ang mituman sa mga panagna sa mga propeta pinaagi sa ilang paghukom kang Jesus nga patyon. 28Bisan wala silay lig-on nga katarungan aron patyon siya, ila gihapong gipangayo kang Pilato nga ipapatay si Jesus. 29Ug sa dihang nahimo na nila ang tanang giingon sa Kasulatan nga mahitabo kaniya, gikuha nila siya sa krus ug gibutang sa lubnganan. 30Apan gibanhaw siya sa Dios gikan sa kamatayon. 31Ug sulod sa daghang mga adlaw sa lain-laing higayon nagpakita siya sa mga tawo nga miuban kaniya gikan sa Galilea ngadto sa Jerusalem. Kadtong mga tawhana mao usab karon ang nagasulti sa mga Israelinhon mahitungod kang Jesus. 32Ug ania kami karon aron sultihan kamo sa Maayong Balita nga gisaad sa Dios sa atong mga katigulangan, 33nga gituman na niya kanato nga ilang mga kaliwat. Gihimo niya kini pinaagi sa pagbanhaw niya kang Jesus. Mao kini ang nahisulat sa ikaduha nga Salmo nga nagaingon:
‘Ikaw akong Anak ug karon ipakita ko nga ako ang imong Amahan.’13:33 Tan-awa usab ang Salmo 2:7.
34Tungod kay gisaad nang daan sa Dios nga iya siyang banhawon ug ang iyang lawas dili madunot tungod kay nagaingon siya:
‘Ang mga gisaad ko kang David himuon ko diha kanimo.’13:34 Tan-awa usab ang Isa. 55:3.
35Giingon pa gayod diha sa usa pa ka Salmo:
‘Dili ikaw motugot nga madunot ang lawas sa imong matinumanon nga sulugoon.’13:35 Tan-awa usab ang Salmo 16:10.
36Dili si David ang iyang gipasabot, tungod kay sa pagkahuman sa pagpangalagad ni David sa mga tawo sumala sa mga gipahimo sa Dios kaniya, namatay siya ug gilubong didto sa kilid sa gilubngan sa iyang mga katigulangan ug nadunot ang iyang lawas. 37Apan si Jesus nga gibanhaw sa Dios gikan sa kamatayon wala gayod madunot. 38-39Busa mga kaigsoonan, kinahanglang mahibaloan ninyo nga pinaagi kang Jesus gisulti namo kaninyo ang balita nga kita mapasaylo sa Dios sa atong mga sala. Si bisan kinsa nga nagatuo kang Jesus gipakamatarong na sa Dios. Kini dili mahimo pinaagi sa pagsunod sa Kasugoan ni Moises. 40Busa pangandam kamo aron dili mahitabo kaninyo ang giingon sa mga propeta:
41‘Kamong mga bugalbugalon,
matingala gayod kamo sa akong buhaton.
Mangamatay kamo tungod kay sa inyong panahon may himuon ako nga dili gayod ninyo matuohan bisan kon may mopasabot pa niini kaninyo.’ ”13:41 Tan-awa usab ang Hab. 1:5.
42Sa paggawas na ni Pablo ug ni Barnabas sa simbahan sa mga Judio, giingnan sila sa mga tawo nga mobalik sa sunod Adlaw nga Igpapahulay aron sultihan pa gayod sila mahitungod niining mga butanga. 43Human sa tigom, daghang mga Judio ug mga dili Judio nga nakabig sa relihiyon sa mga Judio ang misunod kang Pablo ug kang Barnabas. Gidasig sila ni Pablo ug ni Barnabas nga magpadayon sila sa pagsalig sa grasya sa Dios.
44Sa pagkasunod Adlaw nga Igpapahulay halos ang tanang mga tawo sa Antioquia nagtigom didto sa simbahan sa mga Judio aron maminaw sa pulong sa Ginoo. 45Pagkakita sa kadagkoan sa mga Judio sa daghang mga tawo nga nanambong, nasina gayod sila ug gisaway nila ang mga gipanulti ni Pablo ug gipakaulawan pa nila siya. 46Apan nagmaisogon hinuon si Pablo ug si Barnabas. Miingon sila sa mga Judio, “Kinahanglan gayod nga iwali una dinhi kaninyong mga Judio ang pulong sa Dios. Apan tungod kay gisalikway ninyo siya nagpaila lamang kini nga kamo dili angayan nga hatagan sa kinabuhi nga walay kataposan. Busa sukad karon, sa mga dili Judio na kami mowali sa Maayong Balita. 47Tungod kay mao kini ang sugo sa Ginoo kanamo:
‘Gihimo ko ikaw nga kahayag sa mga dili Judio, aron nga pinaagi kanimo ang kaluwasan mokaylap sa tibuok kalibotan.’ ”13:47 tibuok kalibotan: sa literal, kinatumyan sa kalibotan.
48Sa dihang nadungog kini sa mga dili Judio nalipay sila ug miingon, “Dalaygon gayod ang pulong sa Ginoo.” Ug ang tanang mga napili alang sa kinabuhi nga walay kataposan nahimong magtutuo.
49Ug mikaylap ang pulong sa Ginoo niadtong dapita. 50Apan gisulsolan sa mga Judio ang mga pangulo sa siyudad apil na ang relihiyoso ug inilang mga babaye, nga mobatok kang Pablo. Busa gilutos nila si Pablo ug si Barnabas ug gipapahawa nila niadtong dapita. 51Gitaktak ni Pablo ug ni Barnabas ang abog sa ilang mga tiil isip pasidaan batok kanila. Unya miadto sila sa Iconium. 52Didto sa Antioquia nalipay gayod ang mga sumusunod ni Jesus ug napuno sila sa Espiritu Santo.
